ปลาทูไทยทำอะไรได้บ้าง?

“ปลาทู” เป็นอาหารจานโปรดของคนไทยมานานแล้วไม่ว่าคนชั้นสูงหรือคนธรรมดาสามัญชาวบ้านทั่วไป เพราะปลาทูเป็นปลาทะเลที่หาซื้อได้ง่าย ที่สำคัญมีราคาถูก แม้ปัจจุบันนี้ก็ตามก็ยังพูดได้ว่าราคาถูกเมื่อเทียบกับปลาทะเลชนิดอื่น อีกทั้งปลาทูยังเป็นปลาที่มีคุณค่าสารอาหาร โดยเฉพาะกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงมาก 

เดิมเชื่อกันว่าปลาทูในอ่าวไทยเดินทางมาจากเกาะไหหลำ แต่กรมประมงได้พิสูจน์แล้วว่าปลาทูส่วนใหญ่ที่จับได้ในอ่าวไทยเป็นปลาที่วางไข่อยู่บริเวณหมู่เกาะจังหวัดสุราษฏร์ธานี แล้วว่ายน้ำขึ้นมาหาอาหารเจริญเติบโตที่ก้นอ่าวไทยแถบจังหวัดสมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำเพราะมีแพลงตอนพืชและสัตว์จำนวนมาก ปากแม่น้ำแม่กลองและก้นอ่าวแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม จึงเป็นแหล่งปลาทูที่มีรสชาติอร่อยและมีชื่อเสียงมานาน

ส่วนมากแล้วปลาทูแม่กลองจะนำมาขายสดและทำปลาทูนึ่ง เพราะมีเนื้อปลาเยอะ วิธีสังเกตปลาทูแม่กลองเวลาซื้อให้ดูว่าปลาทูแม่กลองแท้จะต้องสั้นทั้งหมด คือหน้าสั้น ตัวสั้นป้อม หนังมีสีเหลือง ตาดำ ครีบหางเหลือง เกล็ดลื่นเรียบ ไม่แข็ง เวลาจับผิวเนื้อจะนุ่ม กดกลางตัวยุบลงแล้วจะเด้งขึ้นมาคืน รสปลาจะหวานมันกินอร่อย  ด้วยความที่เนื้อปลาทูแม่กลองกินอร่อยนี้เอง ทำให้นำไปทำอาหารได้หลากหลายรูปแบบ และมีเมนูแปลกๆ ที่บางคนอาจจะยังไม่เคยกิน  เช่น ไตปลาทู

“ไตปลาทู” เป็นส่วนผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการควักไส้ ควักเหงือกออก ตรงไส้ปลาทั้งพวงนั้นคนแถบแม่กลองจะซื้อไปทำไตปลา ถือเป็นเครื่องจิ้มชนิดหนึ่ง โดยเอาไส้ปลาทูเคล้ากับเกลือ ตะไคร้  ใบมะกรูด นำไปนึ่งพอสุกแล้วคลุกกับหอมซอย ขิงซอย ผักชี พริกสด ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว น้ำตาลปึก หรือนำมาทำเมนูไตปลาทูนึ่งยำ ก็ได้  รสชาติอร่อยทีเดียว

สำหรับเมนูปลาทูที่แปลกใหม่และสามารถนำมาปรุงรับประทานได้เองที่บ้าน เป็นการเปลี่ยนรสชาติของการกินปลาทูแบบเดิมๆ นั้น มีเมนูอะไรบ้างมาดูกัน…

ปลาทูต้มส้ม

“ต้มส้มปลาทู” ปกติจะเห็นแต่ต้มส้มปลากระบอก ลองเปลี่ยนมาเป็นปลาทูดูบ้างว่าจะมีรสชาติอย่างไร

เริ่มเตรียมวัตถุดิบ

มีพริกไทยเม็ด 20 เม็ด/ หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ/กะปิ 1 ช้อนชา

ปลาทูสด(หนัก200กรัม) 3 ตัว/  น้ำ 2 ถ้วย/ น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมะขามเปียก 5 ช้อนโต๊ะ/  เกลือป่น 1/4 ช้อนชา/ขิงอ่อนซอย 1/4 ถ้วย/  ต้นหอมหั่นท่อน ใบผักชีและพริกชี้ฟ้าแดงหั่นเป็นเส้น

