ร้านนี้ไม่ใช่มีดีแค่อาหารกับวิวนาข้าวเขียวขจี แต่ลีลาลูกเล่นของเจ้าของร้านนั้นยังแพรวพราว ออกไปในทางยียวนกวนอารมณ์ แต่กลับกลายเป็นว่าความเป็นศิลปินของคุณเหมียว คือเสน่ห์ของ ร้านเรือนจรุง แห่งอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำให้ใครๆ ต่างก็ติดใจ มี คิวจองเต็มนานถึงปลายปี 2563 แล้ว
ใช่แล้วครับ ไม่ผิดหรอกครับ ที่ผมจะบอกว่าถ้าใครอยากชิมลิ้มลองอาหารร้านนี้ ต้องรอเปิดจองสำหรับ พ.ศ.2564 อีกครั้งหนึ่ง ขอจองแล้วอาจจะไม่ได้กินด้วย เพราะต้องช่วงชิงกับคนอื่นอีกมากมาย
คุณเหมียว หนุ่มใหญ่วัยอ่อนกว่าปิ่นโตเถาเล็กไม่กี่ปี เป็นคนบางปะอินโดยกำเนิด แต่มาโตในสายงานด้านโปรดักชั่นเฮาส์ทำรายการโทรทัศน์ (คุยไปคุยมา กลายเป็นว่าผมรู้จักกับทั้งสองสามีภรรยาอยู่แล้ว) ลาออกจากงาน มาควบคุมการปรุงเรือนไทยโบราณของคุณชวดอยู่ 2 ปี
ด้วยความที่บ้านนี้ คุณแม่มีฝีมือในการทำอาหารรสจัดแบบพื้นบ้าน เพื่อนๆ จึงมักจะขอมากินด้วยบ่อยๆ ก็เลยเปิดร้านทุกวันเสาร์ตรงใต้ถุนเรือนไทย แค่ครั้งละโต๊ะเท่านั้น เปิดมา 13 อาทิตย์ แค่ 13 โต๊ะ น้องเหมียวจึงโปรโมตเสียเลยว่าเต็มถึงปลายปี 2560 (เริ่มตุลาคม)
จากที่เพื่อนๆ แนะนำร้านปากต่อปาก ก็เลยมีการไลน์จองเข้ามา จึงเปิดเพิ่มเป็น เสาร์-อาทิตย์ จากวันละ 1 มื้อก็กลายเป็น วันละ 3 รอบ 11.00 น., 14.00 น. และ 17.00 น. รอบละโต๊ะเดียวเท่านั้น จะมาแค่ 2 คน หรือ 24 คนก็ได้ (ถ้ามากันเต็มที่ไม่ควรเกิน 30 คน)
เมื่อมิถุนายน 2561 เปิดจองของครึ่งปีแรก 2562 ภายใน 5 วินาที มีไลน์จองเข้ามา 800 คน ส่วนการจองครึ่งปีหลัง 2562 น้องเหมียวให้ไลน์เข้ามาตอน 8 โมงเช้า แค่ 8 วินาทีเท่านั้น ก็จองเกินจำนวนล้นหลาม และตอนต้นปี 2562 จึงเปลี่ยนวิธีให้ เขียนจดหมาย จองคิวปี 2563 สำนวนของใครโดนใจน้องเหมียวมากที่สุดก็จะได้มาลิ้มลอง ซึ่งบัดนี้เต็มตลอดทั้งปีแล้ว
ใครสนใจอยากมาร้านนี้ใน ปี 2564 ให้คอยติดตามที่เฟซบุ๊ก เรือนจรุง Ayutthaya real chillin house เท่านั้น ซึ่งน้องเหมียวยังไม่ได้คิดลูกเล่นการจองเลยว่าจะใช้วิธีไหน
สำหรับผู้ที่จองได้แล้ว เรือนจรุงอยู่ที่บางปะอิน แต่ไม่ได้อยู่ตรงตัวอำเภอริมน้ำ ทางเข้านั้นลึกลับพอตัว น้อยคนนักที่จะไม่หลง จึงขอบอกทางโดยละเอียด ให้มาตาม ถนนสายเอเชีย (32) เริ่มจากวงแหวนรอบนอก มุ่งไปอยุธยา ไม่ต้องเลี้ยวเข้าทางไปบางปะอิน ผ่านสตาร์บัคส์ที่ติดกับปั๊ม ปตท.ปั๊มแรก พอถึง ปั๊มน้ำมัน ปตท.ปั๊มที่สอง แล้ว (ประมาณ 6.5 กม.จากวงแหวน) ให้รีบออกทางขนานด้านนอกหน้าปั๊ม อีกประมาณ 2.5 กม. จะถึงทางเข้า นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ไม่ต้องเลี้ยวเข้า แต่ให้เลยมาอีกนิดเดียวไม่กี่สิบเมตร จะมีทางแยกเข้าถนนเล็กๆ ซ้ายมือเขียนว่าไปอำเภอบางปะอิน ลัดเลี้ยวเคี้ยวคดเข้าไปตามทางไม่กี่กิโล มองหาเรือนไทยใหญ่ๆ ตามรูป รับรองไม่หลง
