โก โฮลเซลล์ จัดคอร์สเสริมความรู้ด้านอาหารญี่ปุ่นแก่ผู้ประกอบการ โชว์ความหลากหลายวัตถุดิบ จุดประกายไอเดียต่อยอด รับร้านอาหารญี่ปุ่นเติบโต

รู้หรือไม่? ประเทศไทยมีร้านอาหารญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 6 ของโลก ซึ่งเกิดขึ้นจากความนิยมรับประทานอาหารญี่ปุ่นของคนไทย ซึ่งในปี 2566 องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ได้สำรวจจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย พบมีกว่า 5,700 ร้าน แถมมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในหลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมทำเลทั่วประเทศ

นั่นทำให้ความสนใจในอาหารญี่ปุ่นยังอินเทรนด์อยู่เสมอ เช่นเดียวกับการจัดคอร์สเวิร์กชอป “เปิดสูตรลับเอาใจสายเจแปน” ณ โก โฮลเซลล์ สาขาศรีนครินทร์ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น และร้านอาหารทั่วไป ที่อยากมีเมนูจากแดนอาทิตย์อุทัยเอาไว้เป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้า

โดยมี “เชฟมุ้ย” ปรเมธ ประสานศักดิ์ สุดยอดเชฟกระทะเหล็กและเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่น เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ รวมถึงมุมมองต่อการบริโภคอาหารญี่ปุ่นของคนไทย พร้อมแชร์เทคนิค เคล็ดลับ สำหรับการนำไปใช้เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโต ผ่านวัตถุดิบคุณภาพ อาทิ ข้าวญี่ปุ่น สาหร่าย เครื่องปรุงรสต่างๆ ไข่กุ้งแช่แข็ง วาซาบิสดแช่แข็ง ปลาไหลญี่ปุ่น เนื้อวากิว ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ฯลฯ ที่มาจากแหล่งผลิตมาตรฐาน สด สะอาด ปลอดภัย

เชฟมุ้ย เล่าว่า ปัจจุบันเทรนด์การบริโภคอาหารญี่ปุ่นของคนไทย ต้องการประสบการณ์ที่หลากหลายและมีความแปลกใหม่มากขึ้น ทั้งในด้านสินค้าและบริการ จึงเกิดรูปแบบใหม่ของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น เช่น โอมากาเสะ ซูชิสายพาน โชว์ในเรื่องคุณภาพ ความหลากหลาย ความสดใหม่ของวัตถุดิบ ในราคาที่ผู้บริโภคสามารถเอื้อมถึง

“หากพูดถึงอาหารญี่ปุ่น ความสดใหม่ของวัตถุดิบถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะอาหารญี่ปุ่นจะไม่เน้นการปรุงมาก แต่เน้นการชูรสชาติความอร่อยของวัตถุดิบ ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์การบริโภคที่เน้นการบริโภคอาหารจากวัตถุดิบธรรมชาติผ่านการปรุงแต่งน้อย และต้องคำนึงถึงเรื่องสุขภาพ ความยั่งยืน”

1239169
1239173

งานนี้เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่น ได้สาธิตการทำเมนู “เนื้อวากิวไทย คัตสึซันโด” กับเมนู “ปลาแซลมอนเผา เสิร์ฟพร้อมสลัดซอสโยสึคะ” โดยเขาแนะนำเทคนิค การหั่นปลา เก็บปลา รวมถึงสูตรลับต่าง ๆ ในการชูรสชาติความอร่อยของวัตถุดิบที่สามารถนำไปใช้ได้จริง สร้างความพึงพอใจให้ผู้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้อย่างมาก

“ผู้ประกอบการที่ต้องการประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจอาหารญี่ปุ่น ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม พัฒนาทักษะต่าง ๆ อยู่เสมอ ที่สำคัญต้องรักในการประกอบการอาหาร ต้องเข้าใจอาหาร และให้ความสำคัญกับการเลือกสรรวัตถุดิบ เพื่อรังสรรค์เมนูอาหารที่มีคุณภาพ และมีรสชาติอร่อย ส่วนเรื่องการสร้างสรรค์คอนเทนต์ และการใช้สื่อโซเชียล เป็นเรื่องรองลงมา เพราะถ้าอาหารมีรสชาติอร่อย มีคุณภาพ สดใหม่ ประทับใจผู้บริโภค จะเกิดการแชร์และส่งต่อในโลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน”

เชฟมุ้ย เสริมด้วยว่า “ที่โก โฮลเซลล์ มีวัตถุดิบสำหรับทำอาหารญี่ปุ่นให้เลือกหลากหลาย ราคาสมเหตุสมผล ซึ่งจะเกิดประโยชน์ในการนำไปต่อยอดทางธุรกิจ ทำให้กลุ่มคนรักชอบอาหารญี่ปุ่นมีเมนูอาหารใหม่ ๆ ในราคาที่เอื้อมถึงได้เป็นอย่างมาก”


โก โฮลเซลล์ (GO Wholesale) เป็นศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารระบบสมาชิกในราคาขายส่ง จุดหมายใหม่เพื่อผู้ประกอบการ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล มีพันธกิจสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่ง พัฒนาความรู้และทักษะอาชีพให้แก่ผู้ประกอบการในธุรกิจอาหาร ร้านอาหาร และธุรกิจร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องอาหารสด อาหารแช่แข็ง ขนาดใหญ่ “House of Fresh” รวมถึง วัตถุดิบนำเข้าจากทั่วโลก ปัจจุบันมี 8 สาขาทั้ง ศรีนคิรนทร์ เชียงใหม่ อมตะชลบุรี พัทยาใต้ พระราม 2 รังสิต รามคำแหง ราไวย์ และกำลังจะเปิดสาขาที่ 9 สาขาเมืองภูเก็ตในเร็วๆ นี้

สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กชอปดีๆ กับ โก โฮลเซลล์ สามารถสอบถามตารางเวิร์กชอปได้ที่ โก โฮลเซลล์ทุกสาขา หรือที่หน้าเพจเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/gowholesaleth/

เปิดตัว “นิปปอน โยโคโจว” ชูจุดขาย 5 ร้านอาหารในที่เดียว ตอบโจทย์คนรักอิซากายะ

อิมแพ็ค เมืองทองธานี ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม ควบคู่กับการพัฒนาธุรกิจด้านอาหารและการบริการมาโดยตลอด ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครืออิมแพ็ครวมทั้งหมด 19 แบรนด์ 29 สาขา โดยล่าสุดได้เปิดตัวอีกหนึ่งร้านอาหารญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ “นิปปอน โยโคโจว” ซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์อิซากายะ ที่ยกเอา 5 แบรนด์อาหารญี่ปุ่นมารวมไว้ในที่เดียว โดยได้เริ่มให้บริการเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ณ บริเวณชั้น 1 ฟู้ดเอเทรี่ยม อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

คุณพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า “ด้วยจุดเด่นของสถานที่ที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์แสดงสินค้า อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งมีผู้มาจัดงานและเดินทางมาชมงานไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนต่อปี การขยายธุรกิจด้านร้านอาหารจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ปัจจุบัน ที่อิมแพ็คมีร้านอาหารหลากหลายประเภทให้บริการ ทั้งอาหารไทย อีสาน ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง อิตาเลียน ไอริช ฟิวชั่น รวมไปถึงคาเฟ่ และฟู้ดคอร์ท โดยสำหรับร้านอาหารญี่ปุ่นใหม่ “นิปปอน โยโคโจว” เราได้ใช้เงินลงทุนไป 20 ล้านบาท คัดสรรเมนูอาหารสไตล์อิซากายะ หรือเมนูกินดื่ม ในคอนเซปต์ใหม่ที่มาจากชื่อร้าน ซึ่ง “โยโคโจว” หมายถึง ถนน หรือตรอกเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารญี่ปุ่น ตลอดจนผับบาร์สไตล์อิซากายะ ถือเป็นแหล่งรวมความอร่อยและความบันเทิง เราจึงได้ยกความอร่อยแบบดั้งเดิมสไตล์โยโคโจวที่อยู่ในย่านท่องเที่ยวชื่อดังของญี่ปุ่นอย่างย่านฮาราจูกุ และชิบูย่า มาจำลองรวมไว้ที่ “นิปปอน โยโคโจว” ในที่เดียว ภายใต้ 5 แบรนด์ ซึ่งประกอบด้วย 

1. อิกคุสะ (Ikusa) ร้านยากิโทริ และเมนูย่างฟางสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ

2. เทมปาจิ (Tempachi) ร้านเทมปุระ

3. ไทเรียวมารู (Tairyo Maru) ร้านซาชิมิและซูชิชั้นเลิศ

4. ทงทง (Ton Ton) หลากหลายเมนูอร่อยจากเนื้อหมู และ

5. ไทโกะ อูด้ง (Taiko Udon) ร้านอูด้งเลิศรส

 

เชฟอิซาโอะ ยามะกูจิ

โดยทั้งหมดมีเชฟชาวญี่ปุ่น อิซาโอะ ยามะกูจิ เชฟใหญ่ที่มากด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี เป็นผู้ดูแลภาพรวมและคิดค้นเมนูเมนูซิกเนเจอร์ต่างๆ อาทิ “คัตสึโอะ สไตล์ไอนันโจวย่างฟาง” เมนูย่างฟางหารับประทานยากที่ใช้ปลาคัตสึโอะจากจังหวัดโคจิมาย่างจนหอมกรุ่น “อุด้งร้อน กุ้งเทมปุระ ซอสครีมเมนไท” อุด้งเหนียวหนึบ คลุกเคล้าด้วยซอสครีม และไข่ปลาเมนไทโกะ “นาเบะอากะหมูสไปซี” นาเบะหมูนุ่มๆ รสชาติเผ็ดร้อน แต่กลมกล่อม รวมไปถึงเมนูซูชิ ซาชิมิ เนื้อนึ่งสูตรพิเศษ ข้าวอบสไตล์ญี่ปุ่น เทปันยากิ อาหารเซตสุดคุ้ม เนื้อวากิว A5 สุดพรีเมียม เมนูจากปูฮอกไกโด ของหวาน และเครื่องดื่ม ที่มีให้ลิ้มลองรวมกว่า 150 รายการ ซึ่งการเปิดตัวร้านใหม่ในครั้งนี้ เราต้องการเพิ่มความหลากหลายให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ และเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนรักอาหารและบรรยากาศสไตล์อิซากายะอย่างแท้จริง เหมาะสำหรับการสังสรรค์กับเพื่อนและครอบครัว”

สำหรับการตกแต่งภายในร้านได้จำลองตรอกโยโคโจวของญี่ปุ่น โดยเน้นสีสันสดใสที่ให้บรรยากาศที่สนุกสนาน เพิ่มความสวยงามด้วยโคมไฟแบบญี่ปุ่น ให้บริการบนพื้นที่ขนาด 392 ตารางเมตร สามารถรองรับลูกค้าได้ 164 ที่นั่ง และมีห้องส่วนตัว 1 ห้อง ในส่วนของห้องครัวจะเป็นแบบครัวเปิดที่สามารถเห็นเชฟประกอบอาหารได้ทุกขั้นตอน ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหารได้เป็นอย่างดี

ร้านอาหารญี่ปุ่น “นิปปอน โยโคโจว” พร้อมเปิดประสบการณ์ความสุขในการกินดื่มแบบญี่ปุ่นมาไว้ที่ชั้น 1 ฟู้ดเอเทรี่ยม อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 20.00 น. สำหรับวันที่จัดงานเปิดให้บริการเวลา 11.00 – 24.00 น. สำรองความอร่อย โทร. 02-580-1664 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและติดตามอัปเดตจากทางร้านได้ทางเฟซบุ๊ก: Nippon Yokocho อินสตาแกรม: Nippon Yokocho และ TikTok: Nippon Yokocho

“นำเสนอ 7 เมนูแห่งแรงบันดาลใจในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ภายใต้แคมเปญ Mikami Special Teishoku”

เซ็นเรสเตอร์รอง  ร้านอาหารญี่ปุ่นประเภท Authentic Japanese สำหรับครอบครัว กลับมาอีกครั้งพร้อมกับการรังสรรค์เมนูแห่งแรงบันดาลใจสุดพิถีพิถัน  ร่วมกับ  มร.ฮิโรกิ มิคามิ มาสเตอร์เชฟชื่อดังชาวญี่ปุ่น ผู้มากด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี โดดเด่นด้วย 7 เมนูอาหารชุดเทโชกุในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ กับแคมเปญ ‘Mikami Special Teishoku’ *มาพร้อมกับสิทธิ์แลกซื้อแซลมอนซาชิมิ ลด 50% ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.- 31 ส.ค. นี้

ร้านอาหารญีปุ่น ZEN ร่วมกับ มร.ฮิโรกิ มิคามิ มาสเตอร์เชฟจากร้าน Sushi Cyu and Carnival Yakiniku ร่วมกันรังสรรค์ 7 เมนูอาหารชุดเทโชกุ ด้วยความใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด ไม่เพียงแต่รสชาติและกลิ่นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงหน้าตา รูปลักษณ์ และการจัดวางซึ่งมีความหมายสะท้อนถึงความใส่ใจต่อรสชาติที่เกิดจากวัตถุดิบตามธรรมชาติ และเป็นเสมือนศิลปะในการทานอาหาร อันเป็นวัฒนธรรมชั้นเลิศของประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าใจและได้รับประสบการณ์อันเข้าถึงแก่นแท้ของอาหารสไตล์ญี่ปุ่น

อาหารจานหลักทุกชุด เสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ หอมนุ่ม ซุปมิโซะ และอาหารจานรอง  ได้แก่ ไข่ตุ๋น ผักสลัด ผักดองเกลือ และสาหร่ายวากาเมะ ปิดท้ายด้วยพานาคอตต้า  ขนมหวานในแบบฉบับของเซ็น

