ฉัตรแก้วร่มเกล้าชาวไทย (7) นักศึกษาวิชาทหาร

Culture ศิลปวัฒนธรรม

ช่วงระยะเวลาที่ทรงเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยการทหาร ที่ดันทรูน นครแคนเบอร์ร่า ประเทศออสเตรเลีย  ซึ่งนอกจากวิชาการทหารแล้ว นักศึกษาทุกคนจะต้องเรียนวิชาสำคัญอีกด้วย โดยเป็นวิชาในภาคสามัญ มีให้เลือก 3 แผนก ได้แก่ แผนกวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และอักษรศาสตร์ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ในเวลานั้น ทรงเลือกเรียนแผนกอักษรศาสตร์ และทรงสนพระทัยในวิชาประวัติศาสตร์และเศรษฐศาสตร์อย่างมากด้วย

การเรียนวิชาในภาคสามัญนี้ เป็นการเรียนหลังจากจบการฝึกวิชาทหาร 5 สัปดาห์แล้ว และเรียนต่อไปจนถึง 4 สัปดาห์สุดท้าย  คือในต้นเดือนพฤศจิกายน แล้วจะเปลี่ยนไปเรียนวิชาทหารอีก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาคสนาม สำหรับในปีต่อๆ ไป ก็จะศึกษาทำนองนี้ แต่เป็นวิชาที่สูงขึ้นไปตามหลักสูตรของวิทยาลัย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ จะต้องทรงศึกษาถึง 4 ปีเต็ม และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะทรงได้รับปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต และปริญญาวิชาการทหาร ต่อจากนั้นต้องเสด็จไปประจำค่ายทหารที่เมืองบริสเบน รัฐควีนส์แลนด์ อีกชั่วระยะหนึ่ง

การเล่าเรียนในวิทยาลัยแห่งนี้ โดยปกติแล้วในวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ หรือ ทูลกระหม่อมฟ้าชาย จะเสด็จไปประทับพักผ่อนพระอิริยาบถที่บ้านพักของ “พันตรีสำเริง ไชยยงค์” ซึ่งเป็นราชองครักษ์ตามเสด็จไปแต่ประเทศไทยเพื่อคอยถวายอารักขา ซึ่งบ้านพักของพันตรีสำเริงนั้นอยู่ที่บ้านเลขที่ 47 กิลโมร์เครสเซนต์กาแรน กรุงแคนเบอร่า

“ประยุทธ สิทธิพันธ์” บันทึกถึงกิจวัตรที่สมเด็จเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ อาจจะไม่มีใครนึกถึงว่าจะทรงซักรีดฉลองพระองค์เอง ทรงทำความสะอาดรถยนต์พระที่นั่งซึ่งเป็นรถยี่ห้อโฟล์คสวาเกน นอกจากนี้ยังทรงต่อโมเดลรถถัง รถรบ เครื่องบินทหารแบบต่างๆ และทรงการบ้าน ช่วงเวลาที่ทรงพระสำราญทรงฟังแผ่นเสียงหรือเทปเพลงไทย ทรงร้องเพล  ทรงแต่งละครย่อย แต่งบทเสภา แล้วทรงอัดเทปไว้ ว่ากันว่าพระสุรเสียงที่ทรงขับเสภานั้นไพเราะมาก บางครั้งก็ทรงนิพนธ์บทกลอน ส่วนใหญ่ทรงพรรณนาถึงพระองค์ในออสเตรเลีย ซึ่งมีทั้งความยากลำบาก ขมขื่น และความคิดถึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งพระญาติวงศ์ในไทย บางครั้งก็ทรงกีฬาด้วย

อีกสิ่งหนึ่งที่ทรงกระทำ คือทรงขับรถส่วนพระองค์ไปทอดพระเนตรสถานที่สำคัญๆ เสด็จทอดพระเนตรภาพยนตร์บ้างเป็นครั้งคราว จากนั้นจะเสด็จกลับเข้าวิทยาลัย เวลา 22.00 น.เสมอ ทรงระมัดระวังในเรื่องพระกระยาหารและอนามัย เพราะทางวิทยาลัยมีการทดสอบร่างกายอยู่เป็นประจำ เช่น ให้วิ่งตามภูมิประเทศ 4 ไมล์ หรือ 8 ไมล์ โดยกำหนดเวลาการข้ามสิ่งกีดขวางแบบต่างๆ 9-12 สถานี และการว่ายน้ำเป็นต้น ถ้าใครไม่มีพลานามัยที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงแล้ว จะผ่านการทดสอบร่างกายแบบนี้ไม่ได้เลย ดังนั้น พระองค์จึงทรงระมัดระวังเรื่องพระกระยาหารและพระพลานามัยอย่างที่สุด

ระหว่างปิดภาคเรียนหรือวันหยุดเทศกาล สำหรับนักเรียนใหม่ ทางวิทยาลัยจะพาไปดูงานตามกรม กองทหาร โดยมีการควบคุมอย่างใกล้ชิด ในระหว่างเทศกาลอีสเตอร์ ถึงแม้ทางวิทยาลัยการทหารจะปิด แต่นักเรียนใหม่ไม่มีโอกาสได้หยุดเลย ทางวิทยาลัยกลับพาไปฝึกสนามที่ Recreation เมืองเล็กๆ ชายทะเล ห่างจากกรุงแคนเบอร่าไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 100 ไมล์

ระหว่างปิดภาคเรียนเทอมที่ 1 ตั้งแต่ 15-17 พฤษภาคม 2515 ทางวิทยาลัยให้เสด็จไปดูงานตามกรมกองทหารต่างๆ ที่นครซิดนีย์ เสด็จประทับอยู่ที่ศูนย์การทหารบกเมืองลิเวอร์พูล ตั้งแต่ 15-19 พฤษภาคม หลังจากนั้นทรงขับรถยนต์พระที่นั่งไปตามจังหวัดต่างๆ ทรงเยี่ยมครอบครัวพระสหายและครูอาจารย์เก่าๆ เป็นระยะทาง 800-900 กิโลเมตร เมืองที่เสด็จไปนั้น มีเมืองซิดนีย์ เมลเบิร์น นารูมา เทรดโบ ซึ่งเป็นการทัศนศึกษาไปในตัว


สมเด็จเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ทรงเป็นนักฟุตบอลของกองร้อยที่มีชื่อ เคยได้รับถ้วย “ซอเวอเรน” ของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธมาแล้ว ทรงสนพระทัยในการเล่นกัฬาเป็นพิเศษโดยเฉพาะฟุตบอล นอกจากจะเป็นที่สนิทเสน่หาของสมเด็จพระบรมชนกและราชชนนีแล้ว ยังทรงเป็นแก้วตาของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี “สมเด็จย่า” ด้วย สมเด็จย่าทรงสั่งสอนอบรมอยู่เสมอ เมื่อคราวเสด็จไปประทับที่ออสเตรเลีย สมเด็จย่าทรงห่วงใยกังวล และทรงสอนให้สมเด็จเจ้าฟ้าวชิราลงกรณให้รู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์แก่พระองค์เอง และแก่แผ่นดิน