เมนูของเรือนจรุงเน้นอาหารที่ครอบครัวตัวเองกิน ไม่ประดิดประดอยมากนัก แต่จัดจานให้สวย มีทั้งของแม่ตัวเองรสจัดๆ เผ็ดร้อนต่อยหนัก และของคุณแม่ยายคนชลบุรี ถนัดอาหารทะเล ปรุงรสออกหวานหน่อย ซึ่งก่อนถึงวันมากิน 1 อาทิตย์ คุณเหมียวจะไลน์หาเพื่อให้สั่งอาหารล่วงหน้า ควรสั่งให้พอไปเลย และขอบอกว่าอาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะจานใหญ่มากๆ
เมนูอาหารของปี 2562 มีประมาณ 37 อย่าง แต่สิ่งที่ต้องสั่งแน่นอนเวลามาอยุธยาก็คือ กุ้งแม่น้ำเผา ที่เรือนจรุงสรรหากุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ขนาด 3 ตัวต่อกิโลมาให้พวกเรา สดอร่อยเนื้อเด้งมันเยิ้มๆเต็มหัว จิ้มกับน้ำจิ้มแซ่บๆแต่ไม่เผ็ดจนเกินไป
ต่อด้วย กุ้งเผาสะเดาน้ำปลาหวาน ซึ่ง 1 จานจะให้กุ้งแม่น้ำขนาด 4 ตัวต่อกิโล จำนวน 2 ตัว ช่วงที่เราไปเป็นสะเดาใบ ยังไม่มีดอก แต่ก็มันๆ ขมๆ อร่อยดี ส่วนน้ำปลาหวานเป็นสูตรของแม่ยายจะออกหวานหน่อย
อีกอย่างที่ควรสั่งคือ กุ้งคั่วพริกเกลือ ใช้กุ้งก้ามกรามเลี้ยงขนาดย่อม 12 ตัวต่อกิโล ให้มาหลายตัวจุใจ นำไปทอดแล้วคลุกเครื่องกระเทียม รากผักชี และพริกจินดาเผ็ดหอม ถือเป็นเมนูอันดับ 1 ของปี 2561 ตอนนี้ปิ่นโตเถาเล็กเขียนไป กลืนน้ำลายไป เป็นเมนูที่ผมชอบมากที่สุด ปิดท้ายเมนูกุ้งคือ กุ้งแม่น้ำซอสกะปิสะตอ มาอยุธยาก็มีอาหารปักษ์ใต้นะจ๊ะ
ส่วนเมนูดังประจำปี 2562 คือ ไข่พะโล้ บ้านนี้ปรุงโดยผัดเครื่อง 3 เกลือ รากผักชี กระเทียม พริกไทย ไม่ใส่ผงพะโล้ เน้นเคี่ยวไข่นานๆ จนไข่รัดตัว เริ่มทำตั้งแต่วันพฤหัส ใครมาวันอาทิตย์ยิ่งโชคดี ไข่หนึบสุดสุด
เมนูที่มีคาแรกเตอร์สร้างชื่อให้กับเรือนจรุงคือ น้ำพริกสองแม่ ใน 1 ชุดตำมา 2 ครกเลย มีน้ำพริกสูตรแม่ยาย ใส่กะปิศรีราชา ปรุงรสออกหวานหน่อย ส่วนอีกครกเป็นสูตรแม่คุณเหมียว ใช้กะปิแถวนั้น เน้นเค็มและเผ็ดร้อนถูกใจปิ่นโตเถาเล็ก จัดผักแนมมาเต็มกระจาด ทั้งผักสด ผักต้ม ผักชุบไข่ทอด อลังการมาก และมีปลาทูทอดอีกด้วย จานนี้ถ่ายรูปออกมาสวยที่สุด แนะว่าถึงจะมาเป็นสิบกว่าคน ให้สั่งชุดเดียวพอแล้ว เพราะให้ปริมาณเยอะจริงๆ
