มัดรวมไอเดีย 4 เมนูทำง่ายกำไรปัง จาก 4 เชฟมติชนอคาเดมี

ในโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความไม่แน่นอน การมีทักษะอาชีพติดตัวก็เป็นเหมือนแผนสำรองของชีวิต ธุรกิจ “อาหาร” เป็นอีกหนี่งธุรกิจสำคัญ ที่ไม่ว่ายุคไหนก็ยังสามารถทำได้ โดยโครงการ “ไทยประกันชีวิต เสริมโอกาส สร้างอาชีพ”  ปี 2  จับมือมติชนอคาเดมี จัดอบรมหลักสูตรเมนูทำง่าย จาก 4 เชฟดัง เชฟหน่า ชุติพันธุ์ สุรนาทชยานันท์ เชฟชื่อดังผู้ติดตามในเฟซบุ๊กกว่า 300,000 คน,  อาจารย์อรรถ ขันสี,อาจารย์ขนิษฐา ชัยชาญกุล,อาจารย์พงศ์พิพัฒน์ มากช่วย 3 อาจารย์คิวทองจากมติชนอคาเดมี สอนเมนูลงทุนน้อย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก สามารถสร้างอาชีพทำเงินได้

เมนูแรกเป็นเมนูที่ใครจัดงานอีเว้นต์ก็ต้องสั่งมาเสิร์ฟ เพราะทั้งสะดวก อร่อย และยังดีต่อสุขภาพด้วย  แซนด์วิชเกาหลี แซนด์วิชยอดนิยมในยุคนี้ ด้วยหน้าตาที่สวยงาม ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก เพิ่มมูลค่าได้มากกว่าแซนด์วิชธรรมดา  ตามมาด้วยแซนด์วิชโบราณ แซนด์วิชไส้หมูหย็องพร้อมทาน้ำสลัดโบราณ ที่ใครหลาย ๆ คน ต้องเคยทานมาตั้งแต่เด็ก ๆ เมนูที่ 3  แฮมเบอร์เกอร์ อีกหนึ่งเมนูสำหรับคนทุกวัย สะดวกรวดเร็ว ลูกค้าสามารถเลือกสรรไส้ได้ตามใจ  และสุดท้าย  สลัดโรล เมนูสุดฮิตของสายเฮลตี้ ที่ยังขยายตลาดไปสู่ลูกค้ากลุ่มคนรักสุขภาพ ทำง่าย ทานง่าย ขายได้ตลอด

ทั้ง 4 เมนู สามารถใช้วัตถุดิบที่หาซื้อได้ทั่วไป ลงทุนน้อย ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ใช้พื้นที่น้อย พึ่งเริ่มต้นธุรกิจก็สามารถทำได้  โครงการ “ไทยประกันชีวิต เสริมโอกาส สร้างอาชีพ” ปี 2 ไม่เพียงแต่มุ่งสร้างอาชีพให้คนในชุมชนได้มีช่องทางในการหารายได้เสริม ยังช่วยติดอาวุธความรู้ด้านการเงินให้แบบครบชุด ตั้งแต่เทคนิคการออมแบบง่ายๆ ไปจนถึงเคล็ดลับในการบริหารจัดการการเงินที่ใครๆ ก็ทำตามได้ไม่ยาก เพื่อวางรากฐานการสร้างความมั่นคงให้ชีวิตแบบยั่งยืน

พบกับโครงการดี ๆ ได้ที่ https://www.thailife.com/

ผู้เขียน วฤณ ฦๅชา

เชฟหน่า ชุติพันธุ์ สุรนาทชยานันท์ (คนกลาง)_0

เปิดแล้ว โก โฮลเซลล์ สาขา “รามคำแหง 127” ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร จุดหมายใหม่เพื่อผู้ประกอบการ

โก โฮลเซลล์ (GO Wholesale) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร จุดหมายใหม่เพื่อผู้ประกอบการ ในระบบสมาชิก ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดสาขารามคำแหง 127 ซึ่งเป็นสาขาลำดับที่ 7 อย่างเป็นทางการ โดยมี แพทย์หญิงวันทนีย์  วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร (ที่ 5 จากซ้าย)  เป็นประธานในพิธีเปิด ทั้งนี้คณะผู้บริหาร นำโดย นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ –  กรรมการ บริษัทเซ็นทรัลรีเทลคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ที่ 4 จากซ้าย), นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจในประเทศไทยและต่างประเทศ (ที่ 6 จากซ้าย), นายริคาร์โด้ โบอารอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจเซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซล ประเทศไทย (ที่ 3 จากซ้าย) ให้การต้อนรับ ท่ามกลางลูกค้าประชาชนที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง สร้างความคึกคักให้กับย่านรามคำแหง ตอกย้ำการเป็นจุดหมายใหม่สำหรับผู้ประกอบการ ที่เป็นอาณาจักรวัตถุดิบอาหารขนาดใหญ่ พร้อมสิทธิประโยชน์พิเศษมากมาย ณ   โก โฮลเซลล์ สาขารามคำแหง 127

โก โฮลเซลล์ ขับเคลื่อนการส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้มั่นคง สนับสนุนวัตถุดิบคุณภาพดี เสริมทักษะวิชาชีพอาหารแก่คนว่างงาน

ไม่น่าเชื่อว่า หลังสถานการณ์โควิด มีผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องขาดรายได้ ไร้อาชีพ ทำให้หลักสูตรการฝึกวิชาชีพหลายแห่งเป็นที่สนใจ รวมถึง ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ ที่มีทุกคนเพศ ทุกวัย ลงทะเบียนมาเพิ่มพูนความรู้สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

“หลังโควิดมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมเรียนกับศูนย์ฝึกอาชีพฯของเราเป็นจำนวนมาก เพราะมีจำนวนคนว่างงานสูงขึ้น เราเปิดหลักสูตรอาชีพมากมายให้คนได้เข้ามาหาความรู้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นคนในพื้นที่เขตบางกะปิเท่านั้น เราเปิดกว้างให้ทุกคนที่สนใจ ผู้เรียนของเราจึงมีทั้ง วัยรุ่น คนว่างงาน ผู้สูงอายุ” นางวารุณี สกุลทัพ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สำนักงานเขตบางกะปิกล่าว

แม้จะมีหลักสูตรด้านอาชีพมากกว่า 20 หลักสูตร แต่ “การทำอาหาร” ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ นับตั้งแต่เปิดศูนย์ฝึกอาชีพฯ มา 

“ศูนย์ฯ ของเราก่อตั้งขึ้นมากว่า 20 ปี มุ่งเน้นหลักสูตรที่สามารถนำไปประกอบวิชาชีพได้จริง โดยเฉพาะการฝึกอาชีพทางด้านอาหาร ที่มีวิชาให้เลือกเรียนทั้ง เบเกอรี่, อาหารคาว, อาหารว่างและขนมไทย ใช้ระยะเวลาเรียน 80 ชั่วโมง โดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้และให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด เน้นให้ผู้เรียนนำทักษะไปต่อยอดได้ และเมื่อเรียนจบแล้วจะได้ใบประกาศนียบัตรรับรองด้วย” นางวารุณี เล่าให้ฟังเพิ่มเติม

ในแต่ละปีศูนย์ฯ แห่งนี้ จึงมีความต้องการใช้วัตถุดิบอาหารเป็นจำนวนมาก เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนสร้างอาชีพให้คนว่างงานได้ก้าวเดินต่อไป

นางวารุณี สกุลทัพ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชนแล
ศูนย์ฝึกอาชีพฯ (1)_0

โก โฮลเซลล์ นำโดย นายชนทัช สวัสดี  ผู้จัดการทั่วไป สาขารามคำแหง 127 และพนักงานประจำสาขา จึงได้นำวัตถุดิบ อาทิ แป้งอเนกประสงค์, แป้งขนมปัง, แป้งสาลีพิเศษ, แป้งเค้ก, ผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างจาน  ไปมอบให้แก่ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ สำหรับใช้ในการเรียนรู้ โดยมีผู้อำนวยการเขตบางกะปิ นายชูชาติ พุ่มน้อย เป็นผู้รับมอบ

ด้าน นางสาวมาลาตี ส่งศรี อาจารย์ประจำศูนย์ฝึกอาชีพฯ ผู้สอนเบเกอรี่ มา 20 ปี มีเมนูที่สอนไปมากกว่า 32 เมนู มีลูกศิษย์จบไปแล้วมากมาย กล่าวว่า  “เราดีใจที่สุดคือ ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอด เปิดร้านขนม หรือเปิดขายในออนไลน์ สร้างอาชีพและรายได้ไม่น้อย โดยในช่วงนี้มีเมนูเบเกอรี่ที่ได้รับความนิยมและมีผู้ต้องการเรียน คือ ชิฟฟ่อน, เค้กไต้หวัน, ชีสเค้ก, บราวนี่หน้าชีส, ครัวซอง, ซาลาเปาฯ”

นางสุพัตรา เจ้ยชุม ผู้เรียนที่เป็นอดีตข้าราชการครู กล่าวว่า “หลังจากเกษียณก็อยากหาอาชีพเสริม ได้มาเจอศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ เปิดให้เรียนทำอาหารว่างและขนมไทยฟรี ก็มาสมัคร อาจารย์สอนดี ถามความต้องการของผู้เรียน และเปิดโอกาสให้ร่วมกันคิดเมนูด้วย เรียนจบแล้วคิดว่า จะนำความรู้กลับไปทำขนมขายที่ร้านขายของชำที่บ้านเดิมจังหวัดเชียงราย สร้างรายได้เสริม”

ในปี 2566 มีผู้ว่างงาน คนวัยเกษียณ และคนทุกเพศวัยจากย่านรามคำแหง บางกะปิ และทั่วกรุงเทพ มุ่งหน้ามาเก็บเกี่ยวเติมเต็มวิชาชีพสร้างรายได้จากหลักสูตรต่างๆ ของศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ ไปแล้วจำนวน 2,340 ราย

“โก โฮลเซลล์” สนับสนุนเกษตรกรไทย ปูพรมจำหน่ายผลไม้ฤดูกาล สดจากสวนส่งตรงถึงมือคุณ

ฤดูกาลผลไม้เริ่มแล้วที่ GO Wholesale (โก โฮลเซลล์) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร จุดหมายใหม่เพื่อผู้ประกอบการ ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ที่มุ่งมั่นดำเนินนโยบายสนับสนุนเกษตรกรไทยในทุกมิติ ด้วยการคัดสรรผลไม้คุณภาพยอดนิยมประจำฤดูกาลจากภาคตะวันออก อาทิ มังคุด เงาะ สละ ทุเรียน มาจำหน่าย เพื่อเพิ่มช่องทางระบายผลผลิตจากชาวสวนให้มากขึ้น ผ่านการกระจายสินค้าสาขาของโก โฮลเซลล์

ทั้งนี้มีเกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูกผลไม้ทั่วประเทศ ให้ความสนใจนำผลผลิตมาจำหน่ายที่ โก โฮลเซลล์ แหล่งรวมวัตถุดิบอาหารที่เป็นช่องทางจำหน่ายใหม่ในตลาดค้าส่งให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหาร และกลุ่มโฮเรก้า เป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งการเข้าสู่ฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออกอย่างเป็นทางการ เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป

สนับสนุนเกษตรกรไทย 4_0

โก โฮลเซลล์ เปิดดำเนินการสาขาแรกในประเทศไทย เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2566 ปัจจุบันมีสาขา 6 แห่ง ประกอบด้วย ศรีนครินทร์, เชียงใหม่, อมตะ ชลบุรี, พัทยาใต้, พระราม 2, รังสิต และล่าสุดกำลังจะเปิดสาขาลำดับที่ 7 “รามคำแหง 127” อย่างเป็นทางการในวันที่ 30 เมษายนนี้

‘ขาหมูเยอรมัน’ สูตรพิชิตเงินล้าน อร่อยจนต้องเบิ้ล

รีรันกันอีกรอบกับ ‘ขาหมูเยอรมัน สูตรโรงเบียร์’ จากร้านข้าวปั้นขาหมูเยอรมัน จ.ราชบุรี ของ ตั้ม-ณรงค์ทับทรวง เจ้าของร้านสุดคูลที่มาพร้อมสโลแกนประจำตัว “ก่อนจะหยุดผมสุดมาก่อน” ในหลายช่วงของชีวิตต้องเจอกับความยากลำบากหรือสิ่งที่ไม่ปลื้ม โดยเฉพาะจุดเปลี่ยนจากการไม่ชอบอยู่ในกรอบ เลยออกจากงานประจำ มาทำขาหมูเยอรมันออนไลน์ จากวันแรกถึงวันนี้ 11 ปี มีรายได้เดือนละ 1-2 แสน! แถมยังปลดหนี้ให้กว่าครึ่งล้านบาทได้สำเร็จ   

คราวนี้พาบุกครัวเชฟตั้ม ที่จ.ราชบุรี กันอีกครั้ง มาดูการทำขาหมูเยอรมันของเชฟนักคิด(สูตร) และชอบการพัฒนา จนได้ขาหมูเยอรมันแสนอร่อยไม่ซ้ำใคร “จุดเด่นที่ทำให้ขาหมูเยอรมัน ร้านข้าวปั้นไม่เหมือนที่อื่นก็คือ ความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน และคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก เราปรับปรุงสูตรอยู่ตลอดแม้ลูกค้าจะบอกว่าอร่อยแล้วก็ตาม”

เริ่มตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ เราเน้นขาหมูขนาด 8-9 ร้อยกรัม ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป เพื่อให้ลูกค้าได้กินหมด และอิ่มแบบพอดี ส่วนถ้าขายแบบฟรีซแข็งยังไม่ทอด ส่งให้ร้านอาหารจะใช้ขนาด 7-8 ร้อยกรัม ค่อยขยับใช้เป็นขาหมูขนาดใหญ่ขึ้นแทน

โดยขั้นตอนที่ต้องเน้นมากๆ ไม่ต่างกับตอนปรุง คือล้างและทำความสะอาด จากนั้นนำไปต้มกับเครื่องเทศอย่าง อบเชย โป๊ยกั้ก พริกหอม แคร์รอต มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ และขึ้นฉ่ายแบบทั้งต้นและราก เพื่อดับคาว โดยเร่งไฟให้แรง ย้ำ! ต้องไฟแรงจริงๆ เท่านั้น เชฟตั้มย้ำเป็นพิเศษ พอต้มจนเดือดค่อยปรับไฟให้อ่อนลง เพื่อตุ๋นต่อไปจนครบ 3 ชั่วโมง แล้วนำขาหมูขึ้นมาพักให้เย็นสนิท ก่อนนำไปทอดต่อไป       

ระหว่างรอขาหมูแห้ง แม้อากาศร้อนแต่ใจพวกเราไม่ร้อนตาม เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับเมนูใหม่ที่เชฟตั้มแอบบอกว่าตอนนี้กำลังซุ่มทดลองทำหมูกาแฟย่างสูตรพิเศษอยู่ ว่าแล้วเชฟก็ตั้งเตาก่อไฟย่างหมูตัวอย่างให้ชิมกันซะเลย แค่กัดคำแรกก็ต้องร้องโอ้โห หยุดกินไม่ได้เลย ทั้งหอมและกลมกล่อม รสชาติพิเศษเกินบรรยายบอกไม่ได้จริงๆ ว่าเด็ดอย่างไร นอกจากต้องลองเอง! อ้อ เมนูนี้ไม่มีขาย อย่าเพิ่งผลีผลามโทรมาสั่งกันนะคุณ    

นอกเรื่องไปพักใหญ่ ขอกลับมาต่อที่ขั้นตอนทอดขาหมูกันบ้าง หลังทิ้งให้เย็นแล้ว ตั้งเตาให้ร้อนและนำขาหมูลงไปทอดด้วยน้ำมันปาล์มจนเหลืองกรอบ พักให้สะเด็ดน้ำมัน ระหว่างนั้นเชฟโชว์ทีเด็ดนำ ผักดอง ที่ใช้ผักสดดองกับน้ำส้มสายชูหมักสูตรพิเศษ รสเปรี้ยวอมหวาน คล้ายรสชาติของผลไม้ดองจิ้มพริกเกลือ ขนาดคนไม่กินผักยังกินเพลิน แถมออกปากว่าอร่อย 10 เต็ม 10 กินกับขาหมูตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี สำหรับน้ำจิ้มมีให้ชิม 2 รส 2 สไตล์ ได้แก่ น้ำจิ้มดำแบบหวาน และพริกน้ำส้มหอมเผ็ดเปรี้ยวกำลังดี

LINE_ALBUM_2024.3.29_240405_1

สนนราคา ‘ขาหมูแบบทอด’ ได้ทั้งน้ำจิ้มและผักดองครบรส ราคาอยู่ที่ชุดละ 250 บาท ส่วน ‘ขาหมูแบบไม่ทอด’ (Ready-to-Cook) ราคา 180 บาท (เพิ่มผักดองและน้ำจิ้ม 230.-) เท่านั้น เชฟตั้มประกาศว่าขายมา11 ปี ทุกวันนี้ยังยืนยันจะขายราคาเดิมต่อไป “เพราะนึกถึงใจเขาใจเรา ขาหมูเยอรมันใครๆ ก็มองว่าแพงเราคิดจากตัวเองเลยเลือกตั้งราคาที่เข้าถึงได้ อยากให้ทุกคนได้กิน และเราก็อยู่ได้มีรายได้ตามสมควร”

