เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าค่าครองชีพมหาโหด แต่ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวภูเก็ตแล้ว อย่าพลาดไปแวะกินอาหารอร่อยๆ ที่ร้านน้ำย้อย ร้านอาหารท้องถิ่นที่เปิดขายมาร่วม 26 ปีแล้ว
แรกเริ่มเดิมทีเปิดมาเป็นเพียงร้านข้าวแกงเล็กๆ ของลุงทอง มีกับข้าวเพียง 5-6 อย่าง ร้านมุงหลังคาด้วยสังกะสี ที่ฝนตกเมื่อไหร่น้ำก็รั่วไหลลงมาเมื่อนั้น เป็นที่มาชื่้อ “ร้านน้ำย้อย” ที่ลูกค้าพร้อมใจกันตั้งให้
ด้วยความที่รสชาติอร่อยและรสมือคงที่ ทำให้ร้านน้ำย้อยเป็นที่นิยมของคนท้องถิ่น
ปัจจุบัน รุ่นลูกเข้ามาสืบทอดกิจการ ร้านขยายใหญ่ขึ้น มีโต๊ะให้บริการร่วม 30 โต๊ะ เปิดบริการแบบโอเพ่น แอร์ แม้จะไม่เย็นฉ่ำเหมือนอยู่ในห้องแอร์ แต่ก็ทดแทนด้วยความร่มรื่นจากแมกไม้นานาพันธุ์ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
สำหรับเมนูที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ แกงคั่วหอยขมน้ำแกงขลุกขลิก ใส่หอยแบบไม่หวง แกงส้มปลากะพง หรือปลามงก็ได้ ปลามงวัตถุดิบท้องถิ่น หาได้มากในทะเลฝั่งตะวันตก จะเลือกแกงใส่ยอดมะพร้าวหรือ ออดิบจากในสวนก็ได้
จานเด็ดอื่นๆ อาทิ น้ำพริกกุ้งเสียบที่ใช้กุ้งเกรดดีที่สุดในตลาด เสิร์ฟพร้อมผักลวก 4 อย่างคือ ใบตำลึง บวบงู กะหล่ำปลี และมะเขือยาว หมูฮ้อง ที่ต้องใช้ซีอิ๊วท้องถิ่นของภูเก็ตมาปรุงเท่านั้น
ตามด้วย ผักเหมียงผัดไข่ หมูคั่วเกลือ แกงคั่วเห็ดแครง หมึกไข่ต้มส้ม ปลาทรายทอดขมิ้น ปลามงทอดเกลือ (ชิ้น) ปลากะพงเผาเกลือ หมกโจร ทั้งหมดกินแล้วล้วนเจริญอาหารทั้งสิ้น
คุณมะเดี่ยว “โกเมศ ศุทธสุนทรางกุล” รุ่นที่ 2 ร้านน้ำย้อย บอกว่าร้านนี้ปีนี้ปีที่ 26 แล้ว พยายามควบคุมคุณภาพไม่ให้เพี้ยน ให้ดั้งเดิมที่สุด
“อาหาร ทั้งหมดเป็นเมนูดั้งเดิม แต่ที่ปรับปรุงคือวัตถุดิบให้ดีขึ้น และปรับปรุงเครื่องแกง ตอนเปิดใหม่ๆ เราซื้อของตลาด แต่สุดท้ายทำเอง เป็นรสชาติของเรา และไม่ต้องไปพึ่งพากับท้องตลาด เรามีทั้งเครื่องแกงกะทิ สำคัญที่กะปิต้องดี ส่วนมากกะปิดีต้องมาจากระนอง และเปลี่ยนเจ้าไม่ได้ ถ้าเปลี่ยนรสจะเพี้ยน ส่วนเครื่องแกงส้มหรือแกงเหลืองจะหอมขมิ้นมาก และเผ็ดร้อนจากพริก และพริกไทย”
สนนราคาอาหารนั้นอาจสูงนิดหน่อยตามต้นทุนวัตถุดิบต้นทาง แต่เรื่องรสชาตินั้นยืนยันความหรอยแรง!
ชวนกินอาหารปักษ์ใต้ #ร้านน้ำย้อย หรอยเบรกแตก อาหารใต้สไตล์ภูเก็ต เป็นอีก #ร้านท้องถิ่น ที่บอกต่อได้แบบไม่เคอะเขิน คือ…
โพสต์โดย Matichon Academy – มติชนอคาเดมี เมื่อ วันพุธที่ 23 พฤษภาคม 2018
ที่มา คอลัมน์ เคี้ยวตุ้ย…ตะลุยกิน
โดยชม นำพา [email protected]
นสพ.มติชน