รศ.รัชนี คงคาฉุยฉาย ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงประโยชน์ของมะเขือเทศ ว่า มะเขือเทศ 1 ถ้วยตวง มีน้ำค่อนข้างมาก คือประมาณ 124 กรัม ให้แบต้าแคโรทีนพอควร และมีลูทีนอยู่บ้าง ให้วิตามินซีพอควรประมาณร้อยละ 26 ใยอาหารร้อยละ 3 โพแทสเซียมร้อยละ 6 ทองแดงร้อยละ 5 ฟอสฟอรัสร้อยละ 4 และแมกนีเซียมร้อยละ 3 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคใน 1 วันตามลำดับ มีแคลเซียมเล็กน้อย มีเหล็กและโซเดียมน้อยมาก มีสารต้านอนุมูลอิสระคือโพลีฟีนอลและประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระอยู่บ้าง
รศ.รัชนี กล่าวต่อว่า หากดื่มน้ำมะเขือเทศกล่อง อาจจะได้สารอาหารที่ควรจะได้น้อย สารอาหารส่วนใหญ่อาจจะได้เป็นน้ำตาลมากกว่า เพราะเชื่อว่าน้ำมะเขือเทศกล่องนั้นไม่ได้คั้นสด อาจจะทำโดยการนำผงมาละลาย แล้วก็ผสมน้ำตาลลงไปทำให้ได้ประโยชน์ของมะเขือเทศน้อย แต่ถ้ารับประทานเป็นซอสมะเขือเทศก็จะได้สารไลโคปินสูง ด้วยวิธีการทำซอส ซึ่งสารไลโคปินที่ว่านี้ก็จะสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากของผู้ชายได้ แต่ปกติแล้วจะไม่รับประทานซอสมะเขือเทศเป็นจำนวนมากอยู่แล้วเพราะมีรสเค็ม ถ้ารับประทานเป็นมะเขือเทศสด มีวิตามินซี แคโรทีนอย สารตัวนี้จะทำให้ผิวดีขึ้นได้จริง ผิวจะใสขึ้น เช่นที่วัยรุ่นนิยมทานเพื่อให้ผิวสวย แต่ต้อง
ทานติดต่อกันสักระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเมื่อหยุดทานไม่นานสัก 1 หรือ 2 อาทิตย์ ผิวก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ดังนั้นหากให้แนะนำก็ควรทานเป็นมะเขือเทศสด มากกว่าการกินเป็นน้ำมะเขือเทศเพราะจะได้สารอาหารเยอะกว่า ถ้าดื่มเป็นน้ำมะเขือติดต่อกันเป็นระยะเวลานานด้วยน้ำตาลของมันอาจจำให้เกิดโรคอ้วนได้
“แต่ทางที่ดีนั้นหากต้องการผิวมีสุขภาพผิวที่ดีให้กินผักผลไม้ที่หลากหลาย กินผักผลไม้ครบ 5 สี ในทุกๆวันจะช่วยให้มีสุขภาพผิวที่ดีได้ถาวรกว่า ส่วนใครที่กินแต่มะเขือเทอศเพียงอย่างเดียวเป็นวันละกิโลกรัมเพื่อเร่งให้ผิวสวยขึ้นภายใน 1-2 เดือน นอกจากอาจจะทำให้ขาดสารอาหารอย่างอื่นแล้ว ในกรณีหากมะเขือเทศสดมีสารยาฆ่าแมลงปนเปื้อนอยู่ แม้จะล้างแล้วก็อาจมียาฆ่าแมลงตกค้าง เมื่อกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะทำให้มีสารตกค้างสะสมในร่างกายและเป็นอันตรายต่อไปในอนาคตได้ อีกกรณีคือที่มีการแจ้งเตือนข้อมูลในอินเตอร์เน็ตว่าการกินน้ำมะเขือเทศติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้เกิดโรคไตนั้นไม่เป็นความจริง ถือว่าเป็นข้อมูลที่ผิด เพราะมะเขือเทศจะไม่ก่อนให้เกิดโรคไต แต่คนที่เป็นนั้นอาจจะเป็นคนที่มีนิสัยการกินที่กินเค็มอยู่แล้ว มีภาวะไตเสื่อมมาก่อนหน้าอยู่แล้ว’’ รศ.รัชนี กล่าว
ที่มา : มติชนออนไลน์