วิธีทำ

โขลกพริกไทยกับหอมแดงและกะปิเข้าด้วยกันให้ละเอียด จากนั้นตักใส่ถ้วยพักไว้ก่อน ขยับไปล้างปลาทูด้วยการตัดหัวควักเอาไส้ออกจนหมด ล้างอีกครั้งให้สะอาดแล้วบั้งตัวปลาทั้งสองด้านใส่จานพักไว้

ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟกลางจนเดือด ใส่เครื่องที่โขลก คนให้ทั่ว พอเดือดอีกครั้งใส่ปลาทูปิดฝาหม้อ ต้มจนปลาทูสุก  ค่อยปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะขามเปียก เกลือ ตามด้วยขิงซอย คนเบาๆ พอทั่ว ชิมให้รสออกเปรี้ยว เค็ม หวาน ปิดไฟใส่ต้นหอม ตักใส่ถ้วยแต่งด้วยใบผักชีและพริกชี้ฟ้าแดงหั่นเส้น เสิร์ฟร้อนๆ

ปลาทูต้มกระเทียมพริกไทย

เมนูอีกหนึ่งอย่างที่ไม่ค่อยจะเห็นนัก เริ่มด้วยการเตรียมปลาทูสด(หนัก 200 กรัม) 3 ตัว

พริกไทยเม็ด 15 เม็ด/  กระเทียมไทยแกะเปลือก 10 กลีบ

เกลือป่น 1/2 ช้อนชา/ น้ำเปล่า 1 ถ้วยครึ่ง

ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ/  กลีบกระเทียมแกะเปลือกและใบผักชีสำหรับตกแต่ง

ปลาทูต้มกระเทียมพริกไทย

วิธีทำ

ลงมือทำด้วยการล้างปลาทูควักไว้และเหงือกออกจนหมด ล้างอีกครั้งให้สะอาดใส่จานพักไว้  หันมาโขลกพริกไทยกับกระเทียมและเกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด ตักใส่ถ้วยพักไว้

ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟกลางจนเดือด  จึงใส่เครื่องที่โขลก คนให้ทั่ว พอเดือดอีกครั้งลดไฟอ่อน ใส่ปลาทู ปิดฝาต้มจนปลาสุก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ชิมให้ออกรสเค็มอ่อนๆ  ปิดไฟ  ตักใส่จานเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยกลีบกระเทียมแกะเปลือกและใบผักชี

ปลาทูหม้อไฟ

ปลาทูหม้อไฟ

เป็นเมนูง่ายๆ ทำกินกันเองที่บ้านสำหรับคนชอบรสจัดนิดหนึ่ง

วัตถุดิบมี ปลาทูสด(หนัก200กรัม) 3 ตัว/  น้ำ 3 ถ้วย

ข่าอ่อน 5 แว่น/  ตะไคร้หั่นท่อนยาว2นิ้ว 2 ต้น

หอมแดงบุบ 2 หัว/  น้ำปลา 1/4 ถ้วย /น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

พริกขี้หนูแห้งคั่วทำพริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ/  ใบผักชีและพริกแห้งซอยสำหรับแต่ง

วิธีทำ

ล้างปลาทู ตัดหัวออกดึงเอาไส้ออกจนหมด แล้วล้างอีกครั้งให้สะอาดใส่จานพักไว้

ต้มน้ำในหม้อไฟ ด้วยไฟกลางจนเดือด  ใส่ข่า ตะไคร้ หอมแดง ใส่ปลาทู แล้วปิดฝาต้มจนปลาสุก  ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และพริกป่น คนพอทั่ว ปิดไฟ แต่งด้วยใบผักชีและพริกแห้งซอยก่อนเสิร์ฟร้อนๆ

เมนูนี้สำหรับคนชอบของทอด “ปลาทูทอดเกล็ดขนมปัง”