อร่อยกับ 7 เมนู ครบชุดในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ กับเซ็นได้ในราคาเริ่มต้นเพียงชุดละ 220 บาท ทั้งชุด Tori Karaage Teishoku (เทโชกุไก่คาราอาเกะ) Pork Teppanyaki Teishoku (เทโชกุหมูกะทะร้อน) Kurobuta Tonkatsu Teishoku (เทโชกุคุโรบุตะทงคัตสึ) Salmon Teriyaki Teishoku (เทโชกุแซลมอนย่างซีอิ๊ว) Salmon Shioyaki Teishoku (เทโชกุแซลมอนย่างเกลือ) Shima Hokke Teishoku (เทโชกุปลาชิมาฮอกเกะ) Unaju Teishoku (เทโชกุข้าวหน้าปลาไหล)

นอกจากนี้พิเศษสำหรับลูกค้า เมื่อสั่งเมนูในแคมเปญ ‘Mikami Special Teishoku’ เมนูใดก็ได้ รับสิทธิ์แลก ซื้อแซลมอนซาชิมิลด 50% ในราคา 160/190* บาท จากราคา 320/380* บาท *(ราคานี้เฉพาะสาขาเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช, เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย, เซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต, เซ็นทรัลภูเก็ต ฟลอเรสต้า และเซ็นทรัลป่าตอง)

มาร่วมสัมผัสประสบการณ์การทานอาหารญี่ปุ่นแบบ “เทโชกุ” ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ถึง 31 ส.ค. นี้ สามารถติดตามรายละเอียด และเมนูส่วนลดเพิ่มเติมอื่นๆ ได้ที่ facebook : https://www.facebook.com/Zenjapaneserestaurant/ Instagram : @Zen_restaurant Line: @Zenrestaurant

พูดถึงการกิน หอยนางรม คนไทยมักนึกถึงการกินแบบสด หรือหากเป็นเมนูปรุงสุกก็คือออส่วน แต่คนญี่ปุ่นนั้นมีวิธีกินหอยนางรมที่แตกต่างไปจากบ้านเราอยู่บ้างเหมือนกัน หนึ่งในนั้นก็คือ “การนำไปชุบเกล็ดขนมปังทอด”

ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ เป็นฤดูกาลแห่งการกินหอยนางรม ร้านอาหารญี่ปุ่นหลายร้านจึงพร้อมนำเสนอเมนูหอยนางรมทอดให้คนรักซีฟู้ดได้ลองชิมกัน

ร้านที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ “ซาโบเตน” (Saboten) ร้านอาหารญี่ปุ่นที่โดดเด่นเรื่องของทอดแบบ “ทงคัตสึ” หรือการนำไปชุบเกล็ดขนมปังทอด เมนูหอยนางรมทอดที่ซาโบเตนจึงเป็นอะไรที่แฟนๆ รอคอย

เมื่อเทศกาลหอยนางรมกลับมาที่ซาโบเตนอีกครั้ง “มติชนอคาเดมี” จึงไม่พลาดที่จะพาทุกคนไปลิ้มรสความอร่อยนี้กัน

ร้านซาโบเตนที่ไปชิมในครั้งนี้คือสาขาสยามพารากอน ชั้น 4 ที่จริงหลายคนอาจรู้จักหรือเคยได้ยินร้านนี้มาบ้างแล้ว ด้วยเป็นร้านทงคัตสึที่เปิดในญี่ปุ่นมากว่า 50 ปี มีสาขามากกว่า 500 สาขา เป็นสาขาในญี่ปุ่นกว่า 400 สาขา และยังกระจายตัวอยู่ในประเทศอื่นๆ อีก เช่น เกาหลี จีน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ แคนาดา รวมถึงไทย ซึ่งที่ไทยนั้นเปิดมาประมาณ 10 ปี ปัจจุบันมีอยู่ 6 สาขาด้วยกัน

ชุดของซาโบเตน ยังไม่รวมไอศกรีม บริการพิเศษ เติมกะหล่ำปลีฝอย น้ำซุป ข้าว และชาเขียวร้อน/เย็น ได้ไม่อั้น

บางคนสงสัยว่าซาโบเตนที่ไทยเป็นแฟรนไชส์จากญี่ปุ่นหรือเปล่า?

ขอเล่าให้ฟังสักนิดว่าเป็นการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Joint Venture ระหว่างบริษัท กรีน เฮ้าส์ บริษัทแม่ของร้านซาโบเตนที่ญี่ปุ่น กับบริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ กลายเป็นบริษัท เพรซิเดนท์ กรีน เฮ้าส์ ฟู้ดส์ จำกัด

ถึงแม้จะดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Joint Venture แต่ความอร่อยของซาโบเตนไทยก็ไม่แพ้ที่ญี่ปุ่นเลย เพราะญี่ปุ่นได้กำหนดมาตรฐานตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้ ขั้นตอนการปรุง โดยให้นำเข้าเฉพาะซอสทงคัตสึและงาเท่านั้น ส่วนวัตถุดิบหรือเครื่องปรุงอื่นๆ สามารถใช้ในประเทศไทยได้ แต่ต้องได้มาตรฐานจากญี่ปุ่นก่อน

นอกจากนี้ ทางญี่ปุ่นได้กำหนดมาตรฐานขั้นตอนการบริการของพนักงาน ไปจนถึงเทศกาลอาหารในแต่ละฤดูกาลให้เหมือนกับในญี่ปุ่น ซึ่งรวมไปถึงเทศกาลหอยนางรมด้วย

ชุดหอยนางรมทอดและทงคัตสึสันนอก

ในเมื่อมากินหอย เรามาดูเมนูในเทศกาลหอยนางรมกันดูบ้าง

ร้านซาโบเตนจัดเมนูหอยนางรมทอดมาในเซตทงคัตสึ 4 แบบ คือ หอยนางรมทอดคู่กับทงคัตสึสันในและกุ้งทอด, คู่กับทงคัตสึสันใน, คู่กับทงคัตสึสันนอก และคู่กับทงคัตสึไก่ ซึ่งในแต่ละเซตจะมีข้าวญี่ปุ่น กะหล่ำปลีฝอย น้ำซุปมิโสะ ชาเขียวร้อนหรือเย็น แตงกวาดอง และไอศกรีมชาเขียวมัทฉะ ซึ่ง 4 อย่างแรกสามารถเติมได้ไม่อั้นเลย

หอยนางรมทอด แบบสั่งแยก

หรือใครอยากกินเฉพาะหอยนางรมทอด ก็สามารถสั่งแบบแยกมาได้เช่นกัน 1 จานมี 2 ตัว ราคา 240 บาท

ด้วยความอยากกินหลากหลายเลยสั่ง “ชุดหอยนางรมทอดสุพรีม” ราคา 460 บาท มาพร้อมกับหอยนางรมทอด 2 ตัว มินิคัตสึสันใน (เล็ก) 1 ชิ้น กุ้งทอด 1 ตัว และของอื่นๆ ในเซต รอไม่ช้าไม่นานความอร่อยก็มาวางอยู่ตรงหน้า วิธีการกินก็คือให้บีบเลมอนลงบนหอย จากนั้นนำไปจิ้มกับทาร์ทาร์ซอส (ซอสสีขาวที่เสิร์ฟมาด้วย) รสสัมผัสเมื่อกัดไปคำแรกต้องบอกว่าดีงามเกินบรรยาย ตั้งแต่เกล็ดขนมปังที่กรอบพิเศษ ไม่อมน้ำมัน ซึ่งซาโบเตนใช้เกล็ดขนมปังสดจากบริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ฯ ที่ผลิตขึ้นแบบพิเศษสำหรับร้านซาโบเตนโดยเฉพาะ มีอายุแค่ 3 วัน แต่ซาโบเตนใช้สดใหม่ทุกวัน

