นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า หลายคนคงเคยได้ยินมาว่ากินหวานแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ เราจึงเห็นภาพการสั่งอาหารและเครื่องดื่มของคนในยุคนี้ที่มักต้องขอต่อด้วยว่า “ขอไม่หวาน” เพราะไม่ว่าจะรับประทานกาแฟ,น้ำปั่น,ชาไข่มุกไปจนถึงก๋วยเตี๋ยว-ข้าวแกงก็อาจมีเสียงกำชับนี้ตามมา แต่ความจริงหวานแบบดีก็มีมาก อย่างหวานจาก “ผลไม้สด” เป็นต้นการกินผลไม้สดๆ ที่หวานทั้งลูกนั้นแม้จะได้น้ำตาลก็จริงแต่ก็มีสิ่งที่มีประโยชน์แถมช่วยไม่ให้น้ำตาลหวาน “เข้าเลือด” เร็วเกินไปนัก โดยเฉพาะผลไม้แบบไทยๆ
นายแพทย์กฤษดา กล่าวต่อว่า สิ่งที่ผลไม้ไทยมีในเรื่องช่วยสุขภาพนั้นมีอยู่หลักๆ ดังนี้ ได้แก่ 1. น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวอย่างกลูโคสและฟรุกโตส 2. วิตามิน เช่น วิตามินเอ, แคโรทีนอยด์, วิตามินซี, กรดโฟลิกและสารต้านสนิมแก่ทั้งหลาย 3. แร่ธาตุ อย่างแมกนีเซียม, แคลเซียม, เซลีเนียมและแมงกานีส 4. น้ำ เป็นส่วนประกอบหลักในผลไม้ไทยหลายชนิด 5. ไฟเบอร์ มีทั้งเส้นใยแบบละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ
“ผลไม้ไทยหลายชนิดกินแล้วอิ่มออกชื่นใจเหมาะกับคนที่ควบคุมน้ำหนักด้วยเพราะมีอิทธิฤทธิ์ชวนให้อิ่มเต็มกระเพาะเร็วแบบไม่ทำให้อ้วนเกิน ยกตัวอย่างฝรั่งหรือสับปะรด หรือแม้แต่ผลไม้ที่ดูหวานจนหลายท่านกลัวเช่นทุเรียนหรือกล้วยนั้นถ้ารู้วิธีกินให้เหมาะก็จะไม่อ้วนเลยแถมยังช่วยลดไขมันเสียด้วยซ้ำ” ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าว
สำหรับผลไม้ไทยที่ช่วยเรื่องชะลอวัยนั้น นายแพทย์กฤษดา ได้ยกตัวอย่างไว้ 8 ชนิด ได้แก่
1. ลองกอง เนื้อใสเป็นแก้ว กินแล้วสบายเพราะมีทั้งน้ำตาลให้พลังงาน, วิตามินและเส้นใยอาหารครบ การรับประทานลองกองนั้นจะกินสักช่อหนึ่งงามๆ แล้วตามด้วยสับปะรดก็ช่วยเพิ่มเส้นใยอาหารอีกทั้งช่วยควบคุมน้ำตาลที่ห่วงว่าจะเกินได้ด้วย
2. เงาะ รับประทานเงาะงามๆ จากบ้านเรา กินเงาะให้อร่อยชื่นใจขอให้ลองแช่เย็นแล้วค่อยรับประทาน สำหรับท่านที่กลัวน้ำตาลจากเงาะจะกระทบสุขภาพขอให้ลดปริมาณข้าวหรือแป้งที่กินเป็นมื้อหลักลง เลี่ยงรับประทานเงาะกระป๋องเพราะน้ำตาลสูงและให้รับประทานเงาะในปริมาณที่เหมาะสม
3. มังคุด ของดีอยู่ที่เปลือกด้วย อย่างน้ำมังคุดนี้ทำให้เราได้รับประทานของดีสีม่วงคือ Anthocyanins จากเปลือกมังคุด ช่วยหยุดความชรา พาให้อนุมูลอิสระลด เพราะมังคุดมีของดีที่ช่วยทั้งลดการอักเสบแล้วยังมีฤทธิ์เย็นที่ช่วยดับร้อนให้ร่างกายด้วย
4. สละ ผลไม้รสหวานหอมมีกลิ่นชื่นใจ ให้วิตามินซีและเอดีมากๆ ถ้าอยากรับประทานสละให้อร่อยลองค่อยๆ คว้านเม็ดออกให้รับประทานง่ายหรือเอามาปั่นดูกับน้ำผึ้งก็จะเป็นเครื่องดื่มที่ชุ่มคอแก้เหนื่อยได้ดี
5. เสาวรส ถ้าพอสะดวกหาเสาวรสสดๆ มากินได้ขอแนะนำให้บรรจุไว้ในมื้ออาหารประจำวันด้วย เพราะเสาวรสมีเส้นใยอาหารช่วยระบายท้องและวิตามินซีที่เหมาะกับการสร้างคอลลาเจน ถ้าใครมีอาการเจ็บคอเริ่มเป็นหวัดขอให้จัดเสาวรสสดผ่าครึ่งไว้ตักรับประทานด้วย
6. ฝรั่งสด ผลไม้ไทยที่หาได้ง่ายในบางฤดูกาลราคาถูกแสนถูก อุดมไปด้วยวิตามินซี, เส้นใย, โฟเลต, วิตามินเอ, โพแทสเซียม, ทองแดงและแมงกานีส สารต้านอนุมูลอิสระในฝรั่งช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ นอกจากนั้นเส้นใย “เพ็กติน” ของฝรั่งที่เหมือนกับในแอปเปิลยังช่วยปกป้องลำไส้ใหญ่จากความเสี่ยงมะเร็งด้วย
7. แก้วมังกร เป็นผลไม้ที่ให้ความอิ่มสูงมากจากการที่มีเส้นใยเยอะ เหมาะกับผู้ที่อยากคุมน้ำหนักเพราะแคลอรี่ต่ำแต่วิตามินสูง โดยเฉพาะสารดีๆ อย่างแคโรทีนอยด์และเบตาเลนส์ (Betalains) ที่มีการศึกษาในหลอดทดลองพบว่าช่วยต้านอนุมูลอิสระที่ทำเสี่ยงมะเร็งกับยับยั้งเซลล์มะเร็งได้
8. มะละกอ มีสารสำคัญช่วยต่อมลูกหมากและลดเสี่ยงมะเร็งหลายจุดคือ “ไลโคปีน” เป็นสารเดียวกับที่มีในมะเขือเทศ แต่ถ้าไม่ชอบกินมะเขือเทศก็เลือกมะละกอเพราะนอกจากสารที่ว่ายังมีวิตามินซี, โพแทสเซียมและโฟเลตที่เหมาะกับคนเลือดจาง ส่วนมะละกอดิบในส้มตำแสนอร่อยยังมีเอนไซม์ “ปาเปน” ที่ช่วยย่อยได้
ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์
ผู้เขียน : พารนี ปัทมานันท์