เริ่มเตรียมวัตถุดิบปลาทูสด(หนัก200กรัม) 3 ตัว/  เกลือป่น 1 ช้อนชา

พริกไทยป่น 1 ช้อนชา/  แป้งสาลี 1/4 ถ้วย

ไข่ไก่ตีให้เข้ากัน 1 ฟอง/  เกล็ดขนมปัง 1/4 ถ้วย

น้ำมันพืชสำหรับทอด/ ซอสพริก

วิธีทำ

ลงมือล้างปลาทูควักไส้และเหงือกออกให้หมด ล้างอีกครั้งให้สะอาด จากนั้นใช้มีดคมๆ แล่ด้านข้างตรงสันตัวปลาจากหัวจรดหาง แบะตัวปลาออก แล่เอาก้างกลางออก นำไปล้างน้ำอีกครั้งจนหมดเลือด ใส่ตะแกรงพักให้สะเด็ดน้ำ

เคล้าปลาทูกับเกลือและพริกไทยให้ทั่ว หมักนาน 5 นาที แล้วนำมาเคล้ากับแป้งสาลีจนทั่ว เอาลงชุบไข่ คลุกเกล็ดขนมปังให้ทั่ว กดให้เกล็ดขนมปังติดแน่น ใส่ลงทอดในกระทะน้ำมันร้อนไฟกลาง ดูจนสุกเหลืองทั่วแล้วตักขึ้นพักบนกระดาษซับน้ำมัน  เวลาเสิร์ฟจัดปลาทอดวางบนตะแกรงในจาน รับประทานกับซอสพริก

ปลาทูทอดเกล็ดขนมปัง
ยำตับปลาทู

ยำตับปลาทู

ตับปลาทู เล่าลือกันว่าอร่อยหนักหนา เมนูที่ลองนำมาให้ทำคือ ยำตับปลาทู เตรียมวัตถุดิบ

ตับปลาทูสด 1 ถ้วย/  ขิงอ่อนซอย-หอมแดงซอย อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ

ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ/  ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต๊ะ

พริกขี้หนูสวนซอย 1 ช้อนชา/  ผักกาดแก้วและมะนาวผ่าครึ่งฝานเป็นริ้วสำหรับแต่งจาน

การทำน้ำยำ

เครื่องปรุงมีน้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ/  น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา/  น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา/  น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

ลงมือล้างตับปลาทูสดให้สะอาด จากนั้นต้มน้ำ2ถ้วยในหม้อด้วยไฟแรงจนเดือดจัด ใส่เกลือ 1 ช้อนชา ใบมะกรูดฉีก 4 ใบ ตามด้วยตับปลาทู  ปิดฝา  พอเดือดสักครู่ตักตับปลาทูออกมาล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้ง  พักไว้

ทำน้ำยำโดยผสมน้ำปลา น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บและน้ำมะนาวเข้าด้วยกันในถ้วย คนจนน้ำตาลละลาย พักไว้

ใส่ตับปลาทูต้มลงในอ่างผสม ตามด้วยขิงอ่อน หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูดและพริกขี้หนู เคล้าให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำยำ คลุกเคล้าอีกครั้ง เวลาเสิร์ฟให้ตักใส่ถ้วยที่รองด้วยผักกาดแก้ว ตกแต่งด้วยมะนาวผ่าครึ่งฝานเป็นริ้ว

ไตปลาทูผัดกะเพรา

เป็นเมนูปิดท้ายชนิดที่ขาดไม่ได้ ไหนๆมีกะเพราะเนื้อ กะเพราไก่แล้ว ลองมาทำกะเพราะไตปลาทูกันบ้าง

เตรียมไตปลาทูสด 1 ถ้วย/  กระเทียม 15 กลีบ

พริกขี้หนูเขียวแดง 10 เม็ด/  น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ/  น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ/  น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย

ใบกะเพราเด็ด 1/2 ถ้วย

ไตปลาทูผัดกะเพรา

วิธีทำ

ลงมือล้างไตปลาทูให้สะอาด จากนั้นต้มน้ำ 2 ถ้วยในหม้อด้วยไฟแรงจนเดือดจัด ใส่เกลือ 1 ช้อนชา ใบมะกรูดฉีก 4 ใบ ตามด้วยไตปลาทู  ปิดฝา  พอเดือดสักครู่ตักไตปลาทูออกมาล้างน้ำให้สะอาด  พักไว้ 

