บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายอุทัย อุทัยแสงสุข (ที่ 7 จากซ้าย) ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ ผนึกเหล่าพันธมิตรจำนวน 29 บริษัท รวมพลังเร่งสร้างห้องอาบน้ำสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลบุษราคัม โรงพยาบาลสนามเมืองทองธานี กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 380 ห้อง รวมมูลค่า 8 ล้านบาท โดยสร้างเสร็จภายในระยะเวลา 5 วัน ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือคนไทยอย่างเต็มที่เพื่อก้าวพ้นวิกฤตินี้ไปได้ด้วยกัน รวมถึงสนับสนุนการฉีดวัคซีน และตรวจโควิด-19 เชิงรุกเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย รับมอบโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล (ที่ 7 จากขวา) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต (ที่ 6 จากขวา) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ณ โรงพยาบาลบุษราคัม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานีเมื่อเร็วๆนี้ ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ผู้ติดเชื้อทุกคนได้รับการรักษาในโรงพยาบาล หวังเสริมทัพเป็นฟันเฟืองในการช่วยเหลือสังคมให้สามารถควบคุมและยับยั้งการแพร่ระบาดได้ดียิ่งขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรทุกคนของประเทศให้มากที่สุดและโดยเร็วที่สุด ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของแสนสิริในหลักการบริหาร 4 เสาหลัก ได้แก่ ลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น และสังคม
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ กล่าวว่า “แสนสิริ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์มาใช้ในการช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มที่ โดยร่วมกับพันธมิตรผู้รับเหมาก่อสร้างและบริษัทวัสดุและสุขภัณฑ์ชั้นนำรวมกว่า 29 ราย รวมพลังเร่งสร้างห้องอาบน้ำจำนวน 380 ห้อง ภายในระยะเวลา 5 วัน เพื่อพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มาเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนามโดยกระทรวงสาธารณสุขที่ได้จัดตั้งล่าสุด ทั้งนี้ แสนสิริมีส่วนสนับสนุนการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2563 โดยปีที่ผ่านมาได้บริจาคเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์มูลค่ารวมกว่า 8 ล้านบาทแก่กระทรวงสาธารณสุข”
สำหรับพันธมิตรที่มีส่วนร่วมในการก่อสร้างและบริจาคห้องอาบน้ำ รวมมูลค่า 8 ล้านบาท ทั้ง 29 บริษัท ได้แก่ บริษัท สยาม มัลติคอน จำกัด, บริษัท คอนสตรัคชั่น ไลนส์ จำกัด, บริษัท เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน), บริษัท วิศวภัทร์ จำกัด, บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน), บริษัท โคห์เลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด, บริษัท วีนายน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด, บริษัท ธรรมสรณ์ จำกัด, บริษัท โตโยโบ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โปรเจค ไดเรคชั่น จำกัด, บริษัท เอสทีม 106 จำกัด, บริษัท โมบิไลซ์ จำกัด, บริษัท พี เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด, บริษัท นิวอีเล็คติคัล เทคโนโลยี จำกัด, บริษัท สยามซานิทารีแวร์อินดัสทรี จำกัด, บริษัท ธงไทโชติ 2005 จำกัด, บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท สหสินไทยค้าวัตถุก่อสร้าง จำกัด, บริษัทโนวาเทร็นด้า จำกัด, บริษัท บุญถาวร อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท โมดูลั่ม จำกัด, บริษัท ไทยสแทร์ จำกัด, บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย), บริษัท แกรนด์ โฮมมาร์ท จำกัด, บริษัท บิทิชีโน (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท บิ๊กไพศาลโปรเจค จำกัด และ บริษัท วิชั่น แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด
ทั้งนี้ แสนสิริ ได้เดินหน้านโยบาย “Sansiri Care…เพราะเราห่วงใย” อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว เพื่อยกระดับคุมเข้มความปลอดภัยและสุขอนามัยขั้นสูงสุดในการรับมือสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านการดูแลครอบครัวแสนสิริกว่า 100,000 ครอบครัว ตลอดจนลูกค้าที่เยี่ยมชมโครงการ พนักงาน พันธมิตรและสังคม ด้วย 3 มาตรการ คือ ป้องกัน ดูแล และรับมือ รวมทั้งจัดทำโครงการ “Sansiri Care for All’ เพื่อช่วยเหลือสังคมผ่านการบริจาคสิ่งของแก่ชุมชนข้างเคียง และตั้งกองทุน “Sansiri Care Relief Fund” เพื่อดูแลพนักงานแสนสิริและพันธมิตรด้านบริการในโครงการต่างๆ อาทิ แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย ช่างอาคาร ฯลฯ หากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จากการเสียสละดูแลครอบครัวแสนสิริ ด้วยกองทุนตั้งต้น 5 ล้านบาทจากเงินบริจาคส่วนตัวของผู้บริหารระดับสูงอีกด้วย