ชุดหอยนางรมทอดสุพรีม

ส่วนหอยนางรมข้างในสุกกำลังดี แต่ยังมีความฉ่ำ หวานละมุน ซึ่งเคล็ดลับความหวานนี้เป็นเพราะเขาเลือกใช้หอยนางรมจากฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขนาดไม่ได้ใหญ่มากเหมือนหอยนางรมจากเมืองอื่น แต่มีรสหวานฉ่ำ คนชอบกินหอยนางรมรับรองเป็นต้องฟิน

เนื้อหอยนางรมจากฮิโรชิม่า ฉ่ำ หวาน

ถัดจากหอยนางรมมาที่สันในทงคัตสึกันบ้าง แต่ก่อนจะกินขอปรุงน้ำซอสกันก่อน วิธีการคือให้เราใช้ไม้ที่มากับถ้วย บดงาในถ้วยประมาณ 4-5 ครั้ง แล้วตักน้ำซอสในโถสีเทาที่วางอยู่บนโต๊ะอยู่แล้วมาใส่ประมาณ 3 กระบวย จากนั้นคนให้เข้ากัน ก็จะได้ซอสทงคัตสึแล้ว

ถ้วยงา และไม้บดที่ทำมาจากไม้ตระกูลพริกไทย

พูดแล้วไม่รอช้า คีบชิ้นหมูสันในซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ติดมันจิ้มกับซอสเข้าปาก แม้ผ่านไปหลายนาทีแต่เกล็ดขนมปังข้างนอกยังกรอบจนกัดดังกร้วมๆ ส่วนหมูก็นุ่ม ไม่แห้งจนเกินไป ที่สำคัญคือไม่อมน้ำมัน จิ้มกับน้ำซอสเล็กน้อยกำลังดี แต่ถ้าจิ้มเยอะเกินไปอาจจะเข้มข้นไปนิด

เคล็ดลับความอร่อยของทงคัตสึที่นี่อยู่ที่ “การทอด” ซึ่งจะใช้วิธีทอดให้สุกประมาณ 90% จากนั้นนำขึ้นมาพักไว้ ซึ่งนอกจากจะทำให้สะเด็ดน้ำมันมากขึ้นแล้ว ยังเป็นเทคนิคที่ทำให้ความร้อนที่ยังเหลืออยู่ระอุเนื้อต่อ ทำให้เนื้อที่ได้จะไปไม่แห้งจนเกินไป แต่จะนุ่มและฉ่ำมากกว่าเดิม

ทงคัตสึชุดพิเศษซาโบเตน

ส่วนกะหล่ำปลีฝอยก็มีน้ำสลัดให้เลือกกินตามใจชอบ 2 แบบ คือ น้ำสลัดข้น ที่จะมีรสหวาน มัน เปรี้ยวปลายเล็กน้อย และน้ำสลัดใสที่มีรสออกเปรี้ยวเค็ม ลองกินคู่กับน้ำสลัดข้นแล้วเข้าท่าทีเดียว ราดแต่พอเล็กน้อยก็อร่อยแล้ว ส่วนกะหล่ำปลีที่ใช้เป็นกะหล่ำปลีออร์แกนิคจากเชียงราย ผ่านวิธีการล้างหลายชั้นตอน รวมถึงการนำไปช็อกน้ำแข็ง ทำให้กะหล่ำปลีที่ได้ยังกรอบ เย็น เวลากินกับน้ำสลัดแล้วรู้สึกสดชื่น

น้ำสลัดและน้ำซอสทงคัตสึ

ส่วนน้ำซุปมิโสะก็รสชาติใช้ได้ รสกำลังนวล กลมกล่อม ไม่เค็มเกินจนรู้สึกแปร่งๆ ข้าวญี่ปุ่นก็หอมนุ่ม กินกับของทอดเข้ากันดีอย่าบอกใครเลย

นอกจากเมนูทงคัตสึแล้ว สำหรับใครที่ควบคุมไขมัน หรือไม่อยากกินเมนูทอด ที่นี่ยังมีเมนู สเต๊กแซลม่อน ซึ่ง “อภิเศรษฐ ธรรมมโนมัย” กรรมการรองผู้อำนวยการ บริษัทเพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) บอกว่า มีแต่ที่ไทยเท่านั้นที่เมนูนี้ เพราะ “อภิชาติ ธรรมมโนมัย” กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือคุณพ่อของอภิเศรษฐ ชอบเมนูนี้นั่นเอง

ชุดสเต๊กแซลม่อนย่าง

ก่อนจะกลับขอปิดท้ายด้วยของหวานที่มีมาในเซตอย่าง “ไอศกรีมชาเขียวมัทฉะ” สกู๊ปโต รสชาติหวานละมุนกำลังดี เนื้อไอศกรีมเนียน หอมกลิ่นชาเขียวนิดๆ ปิดท้ายมื้ออร่อยได้อย่างลงตัว

ไอศกรัมชาเขียวมัทฉะ ของหวานปิดท้ายที่มีอยู่ในเซต

ใครสนใจอยากมาชิมเมนูหอยนางรมทอด เมนูที่หนาวนี้ไม่ควรพลาด ก็สามารถมาลองได้ที่ซาโบเตนทั้ง 6 สาขา ตั้งแต่วันนี้-31 มกราคม 2561 ใครพลาดก็อาจต้องรอไปถึงฤดูหนาวถัดไปเลย!

สำหรับคนที่ชอบกินบุฟเฟ่ต์ โดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น เชื่อว่าสิ่งที่หลายคนเคยประสบพบเจอเหมือนกันคือ พอเรียกว่าเป็นบุฟเฟต์ ก็มักจะได้อาหารไม่สดบ้าง เกรดไม่ค่อยมีคุณภาพบ้าง หรือได้ไม่กี่เมนู ต้องอัพราคาขึ้นไปอีกเพื่อให้ได้กินหลากหลายขึ้น หรือคุณภาพดีขึ้น

แต่ไม่ใช่กับร้าน “ฮินะ” (Hina) ร้านอาหารญี่ปุ่นเกรดคุณภาพเยี่ยมกลางศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ที่ล่าสุดได้เปิดตัวเทศกาลบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นที่คัดสรรค์วัตถุดิบมาเป็นอย่างดี สด ใหม่ ด้วยการรันตีว่าซื้อของใหม่ทุกวัน โดยขนมากว่า 70 เมนูให้ทุกคนลิ้มชิมรส ในราคาเพียงคนละ 599+ บาทเท่านั้น