หากอยากลิ้มลอง เข้าไปสั่งได้ที่เพจ: ข้าวปั้นขาหมูเยอรมัน ใกล้-ไกล เชฟตั้มส่งความอร่อยถึงหน้าบ้านอย่างแน่นอน ทั้งแบบทอดและไม่ทอด..ทักจองขาหมูไว้ล่วงหน้าจะได้ไม่พลาดความอร่อย

หรือใครอยากเรียนรู้กับ เซฟตั้ม ตัวเป็นๆ คราวนี้เชฟเคลียร์คิวกลับมาสอนอีกครั้ง “ขาหมูเยอรมัน สูตรโรงเบียร์” เนื้อนุ่ม หนังกรอบแถมเพิ่มความพิเศษ สอนเมนู “เป็ดร่อน” พร้อมน้ำจิ้มสุดเข้มข้น หากินว่ายากแล้วหาคนสอนทำพร้อมสูตรเด็ดยากยิ่งกว่า แล้วพบกันที่ “มติชนอคาเดมี” อาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2567 สอบถามรายละเอียดได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘มติชนอคาเดมี’ สถาบันที่มีคอร์สเรียนและอาชีพพารวยรอคุณอยู่โทร: 08-2993-9097, 08-2993-9105 Line: @matichonacademy

“คริสต์มาส”

ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสสุดหรรษากับ 2 ร้านอาหารเครืออิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้แก่ “ฟลาน โอเบรียนส์ ไอริชผับ” ร้านอาหารและผับสไตล์ไอริช ณ อาคารชาเลนเจอร์ กับเซตเมนูสุดคุ้ม ราคา 999 บาท ต่อ 1 ท่าน และ “อิมแพ็ค เลคฟร้อนท์” ร้านอาหารบรรยากาศกาศดีริมทะเลสาบเมืองทองธานี กับ 3 เมนูเค้กพิเศษ ในราคา 189++ บาท พร้อมให้บริการในวันที่ 24 – 25 ธันวาคม ศกนี้

เริ่มที่ร้าน “ฟลาน โอเบรียนส์ ไอริชผับ” กับเซตเมนูแนะนำ “Christmas Set Menu Celebration” ราคา 999 บาท ต่อ 1 ท่าน เริ่มต้นด้วย Starter กับเมนู “Irish Leek Soup” ซุปต้นกระเทียมสไตล์ไอริชหอมๆ และ “Baked Scallops Spinach & Cheese” หอยเชลล์อบกับผักโขมและชีส ต่อด้วย Main Course ที่สามารถเลือกได้ 1 เมนูจาก 3 เมนูขายดี ได้แก่ “Premium Grilled Striploin Steak” สเต็กเนื้อคุณภาพดี เสิร์ฟพร้อมซอสพริกไทยดำและผักผัดเนย หรือ “Grilled Chicken Breast” ไก่อบยัดไส้ พร้อมซอสไวน์แดง และผักผัดเนย หรือเมนูปลา “Grilled Snow Fish” ปลาหิมะย่าง เสิร์ฟคู่กับซอสไวน์ขาว และผักผัดเนย ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานขายดีอย่าง “Tartufo Ferrero Rocher” หรือ “Tartufo Tiramisu” นอกจากนี้ ในเซตยังมีเครื่องดื่มที่เลือกได้ระหว่างกาแฟหรือชาอีกด้วย อิ่มอร่อยกับเซตเมนูพิเศษนี้ได้ที่ร้าน ฟลาน โอเบรียนส์ ไอริชผับ ณ ล็อบบี้ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00 – 24.00 น. สำรองความอร่อย โทร. 02-833-4288 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.flann-obriens.com และเฟซบุ๊ก: Flann O’Brien’s Irish Pub

และร้านที่ 2 “อิมแพ็ค เลคฟร้อนท์” แลนด์มาร์คริมทะเลสาบเมืองทองธานีที่รวมร้านอาหารนานาชาติพร้อมวิวสวยๆ จัดเต็มความอร่อยกับ 3 เมนูเค้ก “Christmas Treats” ในราคาเพียง 189++ บาท ทุกเมนู ได้แก่ “Christmas Log Cake” เค้กแครอทรูปทรงขอนไม้ “Christmas Bell” เรดเวลเวทชีสเค้กที่ดีไซน์เป็นกระดิ่งคริสต์มาส และ “Secret Santa Gift” เค้กช็อกโกแลตผสมอัลมอนด์รูปทรงกล่องของขวัญ ฉลองคริสต์มาสกับเค้กสุดพิเศษ พร้อมสนุกไปกับกิจกรรมล่องเรือชมวิวทะเลสาบและขับโกคาร์ทได้ที่ “อิมแพ็ค เลคฟร้อนท์” เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.30 – 24.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งจองความอร่อยได้ที่ โทร. 02-033-1851 เฟซบุ๊ก: IMPACT Lakefront ไลน์ ออฟฟิเชียล: @impactlakefront

“Premium Grilled Striploin Steak” ร้านฟลาน โอเบรียนส์ ไอริชผับ
“Irish Leek Soup” ร้านฟลาน โอเบรียนส์ ไอริชผับ

ในช่วงที่เทรนด์เฮลท์ตี้กำลังมาแรงแบบนี้ เราขอแนะนำ 5 เมนูเด็ดเพิ่มโปรตีน ที่ทั้งทานง่าย ทำเองได้ไม่ยาก ที่สำคัญยังเพิ่มโปรตีน สุขภาพดี แถมได้หุ่นฟิตเป็นของแถมอีกด้วย

