วันที่ 20 มิถุนายน 2561 บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) ได้จัดการประกวดแข่งขันทำอาหารจากขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ ในโครงการ Farmhouse Cooking Contest “เมนูดี ชีวิตปัง” รอบคัดเลือก ซึ่งจัดขึ้นที่มติชนอคาเดมี เพื่อเฟ้นหา 10 ทีมสุดท้ายที่จะได้เข้าไปแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ไบเทค บางนา
โดยการแข่งขันดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และบุคคลทั่วไปที่มีความคิดสร้างสรรค์ ต้องการหาประสบการณ์บนเวทีการแข่งขัน เพื่อสร้างความแตกต่างและต้องการหาเงินทุน โดยมีเงินรางวัลรวมกว่า 100,000 บาท
รูปแบบการแข่งขัน จะเป็นทีม ทีมละไม่เกิน 2 คน ทำเมนูอาหารจานพิเศษโดยใช้ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ชนิดแผ่นแบบใดก็ได้เป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหาร ประเภทใดก็ได้ทั้งคาวและหวาน 1 เมนู
สำหรับบรรยากาศการแข่งขันรอบคัดเลือกในวันนี้เป็นไปอย่างเข้มข้น ทันทีที่พิธีกรประกาศเริ่มจับเวลา ผู้เข้าแข่งขันเกือบ 30 ทีม ต่างเร่งมือรังสรรค์เมนูอาหารที่มีขนมปังฟาร์มเฮ้าส์เป็นส่วนประกอบกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทันในเวลา 45 นาทีของการแข่งขัน ก่อนจะให้กรรมการทั้ง 3 คนชิมเพื่อลงคะแนน โดยกรรมการทั้ง 3 คน ได้แก่ เชฟจารึก ศรีอรุณ, เชฟสุรศักดิ์ คงสวัสดิ์ หรือเชฟน้อย และกรรมการจากบริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน)
ชมบรรยากาศการแข่งขัน
ซึ่งนอกจากกรรมการทั้ง 3 คน จะคอยเดินดูผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีมขณะปรุงอาหารแล้ว นายอภิชาติ ธรรมมโนมัย กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ และนายอภิเศรษฐ ธรรมมโนมัย กรรมการรองผู้อำนวยการ บมจ.เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ ยังเข้าชมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย
ส่วนเมนูที่แต่ละทีมนำเสนอเรียกได้ว่ามีความคิดสร้างสรรค์ไม่น้อย ยกตัวอย่าง ทีม Thanakorn & Friend กับเมนูที่มีชื่อว่า ปังทอดผัดไทย ที่เป็นการนำหมูและกุ้งมาผัดเป็นเครื่องผัดไทย เสร็จแล้วเอาเครื่องผัดที่ได้วางบนขนมปัง และห่อด้วยขนมปังจัดเป็นรูปดอกกุหลาบ แล้วนำเข้าเตาอบ นอกจากนี้ เมนูสร้างสรรค์จากขนมปังฟาร์มเฮ้าส์เมนูอื่นๆ เช่น พิซซ่าสารพัดหน้า, ทาร์ตยำปลากระป๋อง, ปังเกี๊ยวซ่า, โฮลวีตลาบแซ่บ เป็นต้น