ก่อนจะพาไปชิมขอพูดถึงร้านฮินะสักนิด “ฮินะ” เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ให้บริการมาตั้งแต่ปลายปี 2559 ตั้งอยู่บนชั้น 6 ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ตกแต่งด้วยลวดลายสไตล์ญี่ปุ่น ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นตุ๊กตาเจ้าหญิงญี่ปุ่น หรือฮินะ ที่เห็นตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงด้านใน ซึ่งตุ๊กตาเจ้าหญิงนี้ชาวญี่ปุ่นจะนำมาจัดในเทศกาลวันเด็กผู้หญิง เพื่อขอพรให้ลูกสาวมีความสุข สุขภาพแข็งแรง และทุกคนในครอบครัวก็จะมากินอาหารร่วมกันเพื่อฉลองเทศกาลนี้ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้สร้างร้านที่แสดงถึงเจ้าหญิงผู้มีความรู้ด้านอาหารญี่ปุ่นเป็นอย่างดี และสามารถรังสรรค์เมนูต่างๆ ที่เหมาะสมตามฤดูกาล

รู้ประวัติกันพอหอมปากหอมคอ เข้าสู่ช่วงชวนหิวกันดีกว่า เริ่มต้นด้วยเมนูแรก แซลมอน ซาชิมิ (ราคาปกติ 339 บาท) เสิร์ฟแซลมอนเนื้อลายสีส้มสวยชิ้นโตๆ มา 5 ชิ้น เนื้อแซลมอนสด หวาน คุณภาพดีแบบไม่ต้องพูดเยอะ

เอาใจแซลมอนเลิฟเวอร์กันต่อด้วยเมนู Hina Salmon Roll (ราคาปกติ 399 บาท) เมนูมากิที่มาพร้อมกับแซลมอนกริลล์ไฟเล็กน้อย พร้อมเนื้ออโวคาโด แต่ละคำจึงให้รสสัมผัสละมุนลิ้น เข้ากันดีกับซอสสูตรพิเศษจากทางร้าน ชนิดที่ไม่ต้องจิ้มโชยุเพิ่มเลย

ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือซาชิมิซิกเนเจอร์ของร้าน Hina Signature Don หรือข้าวหน้าปลาดิบรวม (ราคาปกติ 390 บาท) รวบรวมปลาดิบคุณภาพดี ได้แก่ เนื้อปลาแซลมอน เนื้อปลามากุโระ เนื้อปลาฮามาจิ ปลาไหล ครีบปลาเอ็นกาวะ และหอยโฮตาเตะมาไว้ในชามเดียว คนรักซาชิมินี่พลาดไม่ได้

จากเมนูดิบมาสู่เมนูสุกกันบ้าง เริ่มต้นด้วยเมนู Salmon Shio Yaki (ราคาปกติ 290 บาท) มาพร้อมกับเนื้อปลาแซลมอนชิ้นโตย่างพอสุก โรยเกลือป่นเพื่อดึงรสชาติให้กลมกล่อมมากขึ้น เพิ่มความเก๋ด้วยการเสิร์ฟร้อนมาบนเตาฮิดะที่มีถ่านมาให้ด้วย

อีกเมนูกินได้ทุกเพศทุกวัยที่อยู่ในบุฟเฟ่ต์นี้ด้วย คือ Ebi Tempura (ราคาปกติ 220 บาท) ใช้กุ้งตัวโตชุบแป้งเทมปุระสูตรพิเศษ เคล็ดลับคือทอดในน้ำมันอุณหภูมิ 160-170 องศาเซลเซียส ทำให้ได้กุ้งเทมปุระที่กรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน แม้ทิ้งไว้นานก็ยังกรอบอยู่

เปลี่ยนจากสายเนื้อมากินผักกันบ้าง กับเมนู สลัดปลาเงิน (ราคาปกติ 179 บาท) ความพิเศษอยู่ตรงที่สามารถนำสลัดมาผสมเองได้ ซึ่งเชฟจะเสิร์ฟผัก ปลาเงินทอด ไข่ปลาแซลมอน และน้ำสลัดแยกมาให้ จากนั้นให้นำทุกอย่างมาใส่ขวด เขย่าๆ แล้วเทออกมาก็จะได้สลัดแสนอร่อยจานนี้แล้ว ซึ่งนอกจากผักจะสดกรอบ ทีเด็ดยังอยู่ที่น้ำสลัดที่ได้รสเปรี้ยว ตัดรสชาติอาหารญี่ปุ่นจานอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี

มาถึงจานเด็ดที่ส่วนตัวเราชอบเป็นพิเศษ ข้าวไรซ์เบอร์รี่แซลมอนซอสเทอริยากิ (ราคาปกติ 250 บาท) เมนูสุขภาพที่ร้านฮินะให้นักโภชนาการและฟู้ดสไตลิสต์มาทำงานร่วมกันเพื่อออกแบบเมนูนี้รับช่วงวันแม่ และได้รับการตอบรับดีจนยังวางขายอยู่ ตัวข้าวเป็นข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ของมาบุญครองที่ปลูกในประเทศไทย ได้ข้าวนุ่ม หอม ท็อปด้วยแซลมอนย่างซอสเทอริยากิรสชาติกลมกล่อม บล็อกโคลีต้ม ขิงดอง และไข่ออนเซ็น ฟินอย่าบอกใครเลยทีเดียว

ตบท้ายด้วยของหวานที่ในไทยหากินที่ไหนไม่ได้ พุดดิ้งน้ำเต้าหู้ ที่ด้านล่างเป็นตัวพุดดิ้งเนื้อเนียน ชั้นบนเป็นเนื้อมูสนุ่ม ราดด้วยผงถั่ว และไซรัปคาราเมล อร่อยจนอยากกินอีก

นี่เป็นแค่ส่วนที่แนะนำเท่านั้น แต่ในบุฟเฟ่ต์ยังมีอาหารจานเด็ดให้กินอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวหมูทงคตสึแกงกะหรี่ (ราคาปกติ 240 บาท) , ซีฟู้ดเทปันยากิ (ราคาปกติ 380 บาท), คามินาเบะหม้อไฟกิมจิ (ราคา 229 บาท) หรือถ้าใครกินเจ ร้านฮินะก็มีเมนู ซูชิเต้าหู้เจ (ราคา 99 บาท) ฯลฯ พิเศษสำหรับคนสั่งบุฟเฟ่ต์ มากินคนเดียวรับสเปเชียลซูชิ 1 คำ ถ้ามา 4 คน รับ 6 คำ แต่ถ้ามา 8 คน รับไปเลย 12 คำ ซึ่งสเปเชียลมี 6 หน้าด้วยกัน คือ ซูชิหน้าเนื้อวากิว, ซูชิหน้าไข่ปลาแซลมอน, ซูชิหน้ากุ้งอะมาเอบิ, ซูชิหน้าปลาฮามาจิ, ซูชิหน้าหอยโฮตาเตะ และซูชิหน้าปลามากุโระ

เอาเป็นว่าใครกำลังบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นราคาไม่แรงมาก แต่คึณภาพระดับพรีเมี่ยม แนะนำที่ร้านฮินะเลย มาไม่ยาก เดินทางสะดวก จัดเทศกาลบุฟเฟ่ต์ตั้งแต่วันนีั้-31 ธันวาคม 2561 นี้เท่านั้น!!

