อย่างที่รู้กันดีว่าอาหารที่คนที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ควรหลีกเลี่ยง คือ อาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตบริสุทธิ์ ที่มักพบในข้าวขัดสี ขนมปังขาว เป็นต้น แต่ถ้าหากร่างกายรู้สึกอยากกินคาร์โบไฮเดรตล่ะ จะกินอะไรดี

ลองมาดู 12 อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต แต่เต็มไปด้วยไฟเบอร์และให้พลังงานแก่ร่างกายของเรากัน!

1.ฟักทองลูกเล็ก

ฟักทองลูกเล็กหรือ Acorn squash นอกจากจะมีเส้นใยสูงแล้ว ในการเสิร์ฟ 1 ถ้วยยังมีแร่ธาตุต่างๆ สูงอีกด้วย นอกจากนี้ ผักที่มีรสหวานนี้ยังประกอบด้วยวิตามินซีสูง คิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ในปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน

2.แอปเปิล

แอปเปิลเป็นหนึ่งในผลไม้ที่เป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดีที่สุดและหาง่ายที่สุด งานวิจัยจากศูนย์การแพทย์เวค ฟอเรสต์ แบ๊พติสต์ พบว่า การกินแอปเปิลทุกๆ 10 กรัมในแต่ละวัน จะเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ และภายใน 5 ปี ไขมันหน้าท้องจะลดลงไปราว 3.7% นอกจากนี้ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลียพบว่า แอปเปิลพันธุ์ Pink Lady มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระตระกูล avonoids สูงที่สุด ซึ่งมีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมัน

3.กล้วย

กล้วยเป็นผลไม้ที่ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร และยังเป็นแหล่งโพแทสเซียมชั้นดี ซึ่งช่วยแก้ปัญหาลดการบวมน้ำได้ กล้วยขนาดกลางแต่ละลูกประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตที่ดีประมาณ 36 กรัม ทั้งนี้ การที่ดัชนีน้ำตาลต่ำนั้นหมายถึงคาร์โบไฮเดรตจะถูกปล่อยเข้าสู่ร่างกายอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันน้ำตาลทะลัก และเป็นการฟื้นฟูกล้ามเนื้อด้วย

4.ข้าวบาร์เลย์

ข้าวบาร์เลย์นั้นมีคุณสมบัติดับหิวได้อย่างดีเยี่ยม เพราะกินแล้วอยู่ท้อง นอกจากนี้ยังมีความเชื่อมโยงกับระดับคอเรสเตอรอลที่ลดลง, ลดระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มความอิ่ม

5.ถั่วดำ

หลายคนรู้ดีอยู่แล้วว่าถั่วเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล และช่วยสร้างการเติบโตของกล้ามเนื้อ โดยถั่วดำ 1 ถ้วย มีปริมาณโปรตีน 12 กรัม และไฟเบอร์ 9 กรัม นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยโฟเลท, วิตามินบี และทองแดง ซึ่งเพิ่มช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเส้นเอ็น เหนือไปกว่านั้น งานวิจัยจากสเปนยังแสดงให้เห็นว่าการบริโภคถั่วหรือพืชตระกูลถั่ว 4 มื้อ/สัปดาห์ จะช่วยเร่งการลดน้ำหนัก

6.พืชตระกูลถั่ว

ถั่วเลนทิล, ถั่วลูกไก่, ถั่วลันเตา และถั่วอื่นๆ นั้นเป็นตัวเร่งสลายไขมันอย่างดี ในงานวิจัยของสเปนชิ้นหนึ่งที่ศึกษาเป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่า การกินพืชตระกูลถั่วในช่วงการลดน้ำหนักนั้น ทำให้ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิผลมากกว่า นอกจากนี้ ยังเห็นการปรับตัวที่ดีขึ้นของระดับไขมัน LDL และระดับความดันเลือดด้วย

7.ควินัว (Quinoa)

ควินัวนั้นมีโปรตีนสูงกว่าธัญพืชชนิดอื่น นอกจากนี้ยังดีต่อหัวใจ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว และวิตามินบี คุณอาจลองกินควินัวเป็นอาหารเช้าดูก็ได้ เพราะมีโปรตีนมากกว่าซีเรียลถึง 2 เท่า แถมยังมีคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่าอีกด้วย

