รู้หรือไม่ว่า 80% ของคนในโลกนี้มีอาการปวด “หลัง” ซึ่งถึงแม้ไม่ใช่โรคเจ็บป่วยร้ายแรง แต่ก็สร้างความทุกข์ทรมานให้ได้ ทั้งนี้ อาการเกี่ยวกับหลังหลายครั้งมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลายอย่างก็เป็นสิ่งที่คุณสามารถเลิกทำได้ ลองไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1.อาชีวปัจจัย หรือปัจจัยจากอาชีพการงาน
การปวดหลังไม่ได้พบเฉพาะในหมู่อาชีพที่ต้องทำงานยกของหนักเท่านั้น แต่อาชีพอื่นๆ ก็มีความเสี่ยงด้วย เช่น ช่างแต่งหน้า, ช่างทำเล็บ, วิศวกร, คนขับรถ, สถาปนิก, คนทำงานในออฟฟิศ, ช่างเย็บผ้า ฯลฯ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาชีพที่มีความเสี่ยงที่จะมีอาการปวดหลัง
ดังนั้น คุณอาจจะหาเวลาพักจากการนั่งท่าเดิมๆ อย่างน้อยชั่วโมงละ 1 ครั้ง หรือหากเป็นไปได้ เดินออกจากที่ทำงานแล้วยืดแข้งยnดขาเล็กน้อย เพื่อลดความเครียดของกล้ามเนื้อหลังนั่นเอง
2.การทำงานบ้านที่บ้าน
คุณอาจคิดว่าเมื่อได้กลับจากที่ทำงานไปอยู่บ้าน หลังของคุณจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ อีก เพราะบรรยากาศที่บ้านนั้นผ่อนคลาย จนทำให้คุณอาจลืมเกี่ยวกับการรักษาท่าทางที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คุณจะอยู่บ้านแต่ปัจจัยเสี่ยงยังมีอยู่ นั่นก็คือการทำงานบ้านของคุณ เช่น ขณะกำลังล้างจาน, เตรียมอาหาร หรือรีดผ้า หากคุณก้มหลังระหว่างทำกิจกรรมเหล่านี้ นั่นอาจทำลายกล้ามเนื้อของคุณได้
สิ่งสำคัญคือความสูงของซิงค์ล้างจาน, โต๊ะ หรือโต๊ะรองรีด จะต้องสูงพอดีกับความสูงของคุณด้วย นี่จะช่วยให้กระดูกสันหลังของคุณตรง และช่วยให้กล้ามเนื้อหลังผ่อนคลายด้วย
3.ใส่รองเท้าที่ใส่ไม่สบาย
เรื่องความสวยความงามเป็นสิ่งที่ผู้หญิงต้องคำนึงถึงกันอยู่แล้ว และแน่นอนว่า “รองเท้าส้นสูง” ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย แต่บางครั้งเราอาจลืมไปว่ารองเท้าที่ใส่นั้นมีผลโดยตรงกับท่าทางของเรา รวมไปถึงกล้ามเนื้อหลังด้วย ซึ่งทางที่ดีที่แนะนำคือ ไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูงเกิน 2 ชั่วโมง/วัน
อย่างไรก็ตาม การใส่รองเท้าส้นแบนตลอดทั้งวันก็ทำให้ปวดหลังได้พอๆ กัน ซึ่งเป็นผลมาจากการกระจายน้ำหนักตัวที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น แนะนำว่ารองเท้าที่ดีสำหรับใส่ในทุกๆ วัน จึงควรเป็นรองเท้าส้นเตี้ย
4.ใช้กระเป๋าใบใหญ่
เทรนด์แฟชั่นใช้กระเป๋าใบใหญ่นั้นก่อให้เกิดภัยร้ายต่อสุขภาพของคุณได้ ซึ่งการใช้กระเป๋าใบใหญ่ทำให้คุณรู้สึกว่าอยากใส่ของลงไปมากขึ้นแม้มันจะไม่มีประโยชน์อะไรก็ตาม จนทำให้เกิด “น้ำหนักเกินจำเป็น” ที่ไหล่ต้องแบกรับ
ดังนั้น คุณควรจะใช้กระเป๋าที่มีขนาดพอดีๆ เอาของที่ไม่จำเป็นออก ให้เหลือเฉพาะสิ่งที่คุณใช้เป็นประจำทุกวัน
ทั้งนี้ กระเป๋าเป้สะพายหลังถือเป็นทางออกที่ดีหากคุณจะต้องแบกกระเป๋าไปทุกวัน เพราะจะช่วยกระจายน้ำหนักไปที่ไหล่ทั้งสองข้างแทนข้างเดียว โดยการใช้เป้สะพายหลังคุณควรปรับสายเป้ให้โอบรัดพอดีกับไหล่ของคุณด้วย แทนที่จะปล่อยให้ยาวๆ จนกระเป๋าห้อยมาถึงเอว