เอาใจสาวกอาหารญี่ปุ่นอีกครั้ง ห้องอาหารญี่ปุ่นฮากิ ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ท และ วิลลา หัวหิน ขอต้อนรับช่วงปลายฝนต้นหนาวด้วยเมนูข้าวญี่ปุ่น อร่อยจบ ครบเครื่อง กับเมนู ดงบุริ สไตล์ญี่ปุ่น หลากหน้าหลายสไตล์ อัดแน่นด้วยความอร่อยแบบญี่ปุ่นแท้ จากสุดยอดวัตถุดิบนานาชนิดที่ขนขบวนมาพร้อมเสิร์ฟให้คุณได้ลองรับประทานตลอดเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนนี้

สำหรับมื้อค่ำทุกวันอังคารถึงวันพฤหัสบดี ตลอดเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนนี้ ห้องอาหารญี่ปุ่นขึ้นชื่อประจำเมืองหัวหิน ฮากิ ขอเชิญทุกท่านมา อร่อยจบ ครบเครื่อง กับเมนู ดงบุริ สไตล์ญี่ปุ่น เมนูข้าวญี่ปุ่นหลากหน้าหลายสไตล์ อัดแน่นด้วยความอร่อยแบบญี่ปุ่นแท้ๆด้วยหลากหลายวัตถุดิบขึ้นชื่อที่ดีที่สุด ที่ห้องอาหารฮากิสรรหามาปรุงเป็นดงบุริจานพิเศษให้คุณได้ลองรับประทาน

เลือกอิ่มอร่อยกับ อุนาด้ง หรือ อูนางิ ดงบุริ เมนูข้าวหน้าปลาไหลสไตล์ญี่ปุ่นที่ทุกคนชื่นชอบ มาพร้อมควาหนานุ่มชุ่มฉ่ำของปลาไหลเนื้อแน่นชนิดพิเศษ ปรุงรสกลมกล่อมด้วยซอสปลาไหลย่างไฟสูตรดั้งเดิม ที่รับรองได้ว่าคุณไม่อยากจะอิ่มแน่นอน หรือจะลอง กิวด้ง ข้าวหน้าเนื้อสไตล์ญี่ปุ่น ยอดนิยมที่นำเสนอเนื้อวัวชิ้นหนาเกรดพรีเมี่ยมที่ดีที่สุด เพิ่มเติมความอร่อยครบเครื่องด้วยซอสเทริยากิรสชาติต้นตำรับ ไข่ออนเซ็นและไข่กุ้งเอบิโกะ เรียกได้ว่าถูกใจทุกท่านที่ชอบเมนูเนื้ออย่างแน่นอน อีกหนึ่งสุดยอดเมนูที่พลาดไม่ได้ ดงบุริ ฟัวกราส์ จานเด่น ที่ไม่เพียงแต่นำเสนอความอลังการด้วยฟัวกราส์ชิ้นโต แต่ยังมาพร้อมล็อบสเตอร์เนื้อแน่น และไข่ปลาแซลมอนอิคูระ เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดเมนูข้าวญี่ปุ่น ที่หารับประทานที่อื่นไม่ได้ นอกจากที่ห้องอาหารญี่ปุ่นฮากิ เท่านั้น

ไม่ว่าจะเลือกรับประทานเมนูข้าวญี่ปุ่น ดงบุริ สไตล์ไหน ห้องอาหารญี่ปุ่นฮากิ ขอรับรองความอร่อยจบ ครบเครื่องของทุกเมนูด้วยแต่ละวัตถุดิบที่ดีที่สุดและข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์แท้ ที่จะเพิ่มรสสัมผัสและความอร่อยแบบญี่ปุ่นๆในทุกคำตลอดมื้อค่ำอย่างแน่นอน ในโปรโมชั่นพิเศษล่าสุด อร่อยจบ ครบเครื่อง กับเมนู ดงบุริ สไตล์ญี่ปุ่น ให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง 30 พฤศจิกายน 2561 นี้ ราคาเริ่มต้น 450++ บาท

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ 0 3251 2021-38 หรืออีเมลล์ [email protected]

 

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งงานที่สาวกญี่ปุ่นมาแล้วคุ้มสุดๆ สำหรับงาน TOYOTSU Japan Festival 2018 เทศกาลสินค้าและอาหารจากประเทศญี่ปุ่นครั้งยิ่งใหญ่ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานที่ให้ทุกคนได้ช้อป ชิม ชม ชิลล์กับบรรยากาศแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น พร้อมชมการแสดงสุดพิเศษจากเหล่าศิลปินดารา มากมาย ภายในงานมีทั้งร้านอาหาร สิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ๆ ทันสมัย สะดวกสบาย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เป็นต้น

แต่ที่พลาดไม่ได้เลยคงจะเป็น “อาหาร” ที่ขนมาให้ชิมและช้อปเพียบ ชนิดที่ว่าแทบจะยกประเทศญี่ปุ่นมาไว้ตรงหน้าเลยทีเดียว งานนี้ “มติชนอคาเดมี” เลยขอพาชิม 5 ความอร่อยที่ต้องตามไปกินกันให้ได้!

1.อูด้งหน้าหมูทอดราดแกงเขียวหวาน

เมนูอูด้งหน้าหมูทอดราดแกงเขียวหวาน จากร้าน kimukatsu เสิร์ฟเส้นอูด้งร้อนๆเหนียวนุ่มกำลังดี พร้อมน้ำแกงเขียวหวานรสชาติเข้มข้น กินคู่กับ “คิมุคัทสึ” หมูทอด “มิลฟิล” คัตสึรสชาติดั้งเดิมของญี่ปุ่น เนื้อนุ่ม แน่นเต็มคำ เข้ากันได้ดีกับเส้นอูด้งและน้ำแกงเขียวหวาน นอกจากนี้ยังมีเมนู มินิเบอร์เกอร์ และตอติญ่าห่อหมูทอดสูตรพิเศษอีกด้วย

พิกัดร้าน : เซ็นทรัล พลาซา พระราม 3 ชั้น 6

2.โอบังยากิชาเขียวถั่วแดง

โอบังยากิจากร้าน Minamoto Kitchoan หรือเป็นที่รู้จักว่าคือขนมครกโบราณญี่ปุ่น เนื้อสัมผัสแป้งนุ่มกำลังดี ให้ไส้เยอะและไม่หวานมากจนเกินไป ยิ่งกินตอนที่เพิ่งทำเสร็จจากเตายิ่งอร่อย นอกจากนี้ยังมีเมนู ขนมโดรายากิไส้ถั่วแดงและเกาลัด , ขนมโมจิเนื้อนิ่มสอดไส้ถั่วแดงกวนคลุกเคล้าด้วยผงชาเขียว และไส้พีชญี่ปุ่น, ดังโงะย่าง เป็นต้น

พิกัดร้าน : อิเซตัน ชั้น 5 (เซ็นทรัลเวิลด์) , เอ็มควอเทีย ชั้น G โซนเทคโฮม

3.ซูชิ

มางานญี่ปุ่นทั้งทีจะไม่กินซูชิได้ไง โดยซูชิจากร้าน NIPPON TEI (นิปปอน เทอิ) ซึ่งเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นมามากกว่า 20 ปี มีเชฟมาทำซูชิให้กินแบบสดๆ เลย หรือที่เรียกกันว่า ซูชิแบบโอมากาเสะ ข้าวปั้นมาพอดีคำ ปลาสด เนื้อนุ่มหวาน และไม่คาว เวลากินแล้วเหมือนซูชิละลายในปาก ไข่ปลาแซลมอนเม็ดใหญ่ รสชาติอร่อย ให้เยอะเคี้ยวเพลินๆ