โขลกกระเทียมและพริกขี้หนูเข้าด้วยกันพอหยาบ ตักใส่ถ้วยไว้ก่อน

ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันด้วยไฟกลาง พอร้อนใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงผัดจนหอม  ใส่ไตปลาทูผัดพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย ใส่น้ำ แล้วค่อยใส่ใบกะเพรา ผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ  ตักใส่จานตกแต่งด้วยใบกะเพราทอดเพื่อความสวยงาม รับประทานร้อนๆ

ทั้งหมดนี้เป็นจานอร่อยที่ทำจากปลาทูไทย (ปลาทูแม่กลอง) ที่เปลี่ยนจากการกินปลาทูแบบเดิมๆ

คุยเรื่องปลาทูแม่กลองมาหลายตอนจนหน้าคนเขียนจะเป็นปลาทูอยู่แล้ว ฉบับนี้คงจะมาถึงตอนสุดท้ายว่าด้วย “ปลาทูนึ่ง”

คอปลาทูคงรู้กันดีว่า ปลาทูนึ่งสมัยนี้นั้นเราเรียกกันตามใจปากต่อๆ กันมา เพราะมันเรียงใส่เข่งมาเหมือนกับเพิ่งยกออกจากลังถึง นึ่งเสร็จมาใหม่ๆ แต่ความเป็นจริงแล้วหมายถึง ”ปลาทูต้มต้มน้ำเกลือ”

ส่วนเรื่องที่ว่าในอดีตคนทำปลาทูนึ่งเขานึ่งกันจริงหรือเปล่า? จนบัดนี้ก็ยังเถียงกันไม่จบว่านึ่งหรือไม่นึ่ง เพราะหลักฐานการบันทึกและภาพถ่ายไม่มีให้เห็น ได้ยินแต่คนนั้นคนนี้พูดตามความทรงจำ แต่ก็มีคนหาเหตุผลมาอธิบายจนได้ว่าทำไมปลาทูนึ่งกลายมาเป็นปลาทูต้ม นั่นก็เพราะเวลานึ่งแล้วผิวปลาจะไม่ตึงสวยเท่ากับนำไปต้มในน้ำเกลือเจือจาง พอเอาขึ้นมาร้อนๆ ก็ราดด้วยน้ำเย็นจัดอีกทีให้ผิวมันวาว และดึงรั้งให้หนังตึงน่ากิน

เอาเป็นว่าจะนึ่งหรือจะต้ม ผลผลิตปลายทางก็เหมือนกันทั้ง 2 แบบ คือ หมายถึงปลาทูที่ผ่านกระบวนการทำให้สุกแล้วและมีรสเค็มอยู่ในตัว สามารถเอามาปรุงอาหารต่อได้มากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกปลาทู ปลาทูทอด ปลาทูต้มยำ ปลาทูต้มส้ม ปลาทูฉู่ฉี่ ปลาทูผัดฉ่า ปลาทูต้มมะดัน ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู ฯลฯ

“ปลาทูแม่กลอง” ของดีเลื่องชื่อลือชานั้น จุดเริ่มต้นการผลิตมาจากท่าเรือหน้าวัดปทุมคณาวาส ซึ่งเป็นท่าขึ้นปลาทูขนาดใหญ่ มีพ่อค้า แม่ค้า และชาวประมง มาทำการซื้อขายปลาทูกันอย่างคึกคัก เพื่อนำไปทำเป็นปลาทูนึ่งใส่เข่ง

เอกลักษณ์ของปลาทูแม่กลองคือ “หน้างอ คอหัก” ถ้าหน้าไม่งอ คอไม่หัก ดูเป็นหน้าเริดเชิดหยิ่ง ถือว่าเป็นปลาจากที่อื่น

ในบรรดาแม่ค้าปลาทูนึ่งเมืองแม่กลองคงไม่มีใครเด่นดังไปกว่า ป้าทองอยู่ หะรินสวัสดิ์ หรือ “ป้าอยู่” ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการนึ่งปลาทูขายมายาวนานหลายสิบปีอีกแล้ว ป้าอยู่จึงเป็นดาราไปออกรายการต่างๆ มามากมายเกี่ยวกับเรื่องการทำปลาทูนึ่ง