1. สลัดไข่ต้ม

เมนูง่ายๆ เมนูแรกที่ได้โปรตีนเน้นๆ จากไข่ เพราะในไข่ 1 ใบนั้น มีโปรตีนมากถึง 6 กรัม แนะนำว่าให้เน้นทานไข่ขาวเป็นหลัก หลีกเลี่ยงไข่แดง เพราะในไข่แดงมีคอเลสเตอรอลสูง จึงควรจำกัดปริมาณการทานในแต่ละวัน

2. สเต๊กอกไก่

เมนูยอดฮิตที่ถือว่าเป็นแหล่งโปรตีนเลยก็ว่าได้ เพราะในอกไก่ลอกหนัง 1 ชิ้นมีโปรตีนมากถึง 28 กรัม ที่สำคัญยังหาซื้อได้ง่ายและราคาไม่สูงอีกด้วย

3. ปลาแซลมอนย่างราดน้ำจิ้มซีฟู้ด

ใครที่มองหาเมนูรสจัดจ้านแนะนำเป็นเมนูนี้เลย ในเนื้อปลาแซลมอนนั้นขึ้นชื่อว่ามีโปรตีนสูง แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงเช่นกัน 1 ชิ้นขนาด 100 กรัม มีโปรตีนมากถึง 20 กรัม เมื่อทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ต้องระวังเรื่องโซเดียมเหมือนกันนะ

4. สลัดปลาทูน่ายำ

อีกหนึ่งเมนูยอดฮิต ที่ได้โปรตีนเน้นๆ จากปลาทูน่า ปลาทูน่าในน้ำแร่ 1 กระป๋อง (56 กรัมเฉพาะเนื้อ) มีโปรตีนมากถึง 16 กรัมเลยเชียวนะ เมื่อนำมายำคลุกเคล้ากับสลัดแล้ว เติมพริกนิดๆ รับรองว่าอร่อยถูกใจอย่างแน่นอน

5. เต้าหู้ทรงเครื่อง

ปิดท้ายด้วยเมนูเบาๆ เอาใจสาวๆ ที่โปรตีนสูงไม่แพ้เมนูอื่นๆ เลย เพราะในเต้าหู้หลอด มีโปรตีนมากถึง 13 กรัมเชียว แนะนำว่าถ้าอยากให้อิ่มอยู่ท้องทานคู่กับข้าวไรซ์เบอร์รี่ร้อนๆ สิ ลองดู!

อิ่มอร่อยกับ 5 เมนูเด็ดแล้ว ก็อย่าลืมหาเวลาออกกำลังกายกันบ้างนะ

ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ

อาหารอุดมไขมันแม้จะมีรสชาติอร่อยถูกปาก แต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายหลายเรื่องในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งของกินที่มีไขมันอิ่มตัว (saturated fat) ในปริมาณสูง ซึ่งล่าสุดมีการศึกษาวิจัยพบว่า การกินอาหารประเภทนี้แม้เพียงมื้อเดียว ยังส่งผลให้ความสามารถในการตั้งใจจดจ่อเป็นสมาธิลดลงอย่างมากด้วย

ทีมนักวิจัยด้านจิตวิทยาคลินิกจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต (OSU) ของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ผลการศึกษาข้างต้นลงในวารสาร “โภชนาการทางคลินิกอเมริกัน” (The American Journal of Clinical Nutrition) โดยระบุว่าผลของการการบริโภคอาหารอุดมไขมันในระยะสั้น เช่นภาวะบางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายและจิตใจหลังการกินอาหารไขมันสูงเพียงมื้อเดียว ยังไม่เคยได้รับความสนใจศึกษาในเชิงลึกกันมาก่อน

ทีมผู้วิจัยจึงทำการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างหญิง 51 คน โดยให้ทำแบบทดสอบวัดความสามารถในการตั้งใจจดจ่อเป็นสมาธินาน 10 นาที หลังได้รับประทานอาหารไขมันสูงเข้าไปแล้ว 5 ชั่วโมง โดยเปรียบเทียบผลคะแนนจากการทำแบบทดสอบหลังกินอาหารที่ปรุงด้วยไขมันอิ่มตัว กับผลคะแนนหลังกินอาหารชนิดเดียวกันที่ปรุงด้วยน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัว

การทดลองเริ่มต้นขึ้นในตอนเช้า โดยกลุ่มตัวอย่างซึ่งอดอาหารและน้ำมาเป็นเวลา 12 ชั่วโมง จะทำแบบทดสอบวัดระดับความมีสมาธิในขั้นพื้นฐานของแต่ละคนเสียก่อน จากนั้นจะกินอาหารที่ปรุงด้วยไขมันชนิดใดชนิดหนึ่งและลงมือทำแบบทดสอบอีกครั้ง กระบวนการทั้งหมดจะถูกทำซ้ำใหม่เมื่ออาสาสมัครกลับมาในสัปดาห์ถัดไป แต่จะเปลี่ยนชนิดอาหารที่ให้รับประทานเป็นไขมันชนิดตรงข้าม

ผลปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่างทั้งหมดทำคะแนนได้ย่ำแย่ลงอย่างมาก หลังรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยไขมันอิ่มตัวในปริมาณสูงเข้าไป โดยกลุ่มตัวอย่างมีความสามารถในการตั้งใจจดจ่อและติดตามสิ่งเร้าในแบบทดสอบลดลงโดยเฉลี่ย 11%

