เป็นเวลาครึ่งปีกว่าแล้วที่โควิด-19 เข้ามามีอิทธิพลกับวิถีชีวิตของคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน การเดินทาง หรืออุตสาหกรรมการทำงานในทุกสายอาชีพ โดยเฉพาะ การโรงแรมและการท่องเที่ยว ที่ดูท่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด วันนี้มีโอกาสได้คุยกับหนึ่งในคนที่ทำงานในโรงแรมอย่าง คุณท็อป – ฉัตรมงคล จรัสสุริยพงศ์ วัย 31 ปี พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแผนกต้อนรับส่วนหน้า อีกทั้งยังมีดีกรีเป็นบล็อกเกอร์อีกด้วย
เขาเล่าให้ฟังว่า ยึดอาชีพทำงานโรงแรมมาได้ 9 ปีแล้ว มีกิจกรรมยามว่าง คือการเปิดบล็อกเขียนรีวิวโรงแรมที่เขาและแฟนสาวได้ไปเยี่ยมเยียน ทุกอย่างดำเนินเป็นไปตามปกติ จนกระทั่งสถานการณ์โควิด-19 ระบาด
“พอโควิดมา ทุกคนแย่หมด ทั้งสายการบิน ทัวร์ โรงแรม หรือธุรกิจอื่นๆ มันกระทบกันเป็นทอดๆ ส่วนตัวสถานการณ์ของผม ในส่วนภาคโรงแรม เริ่มไม่ดีมาตั้งแต่มีนาคม เมษายน แน่นอนว่าผมก็โดน ลดเงินเดือนบ้าง สลับหยุดสลับกันไปทำงานกับคนอื่นๆ บ้าง ตามนโยบายของโรงแรม
ที่ส่วนใหญ่ก็ทำกันแบบนี้ แฟนผมเขาก็ทำงานในโรงแรมเหมือนกัน เจอปัญหาแบบเดียวกัน ก็มานั่งปรึกษากันว่า 6-7 เดือนแล้ว ที่สถานการณ์มันไม่ดีขึ้น เราต้องทำอะไรสักอย่างกันแล้วแหละ และสิ่งที่คิดได้ เรารู้ว่ารายได้ลดลงแน่นอนล่ะ และสิ่งที่เราทำได้มีอยู่ 2 ทาง คือ เราต้องลดรายจ่าย และ ต้องหารายได้จากทางอื่น”
“ตอนแรกก็ไม่รู้จะเริ่มอะไรจากตรงไหนเหมือนกันนะครับ เพราะเราทั้งคู่ก็ทำงานเป็นพนักงานโรงแรมกันมานาน คือมีอยู่อาชีพเดียว แล้วเวลาว่างๆ ก็มีเขียนรีวิวโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวกันสองคนลงบล็อกบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้แฟนเลือกทำแซนด์วิชโบราณขาย ผมก็โอเค งั้นก็ทำอันนี้ก็ได้ แฟนก็เลยไปนั่งเรียนทำน้ำสลัดแซนด์วิชโบราณจากยูทูบแล้วมาทำ” คุณท็อป เล่า
เมื่อตกลงปลงใจที่จะมาทำแซนด์วิชโบราณขาย คุณท็อปและแฟนสาวจึงช่วยกันผลิต ปรับสูตรให้เป็นของตัวเอง จากนั้นจึงเริ่มทำแจกจ่ายให้คนรอบตัวลองทาน และเริ่มทำออกขายคนรอบตัว โดยอาศัยพื้นที่ของโรงแรมที่ช่วยเหลือและเปิดพื้นที่ให้ขาย จนเมื่อได้กระแสตอบรับที่พอให้ชื่นใจแล้ว จึงตัดสินใจทำขายจริงจัง
“ตอนหันมาขายแซนด์วิช ก็มีคนถามเหมือนกันว่า ใส่สูท ผูกไท ทำงานในห้องแอร์หล่อๆ ในโรงแรม มาขายแซนด์วิชแบบนี้ไม่อายเหรอ ผมก็คิดในใจนะว่าจะอายทำไม เราทำมาหากินสุจริต คือในการทำงาน ทุกคนจะมีหัวโขนกันอยู่แล้ว แต่พอเลิกงานแล้วถอดหัวโขนออก คุณก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเอง แล้วยิ่งสถานการณ์แบบนี้ มันยิ่งไม่ต้องคิดอะไรมากมายเลย คุณสามารถมีอาชีพเสริมได้ ซึ่งผมก็เอาประสบการณ์ที่ทำงานในโรงแรม มาปรับใช้กับการขายแซนด์วิชได้นะ เอาเซอร์วิสมายด์เข้าหาลูกค้า มันก็ช่วยทำให้ผมสามารถขายมาได้ 2 เดือนแล้วนะ” ผู้ช่วยหนุ่ม ว่าอย่างนั้น
โดยแซนด์วิชของคุณท็อป ใช้วัตถุดิบอย่างดี ทำให้มีความนุ่ม ผนวกกับไส้น้ำสลัดที่มีความกลมกล่อมเข้มข้น ทำให้แซนด์วิชของเขาอร่อย จนสามารถต้องทำแบรนด์ เพ็ญสมิทธ์ เลยทีเดียว
“ปกติผมก็ขายออนไลน์ครับ ทำสดใหม่วันต่อวัน 1 ชั่วโมงทำได้ประมาณ 20 ชิ้น ผมมีออกไปขายตามรถไฟฟ้าเป็นเวลา อย่าง ช่วงเช้าไปสีลม สายหน่อยช่องนนทรี เที่ยงไปสยาม อะไรแบบนี้ครับ ตอนนี้ก็กำลังทำแบรนด์เป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า เพ็ญสมิทธ์ แล้วผมก็วางแผนอยากทำให้แมสกว่าเดิม แต่ก็ต้องค่อยๆ ทำกันไป”
แซนด์วิชโบราณ ของคุณท็อป มีให้เลือก 3 แบบ คือ 1 ชิ้น แบบสามเหลี่ยม ราคา 25 บาท เซตเล็ก 39 บาท (แบบ 2 ชิ้น) และ เซตใหญ่ 55 บาท (แบบ 3 ชิ้น)
“ม็อบอะไรพวกนี้ ผมก็ผ่านมาแล้วเหมือนกัน แต่คราวนี้มันหนักจริงๆ เพราะเราสู้กับเชื้อโรคที่มันไม่รู้ว่าจุดจบมันจะมาถึงเมื่อไหร่ ผมอ่านบทความแล้วเจอประโยคหนึ่งบ่อยมาก คือ ทุกคนควรมีอาชีพสำรอง ผมไม่เคยเชื่อ จนกระทั่งวันนี้ มันก็ทำให้ผมได้บทเรียนจากเหตุการณ์นี้จริงๆ เลยคิดกันกับแฟนไว้ว่า ไม่ว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ หรือจะอะไรยังไง ก็จะต้องมีอาชีพอื่นๆ ทำด้วย” คุณท็อป กล่าวทิ้งท้าย
หากใครสนใจอยากสั่งซื้อแซนด์วิชโบราณของคุณท็อป สามารถเข้าไปสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ (086) 780-2570 หรือ IG : pennsmith.sandwich
ผู้เขียน : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์