จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยในปัจจุบัน ยังคงอยู่ในภาวะวิกฤตพบผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้หลายภาคส่วนต้องร่วมผนึกกำลังกันมาช่วยให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตนี้ให้ได้ไปด้วยกัน เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และได้จัดทำโครงการต่างๆช่วยเหลือเร่งด่วนมาตลอดหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา จนถึงการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2564 ที่เครือซีพีได้ให้การสนับสนุนภารกิจด้านสาธารณสุข ตลอดจนการบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยมาโดยตลอด ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ นำโดยนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือฯได้ประกาศความตั้งใจเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 ที่จะเร่งแก้ปัญหาขาดแคลนยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ด้วยการจัดตั้งโครงการ “ปลูกฟ้าทะลายโจร100 ไร่ 100 วัน” เพื่อผลิตยาสมุนไพรไทยฟ้าทะลายโจรจำนวน 30 ล้านแคปซูลแจกจ่ายฟรีให้ประชาชน พร้อมย้ำว่า ควรทานในปริมาณที่เหมาะสม ตามที่สาธารณสุขกำหนด และสุดท้ายแล้ว การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา และการป้องกันที่ดีที่สุดคือการเร่งฉีดวัคซีน โดยต้องเร่งจัดหาวัคซีนที่มีความหลากหลาย และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการออกไปติดเชื้อ แต่เมื่อติดโควิดแล้ว เริ่มมีอาการมากขึ้น ก็ต้องเข้าถึงยาจากแพทย์อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญ เพราะสิ่งที่จะเป็นตัวสู้กับเชื้อไวรัส คือภูมิคุ้มกันของเราเอง
นายสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด (CPP) เปิดเผยว่า โครงการปลูกพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเป็นไปตามนโยบายของประธานอาวุโสเครือซีพี นายธนินท์ เจียรวนนท์ ที่ตระหนักว่าขณะนี้สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ค่อนข้างรุนแรง และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการดูแลรักษาเบื้องต้นสามารถใช้ยาฟ้าทะลายโจรเพื่อช่วยลดภารกิจของสาธารณสุขและบุคลากรด่านหน้าทางการแพทย์ ประธานอาวุโสซีพีจึงมีนโยบายให้เครือซีพีซึ่งมีศักยภาพที่จะช่วยเหลือสังคมได้อย่างเร่งด่วนทำหน้าที่เป็นทัพเสริมช่วยหนุนการปลูกและผลิตสมุนไพรฟ้าทะลายโจรที่ขณะนี้กำลังขาดแคลน ด้วยสรรพคุณของฟ้าทะลายโจรพืชสมุนไพรไทยที่สามารถใช้บรรเทาอาการไข้หวัด แก้ไอ เจ็บคอ และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ต้านการอักเสบ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แจกจ่ายยาฟ้าทะลายโจรให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างรอเข้ารับการรักษา และกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อ ทำให้ความต้องการยาฟ้าทะลายโจรมีเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ปัญหาฟ้าทะลายโจรขาดตลาด และเพื่อรองรับความต้องการที่มีมากขึ้นในช่วงนี้ เครือซีพีจึงดำเนินโครงการ “ปลูกฟ้าทะลายโจร 100 ไร่ 100 วัน” ขึ้นมาและเริ่มดีเดย์เพาะปลูกวันแรกตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2564 ในพื้นที่ จ.สระบุรี โดยระดมอาสาสมัครและพนักงานในเครือซีพีมาร่วมปลูกให้เร็วที่สุดเพื่อให้ทันกำหนดภายใน 100 วัน ตามเป้าหมายที่ซีพีต้องการส่งมอบยาแคปซูลฟ้าทะลายโจรชุดแรก 30 ล้านเม็ดแจกจ่ายไปยังชุมชนและประชาชนทั่วไป โดยจะเริ่มส่งมอบได้ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 นี้
