หากพูดถึงการจับคู่เครื่องดื่มกับอาหาร เครื่องดื่มที่ใครๆ นึกถึงเป็นอย่างแรกเลยก็คือเครื่องดื่มที่มีอายุสองพันปีอย่าง “ไวน์” เพราะเป็นเครื่องดื่มที่มีหลายประเภท ทำให้สามารถจับคู่กับอาหารได้หลากหลายชนิด
แต่ทุกวันนี้เริ่มมีการนำเครื่องดื่มอื่นๆ มาจับคู่กับอาหารมากขึ้น ทั้งชา, เบียร์, ค็อกเทล ไปจนถึง “วิสกี้” เครื่องดื่มที่มีความผูกพันกับวิถีชีวิตของมนุษย์มาอย่างยาวนาน
Food Pairing ถือเป็นหนึ่งศิลปะการรับประทานอาหารคู่กับเครื่องดื่มเพื่อสร้างสุนทรียะทางการกินให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในมื้ออาหาร
จับคู่เครื่องดื่มกับอาหาร ต้องอาศัยศาสตร์และศิลป์
การจะจับคู่เครื่องดื่มกับอาหารสักอย่างไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ แต่ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ ซึ่ง “ปิ๊ก-ประวิทย์ บุญนิธิไพสิฐ” แบรนด์แอมบาสเดอร์ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DMHT เผยเทคนิคให้ฟัง “มติชน อคาเดมี” ว่า หลักการจับคู่อาหารและเครื่องดื่ม คือ ต้องทำให้อาหารและเครื่องดื่มส่งเสริมกัน คือเป็นการกินที่กินแล้วอยากกินทั้งอาหารและเครื่องดื่มไปพร้อมกัน
วิธีการกินวิสกี้กับอาหารมีด้วยกันหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นจิบวิสกี้ก่อนแล้วค่อยกินอาหาร, กินอาหารพร้อมวิสกี้, กินอาหารก่อนแล้วค่อยจิบวิสกี้ หรือเติมวิสกี้ลงในน้ำซุป เป็นต้น ซึ่งแล้วแต่ว่านักรังสรรค์การจับคู่จะตั้งใจให้ออกมาเป็นอย่างไร
“ดังนั้น คนที่จะมาจับคู่อาหารได้จะต้องรู้เรื่องวิสกี้ดีและรู้เรื่องอาหารดี แต่โดยส่วนมากจะใช้คนจาก 2 ฝั่งมาร่วมกันมากกว่า เพราะคงไม่มีใครรู้เรื่องดีทั้ง 2 อย่าง เลยเป็นการเอาเชฟและแบรนด์แอมบาสเดอร์มานั่งคุยกันเมื่อจะทำการจับคู่”
ปิ๊ก-ประวิทย์ กล่าวอีกว่า คนไทยอาจจะคุ้นชินกับไวน์แพริ่ง เพราะไวน์มีหลายประเภท จึงจับคู่กับอาหารได้หลายอย่าง ส่วนวิสกี้นั้นโดยปกติทั่วไปจะไม่ได้มีหลายประเภทนัก มีแต่จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ หรือดิอาจิโอฯที่มีวิสกี้หลากหลาย เข้ากับอาหารหลายๆ อย่างได้ จึงทำให้เป็นเทรนด์ใหม่ที่เพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อ 2-3 ปีก่อน และมีคนสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนรู้สึกว่าแปลก และอยากลอง
ทั้งนี้ ดิอาจิโอฯถือเป็นผู้นำในการจัดอีเวนต์จับคู่อาหารกับเครื่องดื่มในไทย เริ่มจากโรงแรม สู่ร้านอาหารใหญ่ๆ ล่าสุดมีการจับมือกับร้านเลอบูชอง ร้านอาหารฝรั่งเศสที่ตึกมหานคร รวมถึงจะมีโปรเจ็กต์ร่วมกับร้านอาหารอื่นๆ อยู่เรื่อยๆ