5.ใส่เสื้อผ้าแน่นเกินไป
บางครั้งเราก็อยากตามแฟชั่นจนต้องยอมใส่เสื้อผ้าที่ใส่แล้วอึดอัด หรือใส่ไม่สบาย เช่น กระโปรงทรงดินสอ, ชุดเดรสทรงแคบ และกางเกงยีนส์แบบสกินนี่ ซึ่งเสื้อผ้าเหล่านี้จำกัดการเคลื่อนไหวของร่างกาย การไหลเวียนของเลือด และยังรวมไปถึงกล้ามเนื้อหลังจะเครียดเกร็ง จนนำมาสู่อาการปวดหลัง
สำหรับผู้หญิง ชุดชั้นในก็มีส่วนสำคัญด้วยเช่นกัน พวกชุดรัดรูปต่างๆ จะเพิ่มความดันให้กล้ามเนื้อ ซึ่งไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือด ดังนั้นเวลาเลือกใส่จึงควรคำนึงถึงการสวมใส่สะดวกสบายก่อนความสวยงาม
6.ความเครียดและภาวะซึมเศร้า
งานวิจัยในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า ความเครียดที่เราได้รับในชีวิตประจำวันนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการตึงเครียดมากเกินไปในกล้ามเนื้อหลัง
เพราะเมื่อเวลาเราอารมณ์เสีย เราจะหยุดให้ความสำคัญกับท่าทาง คือไหล่เราจะงอ และหลังจะห่อลง ซึ่งนำไปสู่การปวดหลังและเอวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ การออกกำลังกายช่วยขจัดความเครียดได้ ดังนั้น คุณอาจจะใช้เวลาไปกับการทำกิจกรรมที่ทำให้มีความสุข เช่น เต้น, ว่ายน้ำ หรือวิ่ง เพื่อช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น
ในกรณีที่อยู่ในภาวะซึมเศร้าเป็นเวลานาน คุณอาจจะต้องพบผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาได้เร็วขึ้น
7.การนอนในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง
การนอนหลับผิดท่านอกจากจะทำให้คุณไม่ได้มีการพักผ่อนที่ดีแล้ว ยังทำให้คุณมีอาการปวดหลังได้อีกด้วย นอกจากนี้ การนอนบนที่นอนแข็งก็ไม่ส่งผลดีเช่นกัน เพราะการนอนบนที่นอนแข็งจะทำให้กระดูกสันหลังคด จึงควรนอนบนที่นอนที่นิ่มแบบพอดีจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ขณะเดียวกัน ในเวลาที่คุณนอนหลับ กระดูกสันหลังของคุณจะต้องอยู่ในแนวตรงเสมอด้วย ดังนั้นหากคุณชอบนอนตะแคง ต้องมั่นใจว่าหมอนของคุณไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป หรือหากคุณนอนหงาย อาจใช้หมอนอิงวางใต้ขาที่ระดับหัวเข่า ก็จะช่วยลดน้ำหนักจากช่วงเอวได้
8.ยกของหนักไม่ถูกวิธี
เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย เพราะการยกของหนักนั้นเกี่ยวข้องกับหลังของคุณแน่นอน แต่บางครั้งก็มีสถานการณ์ในชีวิตประจำวันที่ทำให้เราหลีกเล่ยงการยกของหนักไม่ได้
ดังนั้น เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่หลัง วิธีง่ายๆ คือ แทนที่จะยกของด้วยการก้มหลังลงไป ให้ย่อตัวลงไปแล้วยกของขึ้นมาแทน
Content Team Matichon Academy
[email protected]
0-2954-3971 ต่อ 2111
ติดตามอ่านข่าวสารได้ที่ www.matichonacademy.com
ไม่พลาดข่าวสารอาหาร ท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ เกร็ดความรู้
คอร์สเรียนสนุกๆได้ประโยชน์-เสริมอาชีพ
คลิกติดตามเพจเฟซบุ๊ค MatichonAcademy