กลับมาอีกครั้งกับ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” เทศกาลสุดยิ่งใหญ่ที่จะพาทุกคนไปพบกับของดี 5 ภาคไม่ว่าจะเป็นอาหารขึ้นชื่อ เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ รวมไปถึงการแสดงและกิจกรรมต่างๆ ที่มีทั้งหมดถึง 9 โซน โดยงานครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 39 ภายใต้แนวคิด “เมืองไทย…สวยทุกที่ เท่ทุกเวลา” ระหว่างวันที่ 23-27 มกราคม 2562 ณ สวนลุมพินี
ครั้งนี้ มติชนอคาเดมี ก็ไม่พลาดที่จะพาทุกคนไปพบกับความยิ่งใหญ่ของงาน โดยจะพาไปชิมอาหารทั้งของคาวและของหวานที่ขึ้นชื่อของแต่ละภาค ซึ่งจัดอยู่ในโซนที่ 3 โดยแบ่งออกเป็น 5 ภูมิภาค คือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ จะมีอะไรบ้างก็อยากให้ลองตามไปดูกัน แต่ไม่รับประกันความชวนหิวนะจ๊ะขอบอก!
ประเดิมด้วยโซน “ภาคกลาง” มีอาหารให้เลือกชิมมากมาย ไม่ว่าจะอาหารคาวหรือหวาน ที่มาจากจังหวัดต่างๆ ในภาคกลาง ที่เห็นแล้วสะดุดตาวัยสะรุ่นเลยก็คือ “ขนมเรไร” จากร้านยายเปี๊ยก ความน่ากินอยู่ที่การใช้แป้งข้าวเจ้าละลายน้ำ และนำไปกวน จากนั้นร่อนจากกระทะ นำมานวดอีกครั้ง ปั้นเป็นก้อนเล็กๆ และเอาไปนึ่ง ปั้นแป้งให้ขนาดพอดีกับเครื่องพิมพ์ แค่นี้ก็ได้เป็นขนมเรไรสีสวย กินคู่กับน้ำตาลและกะทิ ได้รสกลมกล่อม ละมุนลิ้นสุดๆ
อีกร้านในโซนภาคกลางที่น่าสนใจคือ “ยำผักบุ้งกรอบทรงเครื่อง ร้านครัว 2 ภาค ดอนเมือง” กับเมนู “ยำผักบุ้งกรอบ” สูตรเด็ดของทางร้านที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือน้ำยำที่คลุกเคล้ากับผักบุ้งที่ทอดจนกรอบ กินคู่กันแล้วลงตัวฟินแน่นอน
โฉบเฉี่ยวมาภาคกลางทั้งที ของที่ไม่แวะชิมไม่ได้ก็คือเมนู “กระยาสารท” นี่แหละ เจ้านี้คือแบรนด์ “ตาไก่กระยาสารทน้ำอ้อย เขตบางพลัด” ที่มีให้เลือกถึง 2 รสชาติ ทั้งงาขาวและงาดำ ซึ่งงาดำจะให้ความหอมมากกว่างาขาว ถือเป็นเมนูที่หากินได้ยาก ความพิเศษคือการใช้น้ำอ้อยแทนน้ำตาล ทำให้รสชาติที่ออกมา หอม มัน หวานกำลังดี
ก่อนจะไม่มีท้องไว้กินเมนูอื่นเลยต้องออกจากโซนภาคกลางมาต่อกันที่โซน “ภาคเหนือ” เหล่าคนรักสุขภาพไม่ควรพลาด เพราะมีอาหารจากจังหวัดอื่นๆ อีกมากมายที่มาจากภาคเหนือให้ได้ลองเลือกกินกัน เช่น ร้าน “ไก่ย่าง หน้า ช.ค. 34” กับเมนู “ไส้อั่ว” ที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร สูตรเด็ดของร้าน คือการใช้สมุนไพร 7 ชนิด ปั่นผสมกับเครื่องปรุงของที่ร้าน ไม่ใส่มันหมู กินแล้วไม่เลี่ยน แถมเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพสุดๆ
ที่น่าสนใจในโซนภาคเหนืออีกคือร้าน “น้ำพริกน้ำย้อย แม่คำน้อย” กับเมนู “น้ำพริกน้ำย้อย” โอท็อปขึ้นชื่อของชาวแพร่ที่ใครมาแอ่วเมืองนี้ต้องไปโดนให้ได้ น้ำพริกน้ำย้อยนั้นเอาไว้กินควบคู่ไปกับขนมจีนเส้นสด ที่ชาวแป้เขาเรียกว่าน้ำย้อย หรือใครจะเอาน้ำพริกไว้กินกับข้าวสวยก็ลำขนาดเจ้า!