อีกอย่างที่ปิ่นโตเถาเล็กชื่นชอบคือ ผัดเรือโป๊ะ ตอนเด็กๆ พ่อพาไปลิ้มลองที่ศรีราชา ประทับใจมาจนทุกวันนี้ สูตรเรือนจรุงมีกุ้ง หมึก ปลากะพง หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์และหอยแมลงภู่ไทย ปรุงด้วยพริกไทย พริกเหลือง พริกขี้หนู ผัดกับกระเทียม รสเผ็ดจัดสะใจ
ของเผ็ดๆ อีก 2 อย่างที่เราสั่งคือ แกงส้มปูหน่อไม้ดอง ใช้เครื่องแกงใต้ใส่ขมิ้น เนื้อกรรเชียงปูใหญ่ๆ ของดี (กิโลละตั้ง 2 พันกว่าบาท) และ แกงคั่วหอยหวาน เนื่องจากหอยขมดีๆ หายาก เลยใช้หอยหวานแทน อร่อยไปอีกแบบ ทั้ง 2 เมนูนี้เผ็ดร้อนจนหุบปากไม่ลง
ของกินเล่นที่อย่าริอ่านสั่งหลายจานเกินไปคือ ปลาเห็ด ซึ่งก็คือทอดมันปลากรายนั่นเอง ให้ชิ้นเบ้อเริ่มเหนียวหนึบเนื้อแน่นชนิดที่ว่าช้อนอาจงอได้ กินชิ้นเดียวจุกไปถึงเช้า จึงแนะนำว่าชิ้นหนึ่งแบ่งสองคนกำลังดีนะจ๊ะ ส่วนเมนูหายากให้บอกล่วงหน้านานหน่อยคือ เชิงปลากรายทอด ชิ้นโตๆ อีกเช่นกัน แตะแป้งแล้วนำไปทอดรสเค็มนิดๆ
ของกินแก้เผ็ดที่ควรสั่งคือเมนูชื่อเก๋ เนื้อแดดบ่ายสามสี่สิบห้า และ หมูแดดบ่ายสี่สามสิบสอง ซึ่งก็คือเนื้อแดดเดียว หมูแดดเดียวนั่นแหละ ทอดมาชิ้นโตๆ ยาวๆ ติดมันอร่อย และที่ฝากไว้ก่อน ยังไม่ได้สั่งก็คือ หมูคุณฝน เป็นหมูสามชั้นทอดน่ากินมาก เป็นชื่อของลูกค้าขาประจำคนคุ้นเคย เป็นช่างแต่งหน้า
วันนั้นยังมีเมนูไม่เคยกินมาก่อนคือ แกงร้อน ใส่ฟองเต้าหู้ วุ้นเส้น เห็ดหูหนู ใส่กะทิและกะปิ ปรุงรสออกหวานหน่อย ส่วนยำต่างๆ ที่ได้ลิ้มลองไปคือ ยำหัวปลี กับ ยำมะเขือยาว
เขียนแนะนำคราวนี้ รู้สึกเห็นใจแฟนๆ เพราะบอกไปก็อาจไม่ได้ชิม เอาเป็นว่าจงมีความพยายาม ถามหาจากเพื่อนฝูง ถ้ามีใครจองไว้ให้อ้อนวอนขอตามไปด้วย รับรองว่าจะมีความสุขล้นเหลือ นับเป็นประสบการณ์ประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิตเลยทีเดียว
เรือนจรุง
โดย คุณเหมียว
ที่ตั้ง 67/3 หมู่ 2 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา 13160
ติดต่อ ทางเฟซบุ๊ก เรือนจรุง Ayutthaya real chillin house
เปิดบริการ ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น เสาร์-อาทิตย์ วันละ 3 รอบ 11.00, 14.00, 17.00 น.
แนะนำ กุ้งแม่น้ำเผา กุ้งเผาสะเดาน้ำปลาหวาน กุ้งคั่วพริกเกลือ น้ำพริกสองแม่ ไข่พะโล้ ผัดเรือโป๊ะ แกงส้มปูหน่อไม้ดอง แกงคั่วหอยหวาน ปลาเห็ด เชิงปลากรายทอด เนื้อแดดบ่ายสามสี่สิบห้า และหมูแดดบ่ายสี่สามสิบสอง
หมายเหตุ ต้องติดตามวิธีการจองสำหรับปี 2564 ทางเฟซบุ๊กเท่านั้น ซึ่งยังไม่ได้คิดวิธีการจองเลย
ที่มา : อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน ผู้เขียน : ปิ่นโตเถาเล็ก