เราเคยได้ยินเรื่องความพยายามให้ “มื้ออาหารกลางวัน” ของโรงเรียนมีโภชนาการที่ดีขึ้นกับเด็ก แต่ปรากฎว่าช่วงไม่กี่เดือนมานี้ มีประเด็นน่าสนใจหนึ่งผุดขึ้นมาจากเรื่องมื้ออาหารกลางวันของเด็ก นั่นคือ การที่โรงเรียนให้เวลาเด็กรับประทานอาหารกลางวัน “สั้น” เกินไป
เป็นประเด็นที่พ่อแม่ผู้ปกครองจำนวนหนึ่งในสหรัฐอเมริกาวิพากษ์วิจารณ์กัน จนสื่อท้องถิ่นไปถึงสื่อระดับชาติอย่างเอ็นพีอาร์ลงพื้นที่ไปทำสกู๊ปรายงาน
เราต่างพอรู้กันว่า การกินเร็วไป เป็นหนึ่งในสาเหตุที่อาจส่งผลให้เกิดอาการอย่างท้องอืด ท้องเฟ้อ มีความอ้วน กรดไหลย้อน โรคกระเพาะอาหารกันได้
และแน่นอนเมื่อการกินเร็วนี้ เกิดขึ้นในมื้ออาหารกลางวันที่โรงเรียน ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์
แล้วทุกวันนี้เด็กนักเรียนในสหรัฐฯได้เวลากินอาหารกลางวันเท่าไหร่?
รายงานจากสถาบันโภชนาการระบุว่า เวลาที่เหมาะสมที่เด็กควรได้รับคือ 25 นาที
แต่การสำรวจพบว่า เฉลี่ยเด็กได้เวลา 15 นาที หรือน้อยกว่านั้น!!
โดย 15 นาทีนี้ รวมเวลาไปกับการต่อแถวเข้าคิว เมื่อนั่งลงและเริ่มกินก็เหลือเวลา 9-10 นาที
บางคนเหลือ 5 นาที ที่จะได้ลงมือกินก็มี!!
พ่อแม่บางคนที่พอมีเวลาทำอาหารให้ลูกหิ้วไปโรงเรียน เพื่อไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิวมีเวลากินนานขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกบ้านจะมีทางเลือกเช่นนี้
หลายฝ่ายเสนอให้เด็กมีเวลาอย่างน้อย 15-20 นาทีเต็ม ตั้งแต่วางถาดอาหารนั่งลง และเด็กๆยังได้มีเวลาปฏิสัมพันธ์ระหว่างการกิน ไปจนถึงมีเวลากินอาหารที่ไม่ต้องรีบกินรีบเก็บ
การค้นคว้าพบว่า เด็กที่มีเวลากินอาหารน้อยเกินไป หรือน้อยกว่า 20 นาที จะเกิดการเลือกกิน และเขาก็จะทิ้งพวกผัก ผลไม้ ไปจนถึงกินนมน้อยลง เมื่อเทียบกับนักเรียนที่มีเวลากินมากกว่า 25 นาทีขึ้นไป
ขณะที่ผู้ปกครองบางคนวิจารณ์รุนแรงขนาดที่ว่า ลูกของพวกเขาต้องเงียบปาก ไม่มีเวลาได้ปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆระหว่างมื้อกลางวัน เพราะจะต้องรีบกินให้ทันเวลาที่มีน้อยนั่นเอง
แน่นอนว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่โรงเรียนทำแบบนี้เท่ากับสอนให้เด็กๆมีพฤติกรรมการกินที่ไม่ถูกต้อง
ที่น่าห่วงกว่านั้น คือ เวลาที่น้อยไปส่งผลให้ไม่มีเวลาที่จะได้กินอาหารเพียงพอ และกระทบต่อการไม่ได้รับสารอาหารเต็มที่จากมื้ออาหารกลางวันของโรงเรียน
โดยเฉพาะเด็กที่ทางบ้านมีรายได้น้อย การได้รับอาหารกลางวันที่โรงเรียนจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
เป็นเรื่องระดับ Big issue กับนักเรียนอย่างน้อย 30 ล้านคนในสหรัฐฯ ที่เข้าระบบรับบริการอาหารกลางวันฟรีของโรงเรียนรัฐ เพราะมื้ออาหารกลางวันในโรงเรียนแทบจะเกือบครึ่งของสารอาหารที่เด็กได้รับแต่ละวัน
เมื่อเวลามีน้อยทำให้เด็กกินอาหารเหลือ บ้างก็ต้องทิ้งไว้คาถาด
หลายฝ่ายจึงเรียกร้องให้โรงเรียนควรจะสอนให้เด็กเรียนรู้ โดยให้เวลาที่เหมาะควรที่จะได้ “เอนจอย” กับถาดอาหารตรงหน้า
ให้พวกเขาได้มีทักษะสื่อสารทางสังคมกับเพื่อนร่วมโต๊ะ
…จะดีกว่าเป็นไหนๆ