8.มันหวาน

มันหวานนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นราชาของคาร์โบไฮเดรตต่ำ เนื่องจากเป็นอาหารที่ย่อยช้า ทำให้เรารู้สึกอิ่มนาน นอกจากนี้ มันหวานยังเต็มไปด้วยไฟเบอร์, แร่ธาตุ และยังช่วยเผาผลาญไขมัน รวมถึงยังมีส่วนประกอบสำคัญอย่างแคโรทีนอยด์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับการต้านทานอินซูลิน ซึ่งป้องกันไม่ให้พลังงานนั้นเปลี่ยนไปเป็นไขมัน นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอ และวิตามินบี 6 สูงอีกด้วย

9.เชอร์รี่ทาร์ต (Tart Cherries)

ส่วนใหญ่แล้วเรามักพบเชอร์รี่ประเภทนี้มาในรูปแบบแห้ง, แช่แข็ง หรือแบบกระป๋อง ซึ่งจริงๆ แล้วเชอร์รี่ชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นเชอร์รี่ที่มีประโยชน์มากมาย เพราะงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนพบว่า เชอร์รี่ทาร์ตนั้นมีคุณสมบัติในการลดไขมันได้เป็นอย่างดี และยังปรับเปลี่ยนการแสดงออกของยีนไขมันอีกด้วย

10.ขนมปังโฮลวีต

หลายคนรู้ดีอยู่แล้วว่าอาหารที่ไม่ขัดสีนั้นดีกว่า เพราะจะได้สารอาหารจากธัญพืชแบบเต็มเมล็ด ขนมปังโฮลวีตก็เช่นกัน ที่อุดมไปด้วยสารอาหารและไฟเบอร์

11.พาสต้าโฮลวีต

เช่นเดียวกับขนมปังโฮลวีต คือได้จากธัญพืชเต็มเมล็ด นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์ที่ช่วยให้อิ่มนาน และป้องกันไม่ให้กินมากเกินไป เพื่อความหลากหลาย อาจลองกินพาสต้าที่ทำจากถั่วเลนทิล, ถั่วลูกไก่, ถั่วดำ หรือควินัว ซึ่งอุดมไปด้วยไฟเบอร์

12.โยเกิร์ต

โยเกิร์ตนั้นมีทั้งโปรตีนและโปรไบโอติกส์ โดยโยเกิร์ต 1 ถ้วยนอกจากจะช่วยตอบสนองความหิวและเสริมสร้างสุขภาพของทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้น้ำหนักลด นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินดีและแคลเซียม และเป็นหนึ่งในอาหารไม่กี่อย่างที่มีกรดไขมันชื่อคอนจูเกตเต็ดไลโนเลอิก ที่สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม โยเกิร์ตส่วนมากมีน้ำตาลสูงและมีรสหวาน จึงต้องกินอย่างระมัดระวังด้วย

เราทุกคนต่างยอมรับว่าการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดน้ำหนักและสุขภาพดี แต่เชื่อว่าหลายคนคงเป็นเหมือนกันคือ ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ซึ่งก็อาจทำให้คุณกังวลได้ คราวนี้ลองไปดู 9 สิ่งที่ทำขณะนอนหลับแล้วจะทำให้การลดน้ำหนัดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นกัน!

9.ดื่มโปรตีนเชคก่อนนอน

หนึ่งในนั้นคือการดื่มโปรตีนเชค ซึ่งมีโปรตีนประมาณ 30 กรัม ก่อนไปนอน โดยงานวิจัยชี้ให้เห็นว่าการดื่มโปรตีนเชคก่อนนอนจะช่วยเพิ่มปริมาณแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญขณะนอนหลับ นอกจากนี้โปรตีนยังช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อด้วย

8.กินมื้อเย็นให้เป็นมื้อเล็กๆ

หลีกเลี่ยงการกินอาหารมื้อใหญ่ตอนเย็น และงดเว้นการกินแบบจัดหนักก่อนนอน เพราะเมื่อเวลาเราหลับลึก สมองของเราจะหลั่งโกรท ฮอร์โมน (growth hormone) ออกมา ซึ่งหากเรากินมื้อดึก ฮอร์โมนนี้จะสั่งให้จัดเก็บอาหารไว้ในรูปแบบของไขมันแทน