วิสกี้กับอาหารไทย ความสนุกที่แตกต่าง
สำหรับการจับคู่อาหารไทยกับวิสกี้นั้น ปิ๊ก-ประวิทย์ กล่าวว่า ทำได้สนุกกว่าอาหารอื่นๆ เนื่องจากอาหารไทยเป็นอาหารที่มีรสจัด กินกับวิสกี้แล้วสนุกกว่า ง่ายกว่าอาหารต่างชาติ เพราะอาหารฝรั่งส่วนใหญ่รสชาติจะออกมาทางเค็มกับมัน ต้องใช้วิธีรังสรรค์ซอสค่อนข้างยอะ
“ส่วนความยากของอาหารไทย คือ อาหารไทยเด่นอยู่แล้ว การจะเอาวิสกี้ไปอยู่กับอาหารไทยก็ยากเหมือนกัน ยากคนละแบบ วิสกี้จะมีรสชาตินำอาหารฝรั่งส่วนใหญ่ เพราะรสชาติหนักหน่วงกว่า เข้มข้นกว่า อาหารฝรั่งจะรสชาติเบากว่า แต่อาหารไทยส่วนใหญ่จะรสชาตินำ ดังนั้นวิสกี้จะตามอย่างไรให้ไม่โดนกลบจนหมด ซึ่งจะมีวิธีคิดในการลอง เช่น กินก่อน กินหลัง หรือกินพร้อมกัน อาหารลดความเปรี้ยวลงได้ไหม เปลี่ยนจากน้ำใสเป็นน้ำข้นได้ไหม จะเป็นการเปลี่ยนเพื่อดูว่าแบบไหนที่เหมาะสมที่สุดกับวิสกี้ของเรา” แบรนด์แอมบาสเดอร์ DMHT กล่าว
เริ่มต้นด้วยเมนูแรกที่ถูกถูกใจชาวไทยอย่าง “เป็ดอบซอสส้ม” เนื้อเป็ดนุ่มกำลังดี มาพร้อมซอสส้มเปรี้ยวละมุน วิธีการคือกินเป็ดพร้อมซอส เคี้ยวและกลืนลงไปก่อน จากนั้นจิบสก็อตช์ วิสกี้ สูตรพิเศษ ที่ผ่านการหมักบ่มในถังไวน์ ซึ่งวิสกี้สูตรพิเศษนี้มีกลิ่นหอมผลไม้และรสชาติฟรุตตี้ ทำให้สามารถดึงรสชาติซอสส้มให้เด่นขึ้นมาได้ ทิ้งท้ายด้วยรสเผ็ดซ่าของวิสกี้ที่ช่วยตัดเลี่ยน ทำให้กินอาหารได้มากขึ้น
เมนูที่ 2 เป็นเมนูประเภทเนื้อย่างอย่าง “ซี่โครงหมูย่างบาร์บีคิว” เนื้อหมูร่อน นุ่ม มาพร้อมรสชาติเปรี้ยวหวานของซอสมะเขือเทศ กินคู่กับสก็อตช์ วิสกี้ ที่มีอายุการหมักบ่มไม่ต่ำกว่า 12 ปี โดยวิธีการเหมือนเมนูแรกคือเคี้ยวอาหารให้หมดก่อน แล้วจิบวิสกี้ตาม รสชาติแรกที่ได้เลยคือมีความเผ็ดวาบขึ้นมา ทิ้งท้ายด้วยกลิ่นหอมรมควันขึ้นมาผสมกับรสบาร์บีคิวของซี่โครงหมู
ตบท้ายด้วยเมนูที่อยู่กับคนจีนมายาวนานอย่าง “ไก่ตุ๋นเห็ดหอมยาจีน” เนื้อไก่นุ่มมาพร้อมน้ำซุปรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นเห็ดหอมอบอวล จับคู่กับวิสกี้ที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ สูตรเฉพาะที่ได้รับการหมักบ่มเป็นเวลานานถึง 21 ปี วิธีการกินจับคู่คือเติมวิสกี้ลงในถ้วยซุป ทำให้น้ำซุปมีรสชาติเข้มขึ้น มีมิติ
ถือเป็นเทรนด์ไลฟ์สไตล์ใหม่ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ และสร้างสุนทรียะที่แตกต่างให้กับการกินดื่ม
Content Team Matichon Academy
ติดต่อ อีเมล์ : [email protected]
โทรศัพท์ 0-2954-3971 ต่อ 2111