ทุกวันแกจะไปรับปลาจากหน้าวัดปทุมฯ มานึ่งตั้งแต่ตี 3 มาหยุดนึ่งเอาตอน 7 โมงเช้า แกบอกว่าที่ปลาทูแม่กลองโด่งดังก็ตรงที่มีเนื้อปลาอร่อยกว่าที่อื่น เพราะทะเลแม่กลองพื้นเป็นดินโคลน อาหารปลาอุดมสมบูรณ์กว่าดินทราย และถ้าจะกินปลาทูให้อร่อยเลิศต้องเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน ปลาจะมันและมีเยอะกว่าช่วงอื่น

พอได้ปลามาก็จะทำการควักไส้ออก ล้างให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า แล้วนำปลาทูวางลงเข่ง ถ้าตัวใหญ่หน่อยก็จะใส่เข่งละ 2 ตัว แต่ถ้าตัวเล็กหน่อยก็จะใส่เข่งละ 3 ตัว แล้วแต่ขนาดของปลา ซึ่งก่อนที่จะนำปลาทูลงเข่งนั้น คนทำก็จะหักคอปลาทูให้งอลง เพื่อที่จะให้เข่งล็อกตัวปลาทูไว้อย่างสวยงาม ทำให้ปลาทูแม่กลองดูแตกต่างจากปลาที่อื่น

ป้าอยู่ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ก็จัดปลาทูใส่เข่งเหมือนทั่วไป คือเรียงปลาทูเอาหัวและหางตรงลงเข่ง ปรากฏว่าพอนึ่งมาแล้วหางหักบ้างอะไรบ้าง ก็เลยจับปลาทูหักคอให้งอพอดีเข่ง กลายเป็นที่มาของปลาทูหน้างอ คอหัก ของแม่กลองนับแต่นั้น

5-16-1

พอนำปลาลงเข่งเรียบร้อยแล้วก็จะนำเข่งปลามาเรียงลง “เต๊า” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นโครงเหล็กทรงกลมใช้เรียงเข่งปลาเพื่อนำลงไปต้ม แต่ละเต๊าใส่เข่งปลาทูได้ 70-80 เข่ง เอาไปต้มในหม้อขนาดใหญ่ด้วยน้ำเกลือประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงนำปลาขึ้นมา เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการทำปลาทูนึ่ง พร้อมที่ส่งขายให้กับพ่อค้า แม่ค้าที่มารอรับถึงหน้าบ้าน

ป้าอยู่ยังให้ความรู้กับทุกคนว่าเวลานี้ปลาโป๊ะไม่มีแล้ว มีแต่ปลาเรืออวนลาก ที่ร้องขายกันว่า “ปลาโป๊ะๆ…โกหกทั้งนั้น ถ้าปลาใกล้โป๊ะละไม่เถียง” ปลาทูนึ่งคุณภาพดีระดับปลาโป๊ะต้องเป็นปลาทูอวนดำที่ออกเรือตอนเย็นและกลับมาตอนเช้าทุกวัน ซึ่งจะทำให้ได้ปลาสดๆ มานึ่ง

หลักง่ายๆ เกี่ยวกับการกินปลาก็คือ ปลาอะไรก็ตามถ้าไม่สดจะคาว เอาไปทำอะไรกินก็ไม่อร่อย ปลาทูนึ่งก็เช่นกัน ถ้าเริ่มต้นจากปลาไม่สด อย่าหวังเลยว่าเนื้อจะอร่อย ถ้าได้ปลาทูสดจริงๆ ทำอะไรก็อร่อยแน่นอน ไม่จำเป็นต้องเป็นปลาโป๊ะก็ได้

แต่ปลาทูนึ่งแม่กลองส่วนใหญ่อร่อยจริง ไม่ใช่เฉพาะของป้าอยู่ นั่นก็เพราะชาวประมงออกเรือไปล่าปลาทูมาขายแบบวันต่อวันนั่นเอง ไม่มีการเก็บปลาไว้ค้างคืน ปลาทูแม่กลองจึงสดใหม่กว่าปลาทูที่ถูกแช่แข็งค้างคืนหลายวัน

