อากาศยามเช้าของเมืองโอซาก้าบริสุทธิ์ สะอาด และรู้สึกว่าสูดหายใจเข้าไปในอกได้เต็มปอดจริงๆ ยิ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาฝนตกไปแล้ว ก็ยิ่งดูเหมือนได้ชะล้างฝุ่นละออง ทำให้อากาศสดชื่นมากขึ้น เช้าวันนี้ยังไม่มีที่หมายว่าจะไปไหน ขณะเดียวกันเพื่อนเดินทางหลายคนเริ่มบ่นเบื่อกับอาหารเช้าของโรงแรมบ้างแล้ว จึงกลายเป็นว่ามานั่งถกกันว่าจะไปหาอาหารเช้ากินกันที่ไหนดี ระหว่างนั้นชื่อของตลาดปลา “คุโรม่ง” จึงปรากฏขึ้น
“คุโรม่งอิจิบะ” เพื่อนร่วมทางคนหนึ่งกล่าวขึ้นและอธิบายว่า เรียกสั้นๆ แบบคนไทยก็ว่า “ตลาดปลาคุโรม่ง” หากเรียกแบบคนญี่ปุ่นก็ต้อง “คุโรม่งอิจิบะ” เป็นแหล่งรวมปลาและอาหารทะเลมากมายหลายชนิด ที่สำคัญความสดของวัตถุดิบและสามารถปรุงรับประทานร้อนๆ ได้เลยทีเดียว คณะเราตกลงเดินทางไปที่นั่น หนแรกที่เห็นตลาดไม่น่าจะเรียกตลาดปลา แต่น่าจะเป็น “ตลาดสด” มากกว่า เพราะไม่ได้มีแต่ปลาหรืออาหารทะเลขายอย่างที่คิดแต่แรก แต่ยังมีสินค้าอาหารอื่นๆ ให้เลือกซื้อเลือกกินได้อีกด้วย ทั้งผลไม้สด กาแฟสด ขนมหวาน สารพัด
ตลาดคุโรม่งแห่งโอซาก้า นับเป็นตลาดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง ตั้งอยู่เขต Chuo ใจกลางเมืองโอซาก้า ติดกับสถานีรถไฟใต้ดิน Nippombashi อยู่ไม่ไกลจากย่านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า Den Den Town จะว่าไปก็เป็นเหมือนห้องแถวเปิดเป็นร้านค้าต่อเรียงกันไป มุงหลังคากันแดดกันฝน มีทางเดินกว้างสักสองเมตรได้ ทอดยาวไปประมาณ 600 เมตร ร้านค้าสองข้างทางเคยมีคนนับได้ 180 ร้านค้า แต่เดี๋ยวนี้ตัวเลขอาจเพิ่มหรือลดลงก็ไม่แน่เสียแล้ว เพราะยังไม่มีใครไปอัพเดตตัวเลขล่าสุดให้ทราบ
ของที่ขายในตลาดส่วนมากจะเป็นของทะเลสด โดยเฉพาะปลาต่างๆ ที่ใช้ทำซูชิ ซาชิมิ รวมถึงปลาไหล และยังมีจำพวกหอยทั้งหลาย ทั้งหอยปีกนก หอยเม่น หอยนางรม หอยคราง (ตัวใหญ่กว่าหอยแครง) หอยกาบก็มี ที่เห็นแปลกก็คือร้านขายเนื้อ แทรกอยู่กับร้านขายของทะเล เป็นเนื้อวัวสด ใครจะสั่งย่างหรือปรุงทำเป็นสเต๊กก็ได้ เขาปรุงให้กินร้อนๆ ตามออร์เดอร์ เท่าที่เห็นมีอยู่เพียงเจ้าเดียวและยังมีชื่อว่าเนื้ออร่อยมากด้วย เห็นคนญี่ปุ่นสั่งซื้อกลับบ้านกันเป็นแถว นอกจากนี้ มีผลไม้ต่างๆ ตามฤดูกาล เช่น องุ่น แอปเปิ้ล เมล่อน กีวี ฯลฯ ส่วนสตรอเบอรี่มีน้อยมาก อาจจะไม่ใช่ฤดูปลูก สำหรับราคาผลไม้แน่นอนว่าถูกกว่าเมืองไทยและรสชาติก็ดีกว่าด้วย
ในสมัยปลายยุคเมจิ ตลาดแห่งนี้เดิมเรียกว่าตลาด Enmyoji เนื่องจากว่าอยู่ใกล้กับวัด Enmyoji และตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เคยเป็นประตูทางเข้าของวัดที่เรียกว่า Kuromon แปลว่า ประตูดำ ซึ่งต่อมากลายเป็นชื่อของตลาดเรียกกันติดปากว่า คุโรมงอิจิบะ ในสมัยเอโดะที่แห่งนี้เป็นแหล่งที่พ่อค้าปลามารวมตัวกันขายปลาที่นำมาจาก Sakai เละ Wakayama กระทั่งในปี 1912 เกิดไฟไหม้ และต่อมายังโดนระเบิด Osaka bombing ได้รับความเสียหายอย่างมาก ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงขึ้นใหม่ให้เป็นระเบียบและสะอาดสะอ้านจนเป็นแหล่งกินของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนจะชอบมาก
จุดน่าสนใจของตลาดคุโรม่งอีกอย่างที่ไม่ค่อยมีใครรู้ นอกเหนือจากเป็นเเหล่งรวมร้านอาหารของสดจากทะเล คือมีร้านขายขนมท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อของโอซาก้าอีกด้วย ร้านขายขนมท้องถิ่นเหล่านี้พูดกันว่าหากินที่ไหนไม่ได้อีกเเล้วในญี่ปุ่น ตลาดปลาคุโรม่งเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งเเต่เวลาเก้าโมงเช้าเป็นต้นไปจนถึงสี่โมงเย็น แต่ก็มีบางร้านที่เปิดขายถึงทุ่มสองทุ่ม
หากมาถึงตลาดแห่งนี้แล้วไม่พูดถึง “ร้านอร่อย” ก็ผิดวิสัยนักกิน ดังนั้น หลังจากเดินวนอยู่หลายรอบพร้อมทั้งสอบถามข้อมูลจากเพื่อนหลายคนที่เคยมา ทำให้ได้ชื่อร้านที่จะเข้าไปทดสอบความอร่อยกัน เริ่มตั้งแต่ร้านขายซูชิสำหรับคนชอบซูชิและปลาดิบ ชื่อร้าน “มากุโรยะ กุโรกิน” เป็นร้านขายเฉพาะปลาทูน่าเท่านั้น ร้านนี้ต้องลองข้าวหน้าปลาทูน่า 3 ส่วน คือ โอโทโร่ ชูโทโร่ และอะคามิ เป็นเมนูที่นิยมมาก ตามด้วย เนกิโทโร่ด้ง (ข้าวหน้าโทโร่สับคลุกต้นหอม) สามารถเลือกกินทูน่าได้อย่างเพลิดเพลินและเต็มปากเต็มคำ
ถัดมาที่ต้องลองกินเป็น “โอเด้ง” อาหารท้องถิ่นของโอซาก้า ชื่อร้าน “อิชิบะชิ โชคูฮิน” ร้านโอเด้งชื่อดังรสชาติโอซาก้าแท้ โอเด้งที่มีน้ำซุปร้อนๆ แทรกซึมชุ่มฉ่ำ จิ้มกันคนละหนุบคนละหนับ อร่อยจนต้องสั่งอีกหลายจานกว่าจะหยุดได้
และอย่างที่บอกว่าที่นี่มีร้านขายเนื้อขึ้นชื่อความอร่อย เป็นที่โปรดปรานของมีท เลิฟเวอร์ ทั้งหลาย ชื่อร้าน “มารุเซ็นโชคูนิคุเต็น” ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะเขาจะซื้อวัวตัวเมียมาทั้งตัว คัดเลือกตัวที่คุณภาพดีที่สุดมาชำแหละเป็นส่วนต่างๆ ให้เลือกสั่ง สั่งแล้วจะย่างต่อหน้าเราเลยทีเดียว กลิ่นเนื้อย่างหอมตลบอบอวลไปทั้งถนน นอกจากนี้ ยังมีเมนูข้าวหน้าเนื้อวัวคุโรโกะวากิว เนื้อวัวเสียบไม้ และยังสามารถสั่ง โกเบกิว เนื้อราคาแพงที่สุดของโกเบจากร้านนี้ได้ด้วย
เสร็จจากอาหารของคาว ต้องตบท้ายด้วยกาแฟร้อน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าในตลาดแห่งนี้มีร้านกาแฟเปิดขายเป็นกาแฟสดที่ไม่เหมือนใครในโลก กล่าวคือสามารถเลือกเมล็ดกาแฟที่อยู่ในถุงป่านตั้งเรียงรายให้ชี้นิ้วบอกเจ้าของร้านตามความพอใจ เป็นการชงกาแฟแบบที่เรียกว่า “ออน ดีมานด์” จากนั้นเจ้าของร้านจะนำเมล็ดกาแฟสดไปคั่วกันแบบต่อหน้าต่อตา แล้วจึงนำไปบดและชงเป็นกาแฟออกมาควันฉุยใส่แก้วให้ดื่มแบบหอมฟุ้งในปากและลำคอ ร้านนี้ชื่อว่า “กรีนบีนส์พาร์เลอร์” ตั้งอยู่ประมาณกลางๆ ซอยในตลาด ใครจะซื้อแบบให้คั่วแล้วให้บดเอากลับบ้านก็ได้
คุโรม่งอิจิบะ ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมืองโอซาก้า ได้ชื่อว่า “ครัวของญี่ปุ่น” เป็นแหล่งรวมอาหารการกินที่ขึ้นชื่อทั้งคุณภาพ ความหลากหลาย และความอร่อย แต่ทว่า ใครก็ตามที่ไปตลาดแห่งนี้ ไม่ใช่เพื่อไปกินอาหารเพียงอย่างเดียว เพราะคุโรม่งเป็นมากว่าภาพที่เรามองเห็นด้วยตา แท้จริงแล้วมันคือสภาพแวดล้อม ความเป็นอยู่ วัฒนธรรมการกิน วิถีเศรษฐกิจ วิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น