ทั้งนี้ หลังจากที่คณะกรรมการทั้ง 3 คน ได้ชิมอาหารของแต่ละทีม ซึ่งการตัดสินจะใช้เกณฑ์ในเรื่องของรสชาติ, ความคิดสร้างสรรค์, การนำวัตถุดิบสำคัญคือขนมปังฟาร์มเฮ้าส์มาใช้เป็นส่วนประกอบ และการตกแต่งจาน โดย 10 ทีมสุดท้ายที่ผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ ได้แก่ 1.ทีม TWIN กับเมนู Morning Obento กิ๋นข้าวบ๋อ 2.ทีม S&N Home Baking กับเมนู Bread Cheese Cake with Caramel Toast 3.ทีมมาดาม “ซินนามอน” กับเมนู พิซซ่าสารพัดหน้าขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ 4.ทีมสวนดุสิต กับเมนู ฟาร์มเฮ้าส์คัพ ผักโขมซีฟู้ดคัสตาร์ดต้มยำ 5.ทีม Duo กับเมนู on the roll
6.ทีมขวัญฤทัย กับเมนู โรลร้อนไส้กุ้งมายองเนสรสต้มยำข่า 7.ทีมที่บ้านพลอย กับเมนูโอ้โหนี่หรือปังซ่า 8.ทีม Dream Team กับเมนูเมล่อนปังล้าน 9.ทีมครัว-บาง-กอก-ใหญ่ กับเมนูปังปั๊บมันม่วง และ 10.ทีม Flower Ranger กับเมนูกุ้งโสร่งปังโฮลวีต
โดย “อมลวรรณ โอจรัสพร” และ “ปิยดา ภูอิทธิวงศ์” จากทีม Twin กับเมนู Morning Obento กิ๋นข้าวบ๋อ กล่าวว่า มาแข่งเวทีนี้เป็นเวทีแรก ซึ่งเมนูที่นำมาประกวดได้แรงบันดาลใจมาจากคนรอบตัวที่เริ่มมีครอบครัวกันแล้ว แต่ประสบปัญหาลูกๆ ไม่กินผัก กินข้าวยาก เลยปิ๊งไอเดียใช้ผัก 5 สีมาทำ โดยจะบดให้ละเอียดเพื่อให้เด็กไม่รู้สึกว่ากินผัก แล้วนำมากินคู่กับขนมปังได้ จนกลายเป็นเมนูที่กินได้ทั้งครอบครัว
“สิ่งที่เราจะเก็บไปต่อยอดในรอบต่อไปคือการใช้ขนมปังที่คุ้มค่า มีการใช้ขอบขนมปังที่คนส่วนใหญ่จะทิ้ง เราทำให้เป็นขนมปังกรอบ ส่วนรอบต่อไปก็ค่อนข้างมั่นใจมาก เพราะมาถึงจุดนี้แล้วต้องทำให้เต็มที่ ซึ่งถ้าสำเร็จก็คือผลลัพธ์จากความเต็มที่ของเรานั่นเอง” ทีม Twin กล่าว
ด้าน “ดลพร เพียรอดวงษ์” และ “ฌลานันทน์ จันทร์จเร” จากทีม S&N Home Baking ที่มาพร้อมเมนู Bread Cheese Cake with Caramel Toast กล่าวว่า แรงบันดาลใจที่สร้างสรรค์เมนูนี้มาจากส่วนตัวเป็นคนชอบกินและชอบทำของหวานอยู่แล้ว บวกกับทางบ้านคุณแม่เปิดร้านเบเกอรี่ เลยได้เรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก
“การแข่งขันรอบต่อไปต้องกลับไปตกแต่งจานให้ชูวัตถุดิบหลักให้มากกว่านี้ แต่ยังคงรสชาติเหมือนเดิม นั่นคือ หวานกำลังพอดี ส่วนการมองเป้าหมายในรอบชิง ทางทีมไม่ได้หวังว่าจะได้เงินรางวัลหรืออะไร เรารักในสิ่งที่เราทำ เราทำเพราะเรามีความสุขที่เราได้ลงมือทำ ไม่ได้หวังเป็นตัวเงินรางวัล แต่ถ้าได้ก็เป็นกำไรชีวิต เป็นแรงใจให้เราสู้ต่อไป” ทีม S&N Home Baking กล่าว