แต่ในความสดใหม่นั้นก็อาจมีความผิดพลาดได้ถ้าหากกรรมวิธีในการนึ่งปลาทูไม่ถูกต้อง คนซื้อปลาทูนึ่งไปแล้วตกบ่ายมีกลิ่นเหม็นเน่า นั่นก็เพราะตอนต้ม อ่อนเกลือ อ่อนไฟ นึ่งไม่สุก ถ้านึ่งไม่ค่อยสุกลองสังเกตดูหนังปลาจะเต่ง จะใส สวย ปลาที่สุกมากตัวจะเหี่ยวหน่อย ไม่สวยนักแต่อร่อยแน่นอน

ดังนั้น ก็เลยต้องเอาวิธีเลือกปลาทูนึ่งมาฝากกันหน่อย ปลาทูที่นึ่งใหม่จะมีกลิ่นหอมชวนกิน ตัวอวบอ้วน เนื้อนุ่มแน่นและไม่เละยุ่ย ท้องและผิวไม่ถลอก ถ้าขอบตาแดง ผิวเหลือง แสดงว่าเป็นปลาที่มีคุณภาพไม่ดี เป็นปลาที่ได้จากอวนลาก ความอร่อยของปลาทูนึ่งยังขึ้นอยู่กับปลาทูที่สดที่นำมาต้มด้วย

ปลาทูนึ่งจะมีความสดมากหรือน้อยนั้นจะทราบได้ก็ต่อเมื่อมีการดมกลิ่น ชิมรสเนื้อปลา ปลาที่มีความสดมากจะมีกลิ่นหอมของเนื้อปลาชวนกิน รสชาติอร่อย เนื้อนุ่มไม่กระด้าง ไม่เปื่อยยุ่ย โดยเฉพาะปลาทูที่จับได้ที่ก้นอ่าวไทยตามทะเลที่พื้นดินเป็นเลน เนื้อจะอร่อยกว่าปลาทูที่จับได้ตามทะเลที่เป็นพื้นทราย

วิธีเลือกปลาทูสดให้ดูที่ลูกตา ปลาทูสดลูกตาจะนูน ตาดำมีสีสดใส ส่วนหลังของลำตัวจะมีสีเขียวเป็นพื้น ส่วนท้องจะมีสีขาว หรือสีเงิน หางปลายังมีสีเหลือง ตามลำตัวมีเมือกลื่นๆ เหงือกมีสีแดงออกชมพู ปลาไม่มีกลิ่น เนื้อแน่น เมื่อใช้นิ้วกดที่กลางลำตัวแล้วปล่อยนิ้วออก รอยยุบจะกลับคืนสภาพเดิมได้หมดหรือเกือบหมด

ส่วนปลาทูที่ไม่สด ลูกตาจะยุบ ตาดำจะขุ่น บริเวณลูกตาอาจมีเลือดคั่ง สีพื้นของลำตัวซีด เหงือกมีสีแดงซีด ปลามีกลิ่นคาวหรือคาวจัด ลำตัวอ่อนเหลว และไม่มีเมือกจับ

ปลาทูทุกตัวที่นำขึ้นฝั่งมาแล้วเป็นปลาที่ตายแล้วทั้งสิ้น เพราะหลังจากที่ชาวประมงจับปลาทูขึ้นมาได้ราว 5-10 นาที ปลาก็จะสิ้นชีพ ปลาทูที่ตายใหม่ๆ นี้ถ้ารีบนำไปประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด เนื้อจะนุ่มหวานอร่อย กลิ่นหอม ถ้านำไปต้ม มันปลาทูสีเหลืองจะลอยฟ่องขึ้นหม้อ เห็นแค่นี้ก็รู้เลยว่าปลาสดจริงๆ ซึ่งโอกาสที่จะได้ปลาแบบนี้ต้องไปที่ท่าขึ้นปลาเท่านั้น

สำหรับปลาทูสดที่เห็นขายกันอยู่ตามตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นปลาที่ต้องผ่านหลายกระบวนการมากมายกว่าจะมาวางขายตามท้องตลาด ความสดของปลาลดลงเหลือ 60-80% เท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นปลาทูที่ขายตามจังหวัดที่ห่างไกลทะเลแล้วให้หลีกเลี่ยงปลาทูสด กินปลาทูนึ่งไปเลยจะดีกว่า

