ถ่ายทอดเรื่องราวจากวรรณคดีเรื่องดัง “สังข์ทอง” ว่าด้วยคุณค่าของความรักจากแก่นภายในจิตใจ มองข้ามรูปลักษณ์ภายนอกอันนำไปสู่ความรักที่ยั่งยืน
สงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ไทย คือช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นและโอกาสของการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเดิมๆ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล จึงสร้างสรรค์และเปิดมุมมองใหม่ให้กับเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ ด้วยการคอลแลบกับศิลปินชาวฝรั่งเศส Guillaume Sardin (กิโยม ซาร์แด็ง) ครีเอตสงกรานต์ใหม่ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบัน ด้วยลายเส้นและเทคนิคสีน้ำ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะทางของ Guillaume Sardin ที่จะมาเพิ่มชีวิตชีวาให้กับวรรณคดีไทยสุดคลาสสิกอย่าง “สังข์ทอง” (The Tale of Sangthong) ผ่านการตีความของศิลปินที่นำเสนอเรื่องราวที่แตกต่างจากเดิม เพื่อให้ทุกคนได้รับบรรยากาศใหม่ๆตลอดช่วงสงกรานต์นี้ โดยสามารถชมผลงานศิลปะเรื่อง “สังข์ทอง” ผ่านจุดดิสเพลได้ที่ห้างเซ็นทรัล 5 สาขา ได้แก่ ห้างเซ็นทรัลชิดลม, ลาดพร้าว, บางนา, ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัล แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมช้อปสินค้าคอลเลกชันพิเศษ “Defry01 x Guillaume Sardin” ได้ที่แผนกแฟชั่น ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา ตลอดซัมเมอร์นี้
รวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ห้างเซ็นทรัลมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่แปลกใหม่ น่าตื่นเต้นให้กับลูกค้าอยู่เสมอ นอกจากเราจะเป็นจุดหมายแห่งการช้อปปิ้งอันดับหนึ่งแล้ว เรายังเป็นจุดหมายแห่งแรงบันดาลใจอันไม่สิ้นสุดอีกด้วย เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับช่วงซัมเมอร์ โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ของไทยในปีนี้ ‘ห้างเซ็นทรัล’ ได้จับมือกับศิลปินชาวฝรั่งเศสอย่าง ‘กิโยม ซาร์แด็ง’ ถ่ายทอดเรื่องราวของวรรณคดีไทยที่หลายคนคุ้นหูเรื่อง ‘สังข์ทอง’ ผ่านผลงานศิลปะที่ตีความจากมุมมองของกิโยม เกิดเป็นผลงานศิลปะที่น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะไม่ซ้ำใคร พร้อมนำผลงานมาตกแต่งที่ห้างเซ็นทรัลให้ลูกค้าทุกคนได้เพลิดเพลินเหมือนเดินอยู่ในอาร์ต แกลลอรีขณะเดินช้อปปิ้งที่ห้างฯ ทั้งยังเป็นสร้างสีสันให้ซัมเมอร์นี้เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าและความหมาย นอกจากนี้ยังมีจแคมเปญที่มาพร้อมกิจกรรมและโปรโมชันสุดพิเศษมากมายรวมถึงสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟตลอดช่วงซัมเมอร์และเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้”
แรงบันดาลใจจากวรรณคดีไทยสู่งานศิลปะ