ถัดมาที่ “ภควดี สิริประเสริฐ” จากทีม มาดามซินนาม่อน กับเมนู พิซซ่าสารพัดหน้าขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ กล่าวว่า แรงบันดาลใจของเมนูนี้มาจากพิซซ่าและขนมปังหน้าหมู เลยคิดสูตรใหม่ขึ้นมาที่จะสร้างเอกลักษณ์ให้กับพิซซ่า โดยการออกแบบให้เป็นหน้าพิซซ่าไทยๆ ผสานกับรูปแบบของขนมปังหน้าหมู แต่ประยุกต์เป็นการอบ จะได้ดีต่อสุขภาพ
“เราเพิ่มชีสเข้าไปแทนไข่ กินคู่กับอาจาด ที่ใครได้ลองชิมแล้วจะได้ความหอมของสมุนไพรที่มีทั้งรากผักชี กระเทียม และพริกไทย เพิ่มรสชาติด้วยการใส่ถั่วแระญี่ปุ่น สับปะรด ชีส และซอส ส่วนตัวปรุงรสเอง โดยใช้กระเทียมและหอมแดง ผัดกับเนย ปรุงรสด้วยซอสมะเขือเทศกับซอสพริก ก็จะได้รสชาติ 3 รส เปรี้ยว หวาน เผ็ด กลมกล่อมกำลังดี ถือว่าเป็นเมนูที่ครบรส ส่วนสิ่งที่ต้องปรับปรุงคือการจัดจาน โดยรอบต่อไปต้องพัฒนาเรื่องการจัดจานให้มากกว่านี้” ภควดีกล่าว
ส่วนสองสาวแพ็คคู่เพื่อนซี้ทีมสวนดุสิต “สุพิชญา ชื่นตา” และ “เนตรสุรีย์ กองศรี” นักศึกษาโรงเรียนการเรือน ม.สวนดุสิต เจ้าของเมนู “ฟาร์มเฮ้าส์คัพ ผักโขมซีฟู้ดคัสตาร์ดต้มยำ” โดยสุพิชญากล่าวว่า เนื่องจากเรียนเกี่ยวกับการทำอาหาร และส่วนตัวชอบกินผักโขมอบชีส จึงดัดแปลงผสมผสานเครื่องต้มยำผสมปลาหมึกให้มีความเป็นไทยมากขึ้น
ด้านเนตรสุรีย์กล่าวเสริมว่า ส่วนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 1 ก.ค. นี้ จะทำอย่างเต็มที่และให้ดีที่สุด
ขณะที่ “วรภัทร ศรีขจรเดช” และ “คณพศ ธัญธนเจษฎาภา” จากทีม Duo กับเมนู “on the roll” โดยวรภัทรเผยว่า แรงบันดาลใจในการทำเมนูนี้มาจากพี่สาวที่ทำเมนูขนมปังโรล เมื่อกินแล้วรู้สึกติดใจในรสชาติของไส้ จึงนำมาปรับปรุงสูตรโดยเพิ่มไส้ให้มีความหลากหลายและแปลกใหม่มากขึ้น จุดเด่น คือ ตัวไส้ของขนมปังจะมีส่วนผสมทั้งผลไม้สด ผลไม้อบแห้ง และธัญพืช เช่น แอปเปิ้ล ลูกเกด บลูเบอร์รี่ ซึ่งแต่ละอันจะมีรสเปรี้ยวอมหวาน จากนั้นนำไปผัดกับเนยและน้ำตาลทรายแดง ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารให้มีความหอมหวานมากขึ้น
“วันนี้ที่ผ่านเข้ารอบ 10 ทีม รู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่คิดว่าจะผ่านเข้ารอบ ส่วนการเตรียมการแข่งขันในรอบต่อไป จะมีการปรับปรุงเมนูให้ดูสวยงามขึ้น แต่ยังคงคุณค่าของอาหารเอาไว้ และมีความหวังว่าจะชนะการแข่งขัน โดยจะเตรียมตัวให้พร้อมและทำเต็มที่” วรภัทรกล่าว
ด้าน “ขวัญฤทัย เพาะทรัพย์” จากทีม ขวัญฤทัย ที่มาพร้อมเมนู โรลร้อนไส้กุ้งมายองเนสรสต้มยำข่า กล่าวว่า ส่วนตัวเป็นคนถนัดอาหารไทยพื้นบ้าน ส่วนขนมปังนั้นเป็นอาหารที่เข้ากับมายองเนสอยู่แล้ว แต่มายองเนสกินเปล่าๆ อาจรู้สึกเลี่ยน จึงเอาต้มข่ามาใส่ให้แก้เลี่ยน โดยไม่ต้องเติมน้ำตาล เพราะขนมปังฟาร์มเฮ้าส์มีรสชาติในตัวเองอยู่แล้ว