แต่ร้านนี้เขาก็ไม่ได้มีแค่ซูชิเท่านั้น แต่ยังมีเมนูอื่นๆ อีก ทั้งคาวทั้งหวาน เช่น ซาซิมิรวม, Sashimi Goten Mori, Kobe beef teriyaki, โซเมนเย็น, Negi Toro Don, ถั่วแดงร้อนที่มาพร้อมโมจิหนึบๆ , โมจิย่างโรยผงคินาโกะ เป็นต้น

พิกัดร้าน : ในกรุงเทพมี 3 สาขา – ราชดำริ , ราชประสงค์ , สยามพารากอน (ใช้ชื่อว่า The Grill Tokyo) นอกกรุงเทพมี 3 สาขา คือ ศรีราชา, อมตะนคร , สนามกอล์ฟเกียรติธานีคัน-ทรีคลัป

4.เกี๊ยวซ่า

เกี๊ยวซ่าจากร้าน OSAKA OHSHO หรือที่แปลได้ว่าเป็น “ราชาของเกี๊ยวซ่าแห่งโอซากา” จุดเด่นของร้านคือเกี๊ยวซ่าที่ปั้นสดๆ มีไส้แตกต่างกันถึง 3 ชนิด และห่อด้วยแผ่นเกี๊ยวซ่าสูตรพิเศษ กัดเข้าไปคำแรก ด้านหนึ่งกรอบ อีกด้านหนึ่งจะนุ่ม ส่วนไส้เกี๊ยวซ่าก็มีความชุ่มฉ่ำของส่วนผสมต่างๆไว้อย่างลงตัว

พิกัดร้าน : สาขาทองหล่อ, สาขาธนิยะ, สาขาเมกาบางนา

5.Iced Matcha

สิ่งที่ต้องมาคู่กันตลอดเมื่อพูดถึงญี่ปุ่น นั่นก็คือชาเขียวนั่นเอง มีเมนูเครื่องดื่มต่างๆ ทั้งพวกกาแฟ ชาเขียว จากร้าน CAFÉ KALDI (คาเฟ่คาลดี้) ที่ชงชาแบบดั้งเดิม ด้วยการตีด้วยตะกร้อชา ใครที่คอชาเขียวต้องไม่พลาด ความหวาน 25% รสชาติกำลังดี ไม่เข้มจนเกินไป แต่ก็ไม่หวานมาก หรือถ้าใครอยากได้รสชาติเข้มข้นแบบชาเขียวแท้เลยก็สั่งไม่ใส่นมได้จ้า

พิกัดร้าน : Esplanade , มาบุญครอง , JJ Mall

สำหรับใครที่พลาดงานนี้ไปก็สามารถไปตามพิกัดที่เราหามาให้ได้เลย หรือไม่ก็อาจจะต้องรองาน TOYOTSU JAPAN FESTIVAL ปีหน้าเลยจ้า!

ว่ากันตรงๆ ไม่อ้อมค้อม คนที่มองหาร้านอาหารญี่ปุ่นคุณภาพดี ในราคาสมเหตุสมผล โปรดตรงดิ่งมาที่ร้าน “โทระ ซูชิ” ย่านราชพฤกษ์ หนึ่งในร้านอาหารญี่ปุ่นสแตนด์อะโลน ที่โดดเด่นที่สุดร้านหนึ่งในตอนนี้

ไม่ต้องพูดถึงคุณภาพ หรือ ความสด ที่เป็นหัวใจหลักของอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว ยังมีเรื่องความชำนาญในการปรุงของเชฟแต่ละด้าน ที่ประจำการในร้านกว่า 20 ชีวิต คอยทำหน้าที่ป้อนความหฤหรรษ์ให้แบบไม่ขาดตอน

ประเภทซาซิมิ ซูชิ เลิศเลอสมระดับพรีเมียม ทั้งหน้าปลาดิบต่างๆ ไข่หอยเม่นอูนิที่เป็นลอนงามหอมหวานละลายในปาก ปลาไหลอุนางิหอมๆ ไปจนถึงฟรัวกราส์รสนุ่ม

แต่ที่พลาดไม่ได้ ไฮไลต์เด็ด 5 ซิกเนเจอร์สุดจี๊ดจ๊าด

จานแรกออเดิร์ฟไซซ์ซุปเปอร์บิ๊ก “สลัดปลาเงิน” (390 บาท) ทอดใหม่ทุกวัน ราดด้วยน้ำสลัดปรุงเองสูตรดั้งเดิม ให้รสชาติเปรี้ยว หวาน มัน เอามาคลุกเคล้ากับผักสดกรอบ กินแล้วชื่นใจ

 

ต่อมา “หัวปลาแซลมอนนึ่งซีอิ๊ว” (370 บาท) จานนี้มีดีต่างจากที่อื่น คือ จะใช้หัวปลาแซลมอนสดๆ ไปนึ่งกับสาเกให้หอม ส่วนน้ำนำมาปรุงแยกต่างหาก เพื่อให้เนื้อปลาคงความสด และ รสชาติเดิมแท้ คือ เนื้อฉ่ำ มัน และ หวาน แต่หลายคนอาจไม่คุ้นเคย

 

ดังนั้น วิธีรับประทาน คือ ต้องกินพร้อมกันทั้งน้ำและเนื้อจึงจะได้รสชาติที่เข้มข้นขึ้น

ส่วนใครที่ชอบความแปลกใหม่สร้างสรรค์ ต้องลอง “โรล” ต่างๆ ที่ใช้ซอสปรุงเองในแบบฉบับโทระซูชิ

โรลที่นี่เน้นไส้เต็มๆ ไม่เน้นข้าว คนชอบปลาไหลต้องลอง “อุนางิ โรล” (5 ชิ้น 490 บาท) ปลาไหลย่างหอมๆ ซอสเค็มหวานที่เคี่ยวใส่ก้างปลาจนละลายเป็นเนื้อเดียวกัน เพิ่มรสอูมามิ กินกันชิ้นโตๆ เต็มปากเต็มคำ หรือถ้าชอบแซลมอน ต้องลอง “แซลมอนครีมชีสเอ็นกาวะโรล” (5 ชิ้น 420 บาท) ครบรสหวานนิดเปรี้ยวหน่อยบวกความเผ็ดเล็กๆ เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า

จานต่อมา “สเต๊กปูทาราบะ” (2,900 บาท) เสิร์ฟพร้อมเสียงฉ่า ควันหอมฉุย ทำจากวัตถุดิบสดๆ จากฮอกไกโด นำมาปรุงกระทะร้อนสไตล์ญี่ปุ่นปรุงด้วยเนย สาเก โชยุ พริกไทยดำ ขับให้รสชาติปูที่ทั้งหวานทั้งเด้งกลมกล่อมมากขึ้น

สุดท้าย “แซลมอนแล่บางราดน้ำจิ้มซีฟู้ด” (410 บาท) ถือเป็นการฟิวชั่นที่เด็ดขาด รสชาติแซ่บยกกำลังสอง

“นุกูล เอี้ยวสถิตย์วงศ์” เจ้าของร้านโทระ ซูชิ บอกว่า เพราะเชื่อว่าคนที่กินอาหารญี่ปุ่นต้องการความชัดเจน สมเหตุสมผลตามราคา และ คุณภาพ ที่สำคัญครอบครัวมากินได้เรื่อยๆ แบบที่ไม่ต้องถูกหวยรวยเบอร์

“ทุกมื้อ คือ ความสุข ไม่ใช่แค่ลูกค้ามีความสุขนะ เราต้องมีความสุขก่อน เราปรุงด้วยความสุข แล้วอาหารจะคุยกับคุณเอง”

ว้าว..เพลิดเพลินระดับพรีเมียมราคาเอื้อมถึงมันฟินแบบเน้!