การร่วมงานกับห้างเซ็นทรัลในครั้งนี้ กิโยมได้รับแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ผลงานจากวรรณคดีไทยเรื่อง “สังข์ทอง” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักจากแก่นแท้ภายในที่เขาประทับใจ เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจแห่งความรักอันเปี่ยมด้วยคุณค่า มองข้ามรูปลักษณ์ภายนอก หากแต่วัดคุณค่าจากแก่นภายในจิตใจซึ่งจะนำไปสู่ความรักอันมั่นคงและยั่งยืน จนได้ภาพวาดอันงดงามออกมาถึง 9 ภาพ บรรยายถึง 9 ฉาก 9 ตอนของวรรณคดีไทยที่เราคุ้นเคยในรูปแบบร่วมสมัย สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบัน ผ่านลายเส้นและเทคนิคการใช้สีน้ำอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกิโยม เกิดเป็นผลงานศิลปะชวนหลงใหลที่ไม่ควรพลาดชมในช่วงสงกรานต์นี้
ต่อยอดงานศิลปะสู่ไอเทมคอลเลกชันพิเศษ “Defry01 x Guillaume Sardin”
นอกจาก การตกแต่งห้างเซ็นทรัลให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินขณะช้อปปิ้งแล้ว ผลงานศิลปะของ กิโยม
ซาร์แด็ง ยังถูกนำมาต่อยอดด้วยการทำสินค้าแฟชั่นให้ลูกค้าได้ช้อปไอเทมชิ้นโปรดเพื่อเติมเต็มสไตล์สุดคูล โดยจับมือกับแบรนด์ชั้นนำ อย่าง “Defry01” ปล่อยคอลเลกชันพิเศษ “Defry01 x Guillaume Sardin” นำลวดลายของ “สังข์ทอง” มาพิมพ์ลายลงเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต และหมวก ทั้งของผู้ชายและผู้หญิง เป็น Item Must Have ต้อนรับความร้อนแรงแห่งซัมเมอร์นี้
ผลงานภาพวาดเรื่อง “สังข์ทอง” ทั้ง 9 ตอน
ฉากที่ 1: กำเนิดเจ้าชายหอยสังข์ พระมเหสีของท้าวยศวิมล ผู้ครองนครให้กำเนิดพระโอรสที่เป็นหอยสังข์ นางสนมเอกที่อิจฉาพระมเหสีอยู่แล้วจึงติดสินบนโหรหลวง โดยทำนายว่าทั้งพระมเหสีและโอรสหอยสังข์เป็นกาลกิณี ทั้งสองจึงถูกขับไล่ออกนอกเมือง
ฉากที่ 2: กระท่อมตายายชายป่า พระมเหสีและเจ้าชายออกจากวังไปอาศัยที่กระท่อมตายายชายป่า จนกระทั่งวันหนึ่งพระมเหสีได้เห็นโอรสของตนออกมาจากหอยสังข์และมีร่างกายเป็นมนุษย์จริงๆ จึงได้ทุบทำลายหอยสังข์เสียเพื่อไม่ให้สังข์ทองกลับเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในหอยสังข์อีก
ฉากที่ 3: เจ้าชายเผชิญภัย ข่าวลือหนาหูว่ามีเด็กชายที่หน้าตาเหมือนท้าวยศวิมลจึงทำให้นางสนมเอกเกิดความไม่พอใจ คิดทำร้ายสังข์ทองด้วยการนำเจ้าชายไปทิ้งถ่วงน้ำจมลงที่ก้นบาดาล แต่ท้าวภุชชงค์ เจ้าเมืองบาดาลมาพบเข้าและเห็นว่าสังข์ทองเป็นผู้ที่มีบุญญาธิการมากจนคิดว่าตนอาจไม่เหมาะที่จะเลี้ยงเด็กคนนี้ จึงนำสังข์ทองไปให้นางยักษ์พันธุรัตช่วยเลี้ยงดูแทน
ฉากที่ 4: พระสังข์ชุบตัวในบ่อทอง สังข์ทองถูกส่งไปยังเมืองยักษ์ ได้รับการเลี้ยงดูจากนาง
พันธุรัตเป็นอย่างดี ด้วยความสงสัย สังข์ทองได้แอบเข้าไปยังบริเวณต้องห้ามแล้วพบกับของวิเศษมากมาย ทั้งรองเท้าแก้วเหาะเหินเดินอากาศ รูปเงาะที่ใช้แปลงกายได้ รวมถึงบ่อทอง สังข์ทองจึงกระโดดลงไปชุบตัวในบ่อทอง พร้อมสวมหน้ากากพรางตัวเป็นอสูรกายเหาะเหินเดินอากาศหนีออกจากเมือง หมายจะตามหาพระมารดาให้พบ
ฉากที่ 5: พระสังข์เยือนอาณาจักรสามล สังข์ทองในร่างเจ้าเงาะเหาะมายังเมืองสามล พบท้าวสามลผู้เป็นเจ้าเมืองกำลังหาคู่ให้ธิดาทั้งเจ็ด รวมถึงรจนา ซึ่งเป็นผู้เดียวที่ยังไม่เลือกใครเป็นคู่ จนทำให้เจ้าเงาะหรือสังข์ทองถูกเรียกไปดูตัวด้วย