“ส่วนตัวเป็นแม่บ้าน และชอบทำอาหารพื้นบ้านอยู่แล้ว ซึ่งนอกจากทำกินเองก็มีไปทำช่วยงานบุญหรืองานการกุศลบ้าง โดยเมนูครั้งนี้ไม่เคยทดลองทำมาก่อน เพิ่งทำเป็นครั้งแรก ส่วนรอบหน้าก็ต้องเตรียมตัวให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการตกแต่งจาน เพราะเราจะไม่ได้เรื่องของโมเดิร์น” ขวัญฤทัยกล่าว
ฟาก “พรรัตน์ อยู่สินธ์” และ “นิธิวรรณ ศรีสวัสดิ์” จากทีม ที่บ้านพลอย เจ้าของผลงาน “โอ้โหนี่หรือปังซ่า” กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกทำเมนูนี้ ซึ่งเป็นการนำขนมปังฟาร์มเฮ้าส์มาดัดแปลงให้มีลักษณะคล้ายแป้งเกี๊ยวซ่า เพราะว่าส่วนตัวชื่นชอบเกี๊ยวซ่าเป็นพิเศษ แล้วโจทย์ในการแข่งขันวัตถุดิบหลักก็คือแป้ง จึงเกิดไอเดียที่จะนำแป้งขนมปังมาแปลงเป็นแป้งเกี๊ยวซ่า
“เราก็ลองทำอยู่ประมาณ 2-3 รอบ ก็ได้แป้งที่น่าพอใจสำหรับการแข่งในครั้งนี้ แต่ในการแข่งครั้งหน้าจำเป็นที่จะต้องมีทีเด็ดมากกว่านี้ เช่น การต่อยอดไส้ ซึ่งตอนนี้เป็นไส้ธรรมดา จึงเป็นโจทย์หลักของเราในการแข่งครั้งหน้า ซึ่งเราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด” ทีมที่บ้านพลอยกล่าว
ด้าน “ปฐมาวดี ชาตะวิทยากูล” และ “นภัสสร บัวบำรุง” ทีม Dream Team เจ้าของผลงาน “เมล่อนปังล้าน” กล่าวว่า ตนได้แรงบันดาลใจมาจากขนมใต้ ผสานเข้ากับความเป็นญี่ปุ่นและกระบวนการทำแบบอาหารฝรั่ง ซึ่งการผสมผสานระหว่างสามสัญชาติในจานเดียวทำให้เป็นจุดขายของเมนูนี้
“เราใช้แป้งไดฟุกุในการทำและจัดให้ด้านบนมีลักษณะคล้ายเมล่อนปัง ซึ่งเป็นลักษณะของขนมญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังทำกะทิให้เป็นครีมตัดกับซอสเปรี้ยว โดยในการแข่งครั้งหน้าเราก็หวังที่จะให้อาหารของเราติดหนึ่งในสามให้ได้” ทีม Dream Team กล่าว
ส่วน “ยุรพรรณ นาวิกนันทน์” และ “รุ่งราตรี อึ้งเจริญ” จากทีม ครัว-บาง-กอก-ใหญ่ เจ้าของเมนู “ปังปั๊บมันม่วง” กล่าวว่า ที่เลือกใช้มันม่วงเนื่องจากในตอนนี้มันม่วงของญี่ปุ่นเป็นที่นิยมมาก และสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับอาหารได้ โดยมันม่วงนอกจากจะมีความหวานอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย
“เราเห็นฟาร์มเฮ้าส์มานานแล้ว และกระแสมันม่วงกำลังมา จึงอยากจะผสมสองอย่างเข้าหากัน เลยออกมาเป็นปังปั๊บมันม่วง แต่ในการแข่งครั้งหน้าทุกๆ ทีมจะต้องงัดไม้เด็ดที่จะเอาชนะทีมอื่น เราเองก็จะพัฒนามันม่วงของเราให้ดีที่สุด เราไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อันดับต้นๆ แต่คิดว่านี่เป็นการสร้างประสบการณ์และความคิดสร้างสรรค์ที่ดีมากๆ แต่ว่ามีความคิดสร้างสรรค์อย่างเดียวไม่สามารถชนะใจกรรมการได้ การที่จะสามารถนำไปขายได้จริงต่างหากที่เป็นจุดสำคัญ เราจึงพยายามที่จะเอาชนะคู่แข่งตรงจุดนี้” ทีมครัว-บาง-กอก-ใหญ่กล่าว