7.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอนทำให้ร่างกายต้องเผาผลาญแอลกอฮอล์ขณะนอนหลับ ซึ่งทำให้การนอนของคุณไม่เข้าสู่ระยะ REM ซึ่งเป็นระยะที่มีการหลับและฝัน และเป็นช่วงที่ร่างกายของเราจะเผาผลาญแคลอรี่มากที่สุด การดื่มไวน์เพียง 1 แก้วในช่วงดินเนอร์นั้นยังโอเคอยู่ แต่พึงระลึกไว้ว่าห้ามดื่มแอลกอฮอล์ใน 3 ชั่วโมงก่อนนอนเป็นอันขาดเลย

6.ตั้งเวลานอนของคุณ

เราทุกคนรู้ว่าการได้รับการนอนหลับที่ดีที่สุดเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แต่เชื่อว่าพฤติกรรมก่อนนอนของใครหลายคนมักจะเป็นคือดูหนัง, เล่นโทรศัพท์ จนเผลอหลับไป ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการตั้งเวลาให้หลับ 7-8 ชั่วโมง/คืน จะช่วยเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น โดยงานวิจัยที่เผยแพร่ใน American Journal of Clinical Nutrition พบว่า คนที่มีการพักผ่อนแบบพอดีจะเผาผลาญแคลอรีได้มากกว่าคนที่นอนไม่หลับ 20%

5.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายก่อนนอน

การออกกำลังกายจะช่วยปลุกร่างกายคุณขึ้น ซึ่งทำให้ยากต่อการหลับที่ดีในตอนกลางคืน ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือปรับเปลี่ยนมาออกกำลังกายในช่วงเช้า เพราะจะช่วยปลุกร่างกายของคุณ และทำให้คุณมีพลังงานตลอดทั้งวัน อย่างไรก็ตาม หากคุณมีเหตุผลจำเป็นจริงๆ ที่ไม่สามารถออกกำลังกายตอนเช้าได้ ก็ควรออกกำลังกายก่อนนอนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง

4.ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดในห้องนอน

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดชี้ให้เห็นว่า แสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตนั้นมีส่วนยับยั้งการผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการนอนหลับอย่างเมลาโทนิน งานวิจัยอีกชิ้นจากสิงคโปร์ยังพบว่า การดูทีวีต่อเนื่องนานหลายชั่วโมงเป็นสาเหตุให้ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น และระดับอะดีโพเนคติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสและการแตกตัวของกรดไขมัน ลดลง

3.ลดอุณหภูมิในห้องนอน

การนอนหลับในที่ที่มีอากาศเย็นจะช่วยให้การสะสมเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาลของร่างกายเราทำได้ดีขึ้น ซึ่งเนื้อเยื่อดังกล่าวจะช่วยเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่บริเวณหน้าท้อง โดยงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์อย่าง Diabetes แสดงให้เห็นว่า คนที่นอนหลับในห้องที่มีอุณหภูมิราว 66 องศาฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ 18.9 องศาเซลเซียส สามารเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าผู้ที่นอนในอุณหภูมิอุ่นกว่าประมาณ 75 แคลอรี่

2.นอนหลับในที่มืดสนิท

การนอนหลับในที่มืดสนิทจะช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินได้ดีขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้นอนหลับดีขึ้นเท่านั้น แต่งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Journal of Pineal Research พบว่ายังช่วยในกระบวนการเผาผลาญในไมโทคอนเดรียอีกด้วย

1.นอนเปลือยกาย

อาจฟังดูแปลก แต่การล่อนจ้อนนอนหลับนั้นมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการทำให้ร่างกายเย็นนั้นจะไปช่วยกระบวนการเผาผลาญไขมัน ดังนั้น การเปลือยกายนอนจึงเป็นอีกวิธีที่ทำให้ร่างกายเย็นนั่นเอง

ทั้งนี้ นี่เป็นเพียงเกร็ดเล็กน้อยที่จะช่วยการลดน้ำหนักของคุณได้ แต่ยังไงก็ยังแนะนำว่าสิ่งที่คุณยังควรทำอยู่สม่ำเสมอก็คือ การออกกำลังกายอย่างเป็นประจำนั่นเอง


Content Team Matichon Academy
[email protected]
0-2954-3971 ต่อ 2111
ติดตามอ่านข่าวสารได้ที่ www.matichonacademy.com

ไม่พลาดข่าวสารอาหาร ท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ เกร็ดความรู้
คอร์สเรียนสนุกๆได้ประโยชน์-เสริมอาชีพ
คลิกติดตามเพจเฟซบุ๊ค MatichonAcademy