แม้ทีมผู้วิจัยจะไม่ได้ตรวจสอบหาความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสมองหลังกินอาหารไขมันอิ่มตัวสูง แต่ ดร.อันเนลีส แมดิสัน ผู้นำทีมวิจัยบอกว่า ไขมันไม่อิ่มตัวอาจทำให้เกิดภาวะอักเสบสูงขึ้นทั่วร่างกายรวมไปถึงสมอง ซึ่งกรดไขมันอิ่มตัวอาจข้ามส่วนเชื่อมต่อที่กั้นระหว่างกระแสเลือดกับเซลล์สมอง (blood-brain barrier) เข้าไปมีปฏิกิริยาโดยตรงบางอย่างกับเซลล์สมองได้

ทีมผู้วิจัยยังพบว่าภาวะที่ความสามารถในการมีสมาธิตั้งมั่นลดลง เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการลำไส้ดูดซึมผิดปกติหรือลำไส้รั่ว (leaky gut) อีกด้วย โดยในกรณีนี้แบคทีเรียในลำไส้และโมเลกุลของสารพิษบางอย่างอาจหลุดลอดเข้าไปในกระแสเลือด และทำให้เกิดผลกระทบต่อสมองได้

ที่มา : ข่าวสด

ในปัจจุบันโรคซึมเศร้าเป็นอีกหนึ่งโรคที่หลายคนอาจกำลังเผชิญแบบไม่รู้ตัว ซึ่งวิธีการบำบัดอาการโรคซึมเศร้าให้ดีขึ้น นอกจากการปรึกษากับจิตแพทย์แล้ว ยังมีอีกหลายวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าได้ หนึ่งในนั้น ก็คือการเลือกรับประทานอาหารที่มีผลกับการรักษาโรคค่ะ เรามาศึกษากันว่าอาหารชนิดใดบ้าง ที่มีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการซึมเศร้า และช่วยฮีลให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้

อารมณ์ดีด้วย “ช็อกโกแลต”
ข้อนี้หลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า เวลาที่เรารับประทานโกโก้หรือช็อกโกแลต จะช่วยให้เราอารมณ์ดีขึ้นได้จริงๆ ซึ่งไม่ได้รู้สึกหรืออุปทานไปเองแน่นอนค่ะ เพราะว่ามีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันว่า การรับประทานโกโก้หรือช็อกโกแลต จะช่วยให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมา ซึ่งสารเอ็นโดรฟินจะเป็นตัวช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้น ช่วยสร้างความผ่อนคลาย และลดความเจ็บปวดได้ ช็อกโกแลตจึงกลายเป็นของหวานสุดโปรดที่สามารถฮีลคุณได้จริงๆ

เรื่องกล้วยๆ ที่ช่วยให้เราหายซึม
การรับประทานกล้วย สามารถบรรเทาอาการซึมเศร้าได้จริงๆ ค่ะ นั่นก็เพราะในกล้วยมีกรดอะมิโน โพรไบโอติก ซึ่งกรดอะมิโนตัวนี้เอง ที่ช่วยเข้าไปกระตุ้นการทำงานของ ฮอร์โมนเซโรโทนิน ทำให้เกิดการสร้างสารสื่อประสาท ที่ชื่อว่า โมโนเอมีน โดยสารสื่อประสาทตัวนี้ จะทำให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้ารู้สึกมีความสุข และมีพลังงานมากขึ้น ดังนั้นกล้วยจึงเป็นผลไม้ที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถช่วยให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าดีขึ้นได้ค่ะ

ถั่วและธัญพืช ช่วยให้ผ่อนคลาย
อาหารจำพวกถั่วและธัญพืช มีประโยชน์อยู่มากมายหลายด้าน แต่หนึ่งในข้อดีของอาหารประเภทนี้ ก็คือช่วยให้เราอารมณ์ดี ผ่อนคลายมากขึ้น เพราะธัญพืชต่างๆ มักอุดมไปด้วยเซโรโทนิน อย่างเช่น ข้าวโพด อัลมอนด์ เป็นต้น ซึ่งนอกจากเซโรโทนินแล้ว ธัญพืชทั้งหลายยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม แคลเซียม โปรตีนและไฟเบอร์ ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายร่างกาย และทำให้จิตใจสงบอีกด้วยนะคะ

กินปลาเข้าไว้ ให้อารมณ์ดีขึ้น
การรับประทานเนื้อปลา มีส่วนช่วยในการบรรเทาความเครียดได้ดีทีเดียว เพราะเนื้อปลานั้นอุดมไปด้วยวิตามินบี 6 และ บี 12 ซึ่งช่วยให้ร่างกายการหลั่งสารแห่งความสุขออกมา อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มระดับเซโรโทนินอีกด้วย และสำหรับจำพวกปลาทะเล อย่างเช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ฯลฯ ก็มีประโยชน์มากๆ อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 และกรดไขมัน DHA ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีผลกับการทำงานของสารสื่อประสาท หากร่างกายขาดสารอาหารเหล่านี้ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าได้นะคะ เพราะสมองของคนเรามีไขมันอยู่มากถึง 60% ซึ่งการขาดไขมันมากๆ อาจทำให้สมองทำงานไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะกับอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการโรคซึมเศร้า ตามที่เรานำมาฝากกัน ถึงแม้ว่าภาวะความเครียดหรือการซึมเศร้าต่างๆ ไม่ได้เกิดจากอาหาร แต่การบริโภคอาหารนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่สามารถช่วยต้านและบรรเทาได้ นอกจากนี้ใครที่เกิดความเครียด หรือรู้สึกหดหู่อยู่ ให้ลองงดอาหารที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดความเครียดอย่างเช่น กาแฟ อาหารทอด อาหารรสจัด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กันด้วยนะคะ

ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ

ซาลาเปาอันละห้าสิบตังค์  เติมพลังให้เราซะทีเถอะน่า

มาเร็วไวให้รีบอย่ามัวช้า     มาเถิดเรามา..มากินซาลาเปากัน

เป็นเพลงที่ร้องกันเล่นๆ สมัยเป็นเด็กชั้นประถม ซึ่งตอนนั้น “ซาลาเปา” เป็นของชอบกินของเด็กๆ มากที่สุดชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นไส้คาว หรือไส้หวาน หรือไส้ครีม

ประวัติความเป็นมาของซาลาเปา อย่างที่รู้กันว่าเป็นอาหารเช้าของชาวจีน ทำมาจากแป้งสาลีและยีสต์ ผ่านขบวนการนึ่งร้อนๆ ออกมาเป็นแป้งนุ่มนิ่มกินได้กินดี  การเกิดขึ้นของซาลาเปาเชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ้อง (ค.ศ.960-1279) ต้นกำเนิดของซาลาเปามาจากก้อนแป้งนึ่งที่เรียกว่า “หม่านโถว”  นานเข้าก็แผลงเป็น “หมั่นโถว” และมีการทำสืบทอดกันมาจนแพร่หลาย โดยเฉพาะทางภาคเหนือของจีน ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงแป้งนึ่งแบบไม่มีไส้ ต่อมาได้กลายมาเป็นอาหารที่ชาวจีนทางภาคเหนือนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่าง  โดยการเพิ่มไส้เข้าไปด้วยเป็นเนื้อหรือผัก

ต่อมาได้แพร่จากจีนไปสู่ตุรกี เปอร์เซีย เอเชียกลาง เกาหลี และญี่ปุ่น หมั่นโถวมีรูปร่างลักษณะและรสชาติคล้ายซาลาเปา  ต่างกันที่ซาลาเปาเป็นแป้งสาลีนึ่งทรงกลม ๆ ทำไส้สอดไว้ข้างใน ส่วนหมั่นโถวอาจทำแบบมีไส้หรือไม่มีไส้ก็ได้  ซาลาเปามักจับเป็นรูปจีบด้านบน ส่วนหมั่นโถวทำผิวด้านบนให้เรียบและเนียนคล้ายกับผิวหน้าของคน  โดยเหตุที่ซาลาเปาต้องมีไส้เสมอ ในสมัยหลัง ๆ หมั่นโถวจึงมักทำเป็นแบบไม่มีไส้เพื่อให้ต่างออกไป  หมั่นโถวที่ทำขายในประเทศไทยก็ล้วนแต่เป็นแบบไม่มีไส้  คนฟิลิปปินส์ก็นิยมรับประทานซาลาเปาเช่นเดียวกัน โดยเรียกว่า “ซัวเปา”

ชาวจีนทางภาคเหนือนิยมเรียกแป้งมีไส้แบบนี้ว่า “เปาจึ” หรือ “ซาลาเปา”  ส่วนที่นิยมนำมารับประทานได้แก่ “ซาลาเปาไส้หมู” และ “ซาลาเปาไส้ครีม” ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในชุดอาหารติ่มซำในวัฒนธรรมจีน  ซาลาเปาสามารถนำมารับประทานได้ในทุกมื้ออาหาร แต่นิยมมากในมื้ออาหารเช้า  ส่วน “จุดสีแดง” ที่อยู่บนแป้งซาลาเปานั้น เพราะคนจีนเชื่อว่าสีขาวล้วนซึ่งเป็นสีของแป้งซาลาเปาไม่เป็นมงคล เพราะสีขาวล้วนเป็นสีของการไว้ทุกข์ ดังนั้น จึงมีการแต้มจุดสีแดงซึ่งเป็นสีของความมงคลตามความเชื่อของคนจีนลงไปบนลูกซาลาเปา  ปัจจุบันจะเห็นว่ามีการนำซาลาเปามาดัดแปลงให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไส้ใหม่ๆ รวมถึงรูปลักษณ์ที่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ดังนั้น เรื่องของซาลาเปา นอกจากเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่างแสนอร่อยแล้ว ยังเป็นของมงคลที่สามารถเสริมเพิ่มเติมรายได้สร้างอาชีพให้กับคนทั่วไปได้เช่นกัน

อีกประเด็นหนึ่งเรามักได้ยินคำว่า “เสี่ยวหลงเปา” ซึ่งก็เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งตามร้านอาหารจีนเช่นเดียวกัน คราวนี้มาดูว่า “ซาลาเปา” และ “เสี่ยวหลงเปา” ต่างกันอย่างไร เพราะจะว่าไปอาหารทั้งสองอย่างนี้ก็จัดอยู่ในประเภทใกล้เคียงกัน มีหน้าตาที่คล้ายๆ กัน แต่มีรายละเอียดต่างกันอยู่ โดย “เสี่ยวหลงเปา” ก็คือติ่มซำ เป็นอาหารเซี่ยงไฮ้ที่ฮิตมากในทางตอนใต้ของจีน ต่างกับซาลาเปาที่นิยมกินอยู่ทางตอนเหนือของจีน  เสี่ยวหลงเปาจะมีขนาดเล็กเสิร์ฟในเข่ง ข้างในของเสี่ยวหลงเปาจะมีน้ำซุปอยู่  แต่เดิมเสี่ยวหลงเปาจะเป็นซาลาเปาลูกใหญ่ มีน้ำซุปอยู่ข้างใน เสี่ยวหลงเปาทำจากแป้งขนมปัง ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ ไม่ใส่ผงฟูหรือยีสต์ จับจีบให้ได้ 18 จีบ  ส่วนซาลาเปาจะลูกใหญ่กว่า ทำมาจากแป้งสาลีหมักยีสต์หรือผงฟู ปั้นเป็นลูกกลมแบน ข้างในจะใส่ไส้ หมูสับ หมูแดงครีม เป็นต้น

