เตือนอากาศร้อนจัด 19-23 เม.ย. กรมอุตุฯระบุส่วนช่วง 24-25 เม.ย. ระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยเฉพาะตอนบนอาจเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีฟ้าผ่าและลูกเห็บตก ปภ.แถลง 30 จว.เจอฤทธิ์วาตภัย บ้านพังมากกว่า 3 พันหลัง มี ผู้เสียชีวิต 4 ราย เร่งสำรวจความเสียหายให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว ประสานจังหวัดภาคเหนือ ภาคกลาง กทม.-ปริมณฑลเตรียมพร้อมรับมือ จัดชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมเผชิญเหตุ เมืองเพชรทั้งฝนทั้งลมถล่มนาน กว่า 2 ช.ม. จันทบุรีอ่วมพายุกระหน่ำสวน ทุเรียนอ.ขลุงยับ 300 ไร่ เสียหายหนักกว่า 12 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศ “พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบถึงวันที่ 18 เม.ย. 2561)” ฉบับที่ 21 ลงวันที่ 18 เม.ย. ระบุว่า สภาพอากาศในอีก 7 วันข้างหน้า ในช่วงวันที่ 18-23 เม.ย. ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นและมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 24-25 เม.ย. ประเทศ ไทยตอนบนมีอากาศร้อน กับมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่
ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 19-23 เม.ย. ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด ส่วนในช่วงวันที่ 24-25 เม.ย. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น เกษตรกรควรระมัดระวังและป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 18-23 เม.ย. หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นและมีอากาศร้อน โดยมีลมตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้มีฝนฟ้าคะนองได้บางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 24-25 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศ ไทยตอนบนยังคงมีอากาศร้อนบางพื้นที่ ทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดพายุฤดูร้อนขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง กับมีฟ้าผ่าและลูกเห็บตกบางพื้นที่
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กระทรวงมหาดไทย นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยสถานการณ์ผลกระทบจากพายุฤดูร้อน ว่า ช่วงวันที่ 13-17 เม.ย.ที่ผานมา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 30 จังหวัด 111 อำเภอ 209 ตำบล 477 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชน 3,033 หลัง และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย ซึ่ง ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว นอกจากนี้ ได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อน โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและ เฝ้าระวังสถานการณ์ภัย พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วและเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมเผชิญเหตุตลอด 24 ชั่วโมง
อธิบดีปภ.ระบุว่า ในส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ แยกเป็น ภาคเหนือ 11 จังหวัด ประกอบด้วย จ.กำแพงเพชร 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง บึงสามัคคี ขาณุวรลักษบุรี ปางศิลาทอง ไทรงาม และอ.คลองขลุง รวม 13 ตำบล 47 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผล กระทบ 428 หลัง, จ.เพชรบูรณ์ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.วิเชียรบุรี และบึงสามพัน รวม 10 ตำบล 25 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผล กระทบ 359 หลัง, จ.เชียงใหม่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่ริม สะเมิง หางดง และอ.เวียงแหง รวม 8 ตำบล 12 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 19 หลัง, จ.แพร่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.สอง ร้องกวาง และอ.หนองม่วงไข่ รวม 5 ตำบล 7 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 13 หลัง, จ.นครสวรรค์ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ไพศาลี หนองบัว และอ.บรรพตพิสัย รวม 5 ตำบล 10 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 68 หลัง
จ.ลำปาง 6 อำเภอ ได้แก่ อ.งาว แม่พริก วังเหนือ อ.เมือง ห้างฉัตร และอ.เมืองปาน รวม 14 ตำบล 41 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 189 หลัง, จ.พิจิตร 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ดงเจริญ บึงนาราง สามง่าม และอ.เมือง รวม 6 ตำบล 18 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 142 หลัง. จ.น่าน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เวียงสา นาหมื่น และอ.นาน้อย รวม 12 ตำบล 12 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 14 หลัง, จ.เชียงราย 9 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง เวียงเชียงรุ้ง แม่ฟ้าหลวง แม่สรวย ดอยหลวง เวียงแก่น ขุนตาล เวียงชัย และอ.พญาเม็งราย รวม 22 ตำบล 52 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 101 หลัง, จ.พะเยา 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ภูซาง เชียงม่วน และอ.เมือง รวม 3 ตำบล 11 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 71 หลัง และจ.พิษณุโลก เกิดวาตภัยใน พื้นที่อำเภอชาติตระการ รวม 4 ตำบล 12 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 34 หลัง