ส่วนการทอดปลาทูให้อร่อยหนังไม่ติดกระทะ ถ้าเป็นปลาทูสดให้เอาปลาแช่น้ำเกลือก่อนค่อยทอด (ปลาทูนึ่งไม่ต้อง) ทอดปลาน้ำมันต้องเยอะ ห้ามขี้เหนียวน้ำมัน ข้อสำคัญน้ำมันห้ามร้อนจัด ใช้ไฟกลางใจเย็นๆ ทอดจนด้านข้างเหลืองแล้วค่อยๆ พลิก อย่าใจร้อนเดี๋ยวหนังจะลอกไม่สวย ทอดปลาต้องให้หัวมันกรอบ เพื่อเราจะได้กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว

ด้วยความที่ปลาทูแม่กลองเป็นราชาแห่งปลาทูและเป็นหนึ่งในของดีเมืองแม่กลองนี่เอง ทางจังหวัดสมุทรสงครามจึงได้จัดงาน “เทศกาลกินปลาทู” ขึ้นทุกปี ในช่วงเดือนธันวาคม เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ปลาทูแม่กลองเป็นที่รู้จักมากขึ้น บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม โดยไฮไลต์ของงานก็คงจะหนีไม่พ้นยอดปลาทูเมืองแม่กลองที่น่าลิ้มลองในรสชาติเป็นอย่างยิ่ง

แต่…ระวังสักหน่อยนะคะ

กินปลาทูนึ่งอย่ากินมาก เพราะกรรมวิธีทำปลาทูนึ่งตามที่ได้เล่าให้ฟังนั้น เขานำไปต้มในน้ำเกลือเข้มข้นพอสมควร ดังนั้น ความเค็มของเกลือก็จะซึมเข้าเนื้อปลาทู ยิ่งต้มนานยิ่งเค็มมาก

ใครที่ชอบกินปลาทูจะเห็นได้ว่าปลาทูนึ่งทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นปลาทูแม่กลองหรือที่ไหนก็ตามจะมีรสเค็มจัดขึ้นกว่าที่เคยกินมาก เพราะในการต้มนั้นยิ่งใส่เกลือมากยิ่งจะถนอมปลาทูไว้ได้นานมากขึ้น สะดวกต่อการส่งขายตามพื้นที่ห่างไกล

ดังนั้น จงอย่าได้แปลกใจเลยที่กรมอนามัยบอกตัวเลขปริมาณโซเดียมในปลาทูเอาไว้ว่า

ปลาทูทอด ครึ่งตัวขนาดประมาณ 100 กรัม มีโซเดียมหรือเกลือมากถึง 1,018มิลลิกรัม ในขณะที่ปริมาณโซเดียมในอาหารที่ควรบริโภคใน 1 วันนั้น ควรรับได้ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม   

ปริมาณโซเดียมขนาด 2,000 มิลลิกรัม เท่ากับเกลือ 1 ช้อนชา

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้จึงต้องกินปลาทูให้เป็นด้วยจึงจะมีสุขภาพดี ไม่ใช่ว่าเห็นปลาทูมีโอเมก้า 3เยอะ ก็จัดหนักกันไปคราวละหลายตัวเลย

ที่บ้านมีวิธีจัดการปลาทูนึ่งด้วยการเอาไปต้มในน้ำเดือดจัด ละลายเกลือออกไปจากตัวปลาก่อน จากนั้นค่อยนำมาผึ่งสะเด็ดน้ำให้แห้งก่อนจะเอาไปทอด วิธีนี้จะช่วยลดความเค็มของปลาทูนึ่งลงไปได้ระดับหนึ่ง แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าสวาปามเกลือเข้าไปมากๆ

อย่าลืมว่าในน้ำพริกที่เรากินแนมกับปลาทูทอดนั้น ยังมีโซเดียมปนอยู่ในกะปิ น้ำปลา ที่นำมาปรุงน้ำพริกอีกเยอะเลย

…ปลอดภัยไว้ก่อนไม่เสียหายอะไร