แม็คโคร เปิดโมเดลธุรกิจชุมชน “บัดดี้มาร์ท”
แม็คโคร เปิดโมเดลธุรกิจชุมชน “บัดดี้มาร์ท” อย่างเป็นทางการ ทลายกำแพงปัญหาการเข้าถึงเงินลงทุนของร้านโชห่วย เสริมแกร่งด้วยเสน่ห์ดั้งเดิม เน้นเพิ่มดีกรีความรู้ใจชุมชน ด้วยสินค้าหลากหลายแบรนด์ดัง ตอบโจทย์ลูกค้า ผ่านบิ๊กดาต้า (Big Data) และความเชี่ยวชาญจากแม็คโคร ที่คลุกคลีกับธุรกิจโชห่วยไทยมากกว่า 33 ปี
นายเอกพล คูสุวรรณ ผู้จัดการโครงการบัดดี้มาร์ท เปิดเผยว่า บัดดี้มาร์ท เป็นโมเดลธุรกิจร้านค้าปลีกที่พัฒนาให้เป็นสูตรสำเร็จ ภายใต้แนวคิด ‘ครบ คุ้ม เพื่อนคู่ใจชุมชน’ มุ่งเป็นเพื่อนแท้ของทุกคนในท้องถิ่น ที่สำคัญยังคงเสน่ห์ของร้านโชห่วย โดยเน้นความเป็นเจ้าของเดิม เสริมความสัมพันธ์กับชุมชนให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญที่แม็คโครมีมากกว่า 33 ปี ทำให้เจ้าของร้านรู้ใจลูกค้าในชุมชนมากยิ่งขึ้นด้วยฐานข้อมูล ซึ่งการเปิดตัวอย่างเป็นทางการนี้ ได้ร่วมกับพันธมิตรสำคัญ คือ ธนาคารกรุงเทพ ที่มาช่วยตอบโจทย์ด้านเงินลงทุน ทำให้คู่ค้าของบัดดี้มาร์ทกู้เงินลงทุนได้สูงสุดถึง 100% และมีระยะเวลาการผ่อนชำระนานถึง 5 ปี แก้ปัญหาขาดสภาพคล่องและขาดความสามารถในการขอกู้เงินเพื่อปรับปรุงร้านโชห่วย
“บัดดี้มาร์ท ยังมีฐานข้อมูลสำคัญที่มาจากประสบการณ์ในการทำธุรกิจกับโชห่วยกว่า 5 แสนรายของแม็คโคร ทำให้รู้ลึก รู้จริง ในสิ่งที่ร้านโชห่วยควรปรับ เพื่อสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เน้นความเป็นเจ้าของที่ใช้เสน่ห์ดั้งเดิมของโชห่วยอย่างเรื่องความสัมพันธ์ในชุมชนเข้ามาต่อยอด จึงมีโปรแกรมช่วยส่งเสริมการขายให้เจ้าของร้านอย่างต่อเนื่อง เรียกว่า หน้าที่ในการบริหารจัดการร้าน เจ้าของร้านมีตัวช่วยคือบัดดี้มาร์ท ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับชุมชน ซึ่งสำคัญมากสำหรับการทำร้านโชห่วย เจ้าของร้านจะยิ่งแข็งแรงกว่าเดิม ด้วยเครื่องมือการตลาดที่เราช่วยสนับสนุน”
นอกจากนี้ เรื่องการเลือกสินค้าให้เหมาะกับชุมชนจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเพิ่มยอดขายให้ร้านบัดดี้มาร์ท ซึ่งเราพบว่า สินค้าแบรนด์ดังเป็นตัวช่วยดึงลูกค้าเข้าร้านก็จริง แต่ร้านเองต้องเลือกสินค้าให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละท้องถิ่นโดยรอบด้วย ทำให้แม็คโครร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์ดัง อาทิ ไทยน้ำทิพย์ ยูนิลีเวอร์ พีแอนด์จี เนสท์เล่ มาประสานพลังเพื่อนำเสนอดีลพิเศษเฉพาะสำหรับร้านบัดดี้มาร์ท แตกต่างจากร้านเครือข่ายธุรกิจอื่นที่เน้นขายเฮ้าส์แบรนด์ของตนเอง อีกทั้งยังมีการทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง
“ปัจจุบันมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมกับโมเดลบัดดี้มาร์ทเป็นจำนวนมาก เพราะเชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการร้านค้าปลีกกว่า 33 ปีของเรา ที่สำคัญเพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเก็บสต๊อกสินค้าจำนวนมาก ทางบัดดี้มาร์ทจึงออกแบบให้เจ้าของร้านสั่งสินค้าได้บ่อยๆ และมีความถี่ในการส่งสินค้าเข้าร้านถึงอาทิตย์ละ 4 ครั้ง นอกจากนี้เจ้าของร้านยังสามารถปรับเปลี่ยนออเดอร์ให้เหมาะกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ ส่งผลให้ผู้ที่เปิดร้านกับบัดดี้มาร์ทมียอดขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 40%” นายเอกพล กล่าวทิ้งท้าย
อีกจุดเด่นที่สำคัญ คือ บัดดี้มาร์ท ได้วางกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้น ให้สมกับที่เป็น “ร้านค้าคู่ใจชุมชน” ทั้ง การเสริมบริการพิเศษอื่นๆ อาทิ ตู้เติมเงิน ตู้กาแฟอัตโนมัติ ตู้ซักผ้าอัตโนมัติ และในอนาคตยังวางแผนเพิ่มสินค้าชุมชนภายในร้าน เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจภายในชุมชนสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจการค้าของประเทศ