ปิดท้ายด้วยร้านอาหารเหนือแท้ๆ อย่างร้าน “ลาบเหนือเมืองแพร่” อาหารเหนือหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น ขนมจีนน้ำเงี้ยว ลาบหมู ข้าวซอย แอ็บหมู และไส้อั่ว สำหรับคนที่อยากมาสำผัสรสชาติอาหารเหนือแท้ๆ ไม่ควรพลาด
ความ (อยาก) กินที่มีมากกว่าความหิวก็พาให้สองเท้าก้าวเข้ามาในโซน “ภาคใต้” ที่มีอาหารขึ้นชื่ออย่าง “หมูย่าง ตรัง” จากร้าน “โกสุยหมูย่าง ตรัง” แต่ของดีงามไม่ได้อยู่ที่หมูย่างเท่านั้นนะจ๊ะ เพราะอร่อยเด็ดจนต้องยกนิ้วก็คือ “ป่อเปี๊ยะ” นี่แหละจ้า ความพิเศษคือไส้ป่อเปี๊ยะ ที่ใช้หมูสูตรเฉพาะของทางร้าน ห่อด้วยแผ่นแป้งอย่างดีแล้วนำไปทอดในน้ำมันจนสุกเหลือง ทานกับซอสมะเขือเทศได้อร่อยลงตัว
มาต่อกันด้วย เมนู “ไก่ฆอและ” หรือที่บางคนเรียกไก่กอและ สูตรเด็ดคือ กะทิ หอมแดง ไม่ใส่แป้งเพราะจะทำให้ไก่เสีย เป็นอาหารขึ้นชื่อของชาวปัตตานี มีรสชาติหวานและความมันจากกะทิ อร่อยแน่นอน
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานอย่างโรตี ชาชัก จากร้าน “ชาชักอีซัน&โรตี” ที่มีจุดเด่นคือลีลาการชงชาที่ไม่เหมือนภาคอื่นๆ เพราะว่าชาชักจะอร่อยและมันกว่าชาธรรมดา เสิร์ฟพร้อมโรตีแผ่นกรอบและใหญ่ อร่อยหวานมันลงตัวมากกกก
มาถึงโซน “ภาคอีสาน” จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้ก็คือเมนู หม่ำหมู จากร้าน “หม่ำแม่คำตัน” ถือว่าเป็นของขึ้นชื่อของชาวจังหวัดชัยภูมิ ทำมาจากเนื้อหมูแดงล้วนผสมกากหมูลงไป กินควบคู่กับผักสดและพริกสด บอกได้คำเดียวเลยว่าแซ่บอีหลีเด้อ
อีกเมนูขึ้นชื่อของชาวจังหวัดอุบลราชธานีก็คือ “หมูยอ” จากร้าน หมูยอ ป.อุบล ที่ทำมาจากหมูเนื้อแดงและเครื่องเทศไม่มีแป้งผสม ยิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆร้อนๆ อร่อยแน่นอน ฟันธง หากินได้ง่ายในจังหวัดอุบลฯ คนชอบกินหมูยอไม่ควรพลาดงานนี้
และสำหรับคนชอบกินเผ็ดควรมาลองก็คือ เมนู “กุ้งจ่อมแท้” จากร้าน “แม่เนย” เป็นอาหารดั้งเดิมของชาวอีสาน ชาวอีสานชอบกินเพราะมีรสชาติดี จัดจ้าน มีส่วนประกอบไปด้วย พริก หอม ขิง กะทิ ตะไคร้ จุดเด่นของร้านก็ไม่ธรรมดา คือการใช้น้ำปลาทิพรสและข้าวคั่ว ทำให้กุ้งจ่อมมีรสชาติอร่อย จัดจ้าน นัวกลมกล่อม จนต้องยกนิ้วให้
ปิดท้ายกันที่โซน “ภาคตะวันออก” ก็ยังคงมีอาหารมากมายมาให้เลือกกินไม่แพ้ภาคอื่นๆ เริ่มกันที่เมนูแรกกันเลย “กุ้งเหยียด” จากร้าน “กุ้งเหยียดบ้านสาขลา จากพระสมุทรเจดีย์” กรรมวิธีในการทำก็ดูไม่ยาก คือเอากุ้งสดมาจากฟาร์มธรรมชาติ ดัดให้ตรง แล้วเอาไปเรียงในหม้อ โรยน้ำตาและ เกลือลงไปเพื่อปรุงรสเพิ่มความอร่อย กินคู่กับน้ำจิ้ม บอกได้เลยว่าอร่อยลงตัวสุดๆ
กินของคาวกันแล้วมาต่อกันที่เมนูของหวานกันบ้าง นั่นก็คือ เมนู “ขนมเบื้องญวนวิวาห์” จากร้าน “บุหลัน ดั้นเมฆ” เป็นขนมโบราณของภาคตะวันออกที่หากินยาก ส่วนประกอบมี ไข่ แป้ง หน้ากุ้ง ถั่ว เต้าหู้ หัวไซโป๊ และถั่วงอก ที่มีให้เลือกทานถึง 2 แบบ คือ แบบกรอบและแบบนุ่ม กินคู่กับน้ำจิ้มอาจาด รสชาติหวานเค็มพอดี จนต้องกลับมากินอีกครั้ง
มาถึงเมนูขนมไทยโบราณอย่าง “ขนมตะโก้” จากร้าน “ ตะโก้แม่พิมพ์ใจ” ร้านขนมเจ้าเด็ดจากจังหวัดสมุทรปราการ เคล็ดลับความหอมมันอยู่ที่การใช้กะทิสดในการทำ และไม่ใส่สารกันบูด ทำให้ขนมมีกลิ่นหอมมัน รสชาติหวาน กลมกล่อม อร่อยแบบยอมอ้วนเลยทีเดียว
นอกจากจะมีอาหารครบทุกภูมิภาคมาให้เหล่านักชิมได้อิ่มหนำกันแล้ว ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562 ยังมีสินค้าหัตถกรรม งานฝีมือ สินค้าโอท็อปจากชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศมาให้เลือกช้อป อุดหนุนฝีมือคนไทย พร้อมมีบูธกิจกรรมให้ถ่ายรูปและร่วมเล่นสนุกอีกมากมาย เช่น การแสดงศิลปวัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาค การแสดงศิลปะร่วมสมัย รวมถึงการแสดงของศิลปินชื่อดัง เพื่อเติมเต็มความสุขสนุกสนานให้กับผู้ชมภายในงานอีกด้วย
บอกเลยว่าสำหรับสายเที่ยว กิน ชิม ช้อปไม่ควรพลาด!!!