ขณะที่ “นรรฐกรรณ พุกสุริย์วงษ์” จากทีม Flower Ranger เจ้าของเมนูกุ้งโสร่งปังโฮลวีต กล่าวว่า สำหรับเมนูกุ้งโสร่งที่ทำออกมาในวันนี้นั้น ส่วนหนึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากละครบุพเพสันนิวาส แต่อีกส่วนหนึ่งมาจากการที่ขนมปังโฮลวีตมีเท็กซ์เจอร์ของความกรุบกรอบ จึงเอามารีดให้แบน ตัดเป็นริ้วๆ แล้วห่อกุ้งแทนเส้นหมี่ จากนั้นนำไปทอด ส่วนของน้ำจิ้มนั้น คิดว่าหากใช้น้ำจิ้มบ๊วยหรือน้ำจิ้มไก่อาจจะธรรมดาไป จึงฟิวชั่นอาหารไทยโบราณอย่างกุ้งโสร่งมากินคู่กับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะที่เป็นของมาจากประเทศอินโดนีเซีย
“ก่อนมาแข่งเรามีการทดลองทำ 1 รอบ แต่ปกติเป็นคนชอบทำอาหารกินเล่นอยู่แล้ว พอลองทำดูแล้วรสชาติได้เลยจดสูตรแล้วมาลองแข่งดู ส่วนรอบต่อไปยังไม่ได้เตรียมเมนูไว้ ซึ่งจะขอกลับไปคิดก่อน” นรรฐกรรณกล่าว
เชฟจารึก ศรีอรุณ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน กล่าวว่า การตัดสินครั้งนี้เป็นไปอย่างยากพอสมควร เพราะผู้เข้าแข่งขันมีความสามารถทุกทีม มีความตั้งใจสูงมาก และทำออกมาได้ค่อนข้างดี ทำให้เห็นความหลากหลาย ความแปลกใหม่ของแต่ละทีมที่ตั้งใจทำออกมา จนบางครั้งนึกไม่ถึงว่าเอาไปทำเป็นเมนูนี้ได้ด้วย
ด้าน เชฟน้อย-สุรศักดิ์ คงสวัสดิ์ เผยว่า เกณฑ์การให้คะแนนในครั้งนี้ไม่ยากเลย เพราะเวลาชิมแล้วสามารถตีโจทย์ได้เลยว่าของใครอร่อย ใครเอาวัตถุดิบหลักมาใช้ได้มากน้อยขนาดไหน เพราะจะมีบางคนนำวัตถุดิบหลักมาใช้ได้ถูกต้องตามกฎกติกา ขณะเดียวกัน รสชาติก็เป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการตัดสินด้วย
“แต่ละทีมที่เข้ารอบถือว่าสุดยอดสำหรับวันนี้แล้ว แต่พอรอบไฟนอลอยากให้ทุกคนแปลงโฉมของตัวเองเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงหน้าตาการตกแต่ง หรือพัฒนารสชาติ เพื่อให้มัดใจกรรมการได้” เชฟน้อยกล่าว
สำหรับการแข่งขันรอบตัดสินจะจัดขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งคณะกรรมการในรอบตัดสินจะมีทั้งหมด 6 คน อาทิ เซเลบริตี้ชื่อดัง พล ตัณฑเสถียร, ผศ.ศรีสมร คงพันธุ์ (กรรมการกิตติมศักดิ์) รวมถึงเชฟจารึกและเชฟน้อยด้วย
ในวันงานนอกจากจะมีการแข่งรังสรรค์เมนูพิเศษจากขนมปังแผ่นแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกสนานระหว่างการแข่งขัน เช่น การแข่งขันกินเร็ว การแสดงคอนเสิร์ตของหนึ่ง ETC อีกด้วย