ฉากที่ 6: รจนาเสี่ยงพวงมาลัย สังข์ทองหลงรักรจนาตั้งแต่แรกพบ และตั้งจิตอธิษฐานว่าหากเป็นเนื้อคู่กัน ขอให้รจนาได้มองเห็นรูปทองที่อยู่ภายใน และรจนาก็ได้เห็นรูปทองที่พรางตัวอยู่ในร่างเงาะป่าจริงๆ จึงเลือกสังข์ทองเป็นคู่ซึ่งทำให้ท้าวสามลไม่พอใจอย่างมาก
ฉากที่ 7: พระสังข์ประชันตกปลา ท้าวสามลจึงออกอุบายจัดให้มีการประชันตกปลาแข่งขัน โดยให้เขยทั้ง 7 ออกไปหาเนื้อหาปลา สังข์ทองจึงถอดรูปเงาะออกแล้วใช้มนต์เรียกปลาที่เรียนมาจากนางพันธุรัตจนชนะการแข่งขัน
ฉากที่ 8: ประลองกับพระอินทร์ พระอินทร์ลงมาช่วยสังข์ทองในร่างเจ้าเงาะเพื่อให้ได้พบกับพระมารดาอีกครั้ง ด้วยการประลองเกมเพื่อชิงเมือง เขยทั้งหกไม่สามารถสู้พระอินทร์ได้ เจ้าเงาะจึงได้ถอดรูปเป็นสังข์ทองเป็นตัวแทนไปประลองกับพระอินทร์จนชนะ ทำให้ทุกคนมองเห็นรูปทองที่แท้จริงของพระสังข์ที่งดงาม จึงได้รับการยอมรับและเรียกตัวกลับเข้าเมืองสามลพร้อมกับรจนา
ฉากที่ 9: พระสังข์ปกครองเมืองด้วยความสงบสุข ตอนจบที่สวยงามของการเดินทาง ท้าวสามลยอมรับสังข์ทองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่พระอินทร์รู้ดีว่าสังข์ทองต้องการกลับไปพบกับพ่อแม่อีกครั้ง จึงได้ส่งข่าวให้กับท้าวยศวิมลและพระมเหสี ทั้งสองได้เดินทางมาหาสังข์ทองและนำสังข์ทองกลับคืนสู่เมืองยศวิมลเพื่อครองนครกับรจนาในที่สุด
ประวัติโดยย่อของศิลปิน Guillaume Sardin
กิโยม ซาร์แด็ง ศิลปินและนักวาดภาพประกอบจากมหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส ผลงานและลายเส้นของเขาบอกเล่าถึงความหลงใหลที่เขามีต่อเรื่องเล่า เทพนิยาย ผสมผสานเข้ากับยุคสมัย โดยกิโยมเชื่อว่านิทานมากมายที่เล่าขานต่อกันมาตามยุคสมัยคือผลลัพธ์ของงานประติมานวิทยา (การเขียนรูปลักษณ์หรือการเล่าเรื่องด้วยภาพวาดสัญลักษณ์ของคนยุคโบราณกาล) ซึ่งเขามักจะจัดวางองค์ประกอบและจัดเรียงส่วนประกอบของเรื่องราวให้มีความทันสมัย บอกเล่าเรื่องราวเชิงสัญลักษณ์ขึ้นมาใหม่ได้อย่างน่าสนใจ โดยกิโยมมักใช้เทคนิคและรูปแบบที่หลากหลายในการรังสรรค์ผลงานศิลปะ ตั้งแต่การใช้สีน้ำที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไปจนถึงงานวิศวกรรมกระดาษ และงานเพนต์กำแพง กิโยมเคยร่วมงานกับแบรนด์ดังมากมายไม่ว่าจะเป็น Ruinart, Le Bristol, Vacheron Constantin และ Sotherby’s ฯลฯ โดยมีการจัดแสดงผลงานทั่วโลกทั้งคอลเลกชันแบบไพรเวทและแบบสาธารณะ
เพลิดเพลินกับผลงานศิลปะเรื่อง “สังข์ทอง” ของกิโยม ซาร์แด็ง ได้ที่ห้างเซ็นทรัล 5 สาขา ได้แก่ ห้างเซ็นทรัลชิดลม, ลาดพร้าว, บางนา, ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัล แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมช้อปสินค้าคอลเลกชันพิเศษ “Defry01 x Guillaume Sardin” ได้ที่แผนกแฟชั่น ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และช้อปไอเทมโปรดของคุณได้ทุกที่ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ Central App ครบครันเสมือนยกห้างเซ็นทรัลมาไว้บนมือถือ, เว็บไซต์ www.central.co.th, ช้อปผ่านไลน์ Central Chat & Shop หรือที่ Central Call & Shop และ Personal Shopper On Demand โทร.1425 หรือช้อปผ่านเฟซบุ๊กที่ www.facebook.com/CentralDepartmentStore