ทีนี้มาเข้าประเด็นกันว่าถ้ายามวิกฤตโควิด-19 เช่นที่เป็นอยู่นี้ นอกจากการสั่งอาหารที่เป็นข้าวกล่องหรือเดลิเวอรี่มารับประทานแล้ว ยังมีซาลาเปา เสี่ยวหลงเปา พวกนี้ด้วย เมื่อต้องรับประทานจะมีคุณค่าทางโภชนาการ หรือเกิดประโยชน์ต่อร่างกายหรือไม่ อย่างไร?  เริ่มตั้งแต่วิธีการทำเริ่มต้นในการทำซาลาเปาและเสี่ยวหลงเปา จะเป็นการปรุงให้สุกด้วย “วิธีนึ่ง” ซึ่งวิธีนึ่งนั้นเป็นการใช้ไอน้ำทำให้อาหารสุก ทั้งนี้ อาหารจะไม่มีการสัมผัสโดยตรงกับน้ำที่ต้ม ซึ่งจะส่งผลให้คุณค่าของสารอาหารยังคงอยู่กับอาหารอย่างครบถ้วน  และที่สำคัญในการนึ่งนั้นแทบจะไม่ต้องเติมน้ำมันลงไปในการนึ่งเลย จึงเป็นวิธีการปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก  แต่เคล็ดลับที่สำคัญสำหรับการนึ่งอาหารให้รสชาติดีนั้น วัตถุดิบที่ใช้จะต้องสดมากๆ การนึ่งอาหารจะต้องใส่น้ำต้มให้เดือด และนำอาหารที่ต้องการนึ่งวางบนจานทนความร้อนและใส่เข้าไปในซึ้งจากนั้นปิดฝาให้สนิท

เมื่อนึ่งสุกแล้ว ซาลาเปาแต่ละชนิดก็มีคุณค่าแตกต่างกัน อาทิ ซาลาเปาไส้หมูสับและไส้หมูแดง เป็นไส้ที่มีส่วนผสมของหอม กระเทียม และพริกไทยดำ ถือเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุนเแต่ก็มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น กระเทียมช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ช่วยลดคลอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งถ้าใครที่รับประทานกระเทียมบ่อยๆ จะช่วยไม่ให้เส้นเลือดอุดตันได้ ส่วนซาลาเปาไส้ครีม เป็นไส้ที่มีส่วนผสมหลากหลาย แต่ก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งนมข้น นมจืด นมผง เนยเค็ม เนยจืด และไข่ไก่สด ฯลฯ ซึ่งมีสารอาหารบำรุงร่างกายได้แก่ วิตามิน A วิตามิน D วิตามิน B1 วิตามิน B2 วิตามิน B6 วิตามิน B12 แร่ธาตุแคลเซียม แร่ธาตุฟอสฟอรัส แร่ธาตุโพแทสเซียม แร่ธาตุเหล็ก แร่ธาตุไอโอดีน แร่ธาตุโซเดียม แร่ธาตุแมกนีเซียม แร่ธาตุกำมะถัน เป็นต้น  

ซาลาเปาไส้สังขยาใบเตย  คุณค่าก็มีตั้งแต่ใบเตยสด มีน้ำมันหอมระเหย รสหวาน กลิ่นหอม และมีสีเขียวซึ่งเป็นสารคลอโรฟีลล์ ช่วยลดอาการกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ และช่วยทำให้สดชื่น อีกทั้งมีเกลือแร่ แคลเซียม และฟอสฟอรัส  ซาลาเปาไส้ถั่วดำ ก็มีแร่ธาตุอาหารสำคัญในทางบำรุงเลือด ขับสารพิษ ขับปัสสาวะ ทำให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก และนอกจากนี้คุณสมบัติที่โดดเด่นของถั่วดำ คือ ช่วยบำรุงผมให้ดกดำ แข็งแรง และไม่หลุดร่วงง่าย  ซาลาเปาไส้เผือก เป็นซาลาเปาที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ เผือกเป็นผักที่จัดอยู่ในอาหารหมู่ที่ 1 นั่นคือแป้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าในเผือกมีแต่คาร์โบไฮเดรตอย่างเดียว ยังมีวิตามินต่างๆ มากมาย และยังมีโปรตีน แร่ธาตุ รวมไปถึงธาตุฟลูออไรด์ ที่ช่วยเพิ่มพละกำลัง บำรุงสุขภาพ นอกจากนี้เผือกยังมีคุณสมบัติพิเศษอีกอย่างคือ ช่วยป้องกันฟันผุได้

ยังมีซาลาเปาไส้ผักรวม ซึ่งแต่ละเจ้าที่ขายอาจจะใช้ผักแตกต่างกัน อย่่างไรก็ตามถือว่าผักนั้นมีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นประกอบด้วย ถั่วพู ที่มีสารอาหารที่ให้พลังงานสูงรวมถึงพวกวิตามินเอ  ซี และ อี แครอท เป็นผักที่มีวิตามินเอ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ลดความดันเลือด และยังทำให้อายุยืน นอกจากนี้ยังช่วยรักษาอาการตาพร่า ตาฟาง ให้กลับสว่างสดใสด้วย  เห็ด มีค่ากรดอะมิโนที่สามารถลดอัตราการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ทั้งยังช่วยล้างพิษที่สะสมในตับที่เกิดจากอาหารและสารพิษจากสุรา สารตกค้างในเนื้อสัตว์ สารเคมีจากเครื่องสำอาง และพิษจากสารอนุมูลอิสระ

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว การจะหาของรับประทานในยามที่ต้องกักตัวในบ้าน ไม่สามารถออกเดินทางไปหาซื้อข้าวของได้เช่นในเวลานี้ ซาลาเปา เสี่ยวหลงเปา รวมถึงหมั่นโถว นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของชีวิตที่ทำให้ไม่เบื่อ ที่สำคัญต้องเลือกเจ้าที่สะอาดและแพ็กเกจจิ้งที่ดีด้วย