นายสุเมธ กล่าวว่า ซีพีได้ศึกษากระบวนการขั้นตอนตั้งแต่สายพันธุ์เพื่อการเพาะปลูกจนถึงการผลิตและบรรจุที่มีการดำเนินการอย่างเป็นมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยเราได้นำสายพันธุ์จากทั่วทุกภาคมาทำการศึกษาทั้งเมล็ดพันธุ์และกล้าพันธุ์เพื่อพัฒนาเป็นองค์ความรู้ที่สมบูรณ์แบบของประเทศไทย เพื่อในอนาคตจะได้มอบพันธุ์ที่ศึกษาไว้ทั้งหมดแก่เกษตรกรและชาวบ้านทั่วไปนำไปขยายพันธุ์เพาะปลูกรวมทั้งให้คำแนะนำเทคนิคในการเลี้ยงดูและการปลูกให้ได้ผลด้วย โดยหลังจากผ่านการขอพิจารณาแนวทางในการทำการเกษตร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี และปลอดภัยตามมาตรฐานที่กาหนด หรือ GAP ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งนี้ เครือซีพีจะถ่ายทอดองค์ความรู้ที่สมบูรณ์แบบทั้งการเพาะปลูกและการดูแลรักษาฟ้าทะลายโจร รวมทั้งการส่งมอบพันธุ์เพาะปลูกทั้งหมดที่ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์และศึกษาไว้ให้แก่พี่น้องประชาชนทั่วไป และเกษตรกรไทยที่สนใจนำไปปลูกได้ด้วยตัวเองเพื่อสร้างเสริมเป็นรายได้ ไม่มีข้อผูกมัดใดๆกับเกษตรกร สามารถนำไปปลูกได้อิสระเพราะเชื่อว่าเมื่ออนาคตตลาดสมุนไพรไทยขยายและเติบโตขึ้น ความต้องการฟ้าทะลายโจรจะมีมากขึ้นในไทย รวมทั้งหลายประเทศในภูมิภาคนี้ และอาจขยายได้ทั่วโลก องค์ความรู้เหล่านี้ทั้งหมดก็จะส่งต่อให้เกษตรกรไทยต่อไป
“ฟ้าทะลายโจรถือเป็นยาสมุนไพรโบราณของไทย เราอยากเทิดทูนถึงองค์ความรู้ด้านตำรับยาไทยที่บรรพบุรุษของเราได้สืบทอดมา ซึ่งจากการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญพบว่าแม้แต่การเพาะปลูกพืชตัวนี้ก็ยังถือเป็นพืชที่ต้านทานโรคและแมลงได้ด้วยตัวเอง ซึ่งซีพีจะดำเนินการเพาะปลูกและดูแลรักษาโดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ฟ้าทะลายโจรจึงถือเป็นพืชสมุนไพรที่บรรพบุรุษส่งต่อสืบทอดมาให้เราอย่างแท้จริง”ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัดกล่าว
ทั้งนี้ นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 กลุ่มธุรกิจในเครือซีพีได้ระดมสรรพกำลังร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 โดยสนับสนุนอาหาร น้ำดื่ม อุปกรณ์สื่อสาร และภารกิจด้านสาธารณสุข บริจาคเครื่องมือแพทย์ เต็นท์ความดันลบ เครื่องช่วยหายใจไปแล้วมากกว่า 2,000 โรงพยาบาล ตลอดจนแจกหน้ากากอนามัยที่ซีพีผลิตเองไปแล้วกว่า 16 ล้านชิ้น รวมถึงบรรเทาความเดือดร้อนในชุมชนและกลุ่มผู้เปราะบางต่างๆ จนถึงขณะนี้ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นกลุ่มธุรกิจในเครือซีพีได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนกว่า 100 พันธมิตรต่างๆ ทั้งมูลนิธิ กลุ่มจิตอาสา ภาคประชาสังคมและองค์กรสื่อ ในการผนึกำลังดำเนินโครงการ “ครัวปันอิ่มร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19” ส่งมอบข้าวกล่องปรุงสุกถูกหลักโภชนาการจำนวน 2 ล้านกล่องในระยะเวลา 2 เดือน โดยเป็นข้าวกล่องผลิตจากซีพี 1 ล้านกล่อง และอีกส่วนคือซีพีซื้อข้าวกล่องปรุงสุกจากร้านอาหารรายย่อยต่างๆอีก 1 ล้านกล่อง เพื่อช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 40 ชุมชนในกรุงเทพฯและปริมณฑล ตลอดจนยังเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อย ขนาดกลางและเล็กได้ดำเนินธุรกิจในช่วงนี้ต่อไปได้ ซึ่งขณะนี้ได้ร่วมมือกับพันธมิตรดำเนินการแจกจ่ายข้าวกล่องตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2564 เป็นต้นมา