ที่มา คอลัมน์เคี้ยวตุ้ย…ตะลุยกิน นสพ.มติชน โดยชม นำภา [email protected]

สร้างสรรค์ 3 เมนูซูชิสไตล์โมเดิร์น ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของมหานครโตเกียว

ร้านอาหารญี่ปุ่นเซ็น ภายใต้เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป เปิดตัวแคมเปญ Tokyo Creation” สร้างสรรค์ 3 เมนูใหม่สุดพิเศษ ในรูปแบบซูชิสไตล์โมเดิร์น ที่โดดเด่นทั้งรสชาติและวัตถุดิบที่สดใหม่อยู่เสมอตามแบบฉบับเซ็น ผ่านการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกอย่างลงตัว โดยผูกเรื่องราวไปกับเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของมหานครโตเกียวที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งความสนุกสนานและวัฒนธรรมร่วมสมัย เมนูใหม่ทั้งสามนี้พร้อมให้ทุกท่านมาลิ้มลองแล้วที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเซ็นทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2561

ประเดิมเมนูแรกด้วย “แซลมอนทาวเวอร์” (Salmon Tower) ราคา 360 บาท* ครั้งแรกในประเทศไทยกับข้าวปั้นห่อด้วยเนื้อปลาแซลมอนสดชิ้นใหญ่เต็มคำถึง 3 ชั้น คุณภาพคัดสรรพิเศษส่งตรงจากประเทศนอร์เวย์ ท็อปปิ้งด้วยซอสอะโวคาโด และไข่ปลาแซลมอน ได้รับแรงบันดาลใจจากโตเกียว ทาวเวอร์ แลนมาร์กอันดับหนึ่งใจกลางเมืองโตเกียว

เอาใจคนรักชีสกับเมนูซูชิฟิวชั่นอย่าง “ซูชีส” (Su Cheese) ราคา 220 บาท* อีกหนึ่งเมนูที่สะท้อนถึงการรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาผสมผสานกับญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ซูชิแซลมอนโรลขนาดพอดีคำ อัดแน่นด้วยแซลมอนเนื้อนุ่ม เด้ง คลุกเคล้าด้วยไข่กุ้ง จิ้มซอสชีสรสชาติเข้มข้นกลิ่นหอมมันสูตรเฉพาะจากเซ็น ที่ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น จึงมั่นใจได้ถึงคุณภาพและความอร่อย

ปิดท้ายด้วยเมนู “มากิภูเขาไฟ” (Volcano Maki) ราคา 320 บาท* เมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากทัศนียภาพที่น่าหลงใหลของภูเขาไฟที่ปกคลุมด้วยหิมะ ถ่ายทอดออกมาเป็นอาหารเมนูพิเศษจานนี้ เนื้อปลาแซลมอนและทูน่าสดใหม่หั่นชิ้นลูกเต๋า คลุกเคล้าด้วยสไปซี่ซอสรสชาติเข้มข้น ราดบนซูชิโรลชิ้นใหญ่ พร้อมไข่กุ้งฉ่ำๆ เม็ดกลมโตที่ช่วยเสริมความกรุบกรอบ ทำให้เมนูจานนี้มีรสชาติจัดจ้าน ราวกับว่าภูเขาไฟกำลังจะปะทุขึ้นอีกครั้ง

เมนูใหม่ทั้งสามนี้ได้ถ่ายทอดความพิถีพิถันผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ของร้านอาหารเซ็น ในการนำเอาเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นมาประยุกต์เข้ากับซูชิ เกิดเป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารที่พิเศษ ไม่ต้องไปไกลถึงโตเกียว ก็สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายและลิ้มลองรสชาติอาหารจากประเทศญี่ปุ่นแท้ๆ ได้จากเมนูสุดพิเศษทั้งสามนี้ ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเซ็นทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2561 เท่านั้น

 

ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นและกิจกรรมสุดสนุกจากร้านอาหารเซ็นได้ที่เฟซบุ๊ก Zenjapaneserestaurant หรืออินสตาแกรม @Zen_restaurant

 

*ตามข้อกำหนดและเงื่อนไข

*ราคาสำหรับสาขาเซ็นทรัลสมุย, เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต และเซ็นทรัลพัทยาบีช – แซลมอนทาวเวอร์ ราคา 400 บาท, ซูชีส ราคา 250 บาท, มากิภูเขาไฟ ราคา 350 บาท

อาหารญี่ปุ่นยังคงความนิยมในไทยไม่เสื่อมคลาย ทั้งยังเพิ่มความนิยมในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง รวมถึงอินเดีย และประเทศในตะวันออกกลาง

ในงานจัดแสดงสินค้าอาหารญี่ปุ่น “เจแปน พาวิลเลียน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในงาน Thaifex 2018 องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือเจโทรฯ กรุงเทพ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือในการส่งเสริมการส่งออกสินค้าอาหารจากญี่ปุ่นมายังประเทศไทย ร่วมกับบริษัท “J Value” ผู้นำเข้าและผู้บริหารตลาดสินค้าตลาดอาหารภายใต้ JAL Group และ “Sagawa Advanced” บริษัทนำเข้าและจำหน่ายอาหารญี่ปุ่น เพื่อผลักดันการส่งออกอาหารญี่ปุ่นให้ถึงตามเป้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้า1 ล้านล้านเยน ภายในปี 2019

ภายใต้เอ็มโอยูดังกล่าว จะมีการจัดตั้ง “ตลาดญี่ปุ่นทองหล่อ” (JapanFresh Food market) ซึ่งจะเป็นตลาดสดญี่ปุ่นค้าส่ง แบบ B to B แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น เจาะกลุ่มลูกค้าประเทศไทย ประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงลูกค้าในตะวันออกกลาง พร้อมเปิดตัวในวันเสาร์ที่ 9 มิถุนายนนี้

“มิทสึฮิโระ มิยาโคชิ” ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ด้านการส่งออกอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามให้สัมภาษณ์ว่า ในการเดินทางเยือนไทยครั้งนี้ ได้พบปะเจรจากับผู้ประกอบการอาหารญี่ปุ่นของไทยหลายราย ซึ่งทุกคนล้วนบอกว่าผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่นคุณภาพดี และยังได้รับความนิยมเหมือนเคย ซึ่งสังเกตจากผู้มาเยี่ยมชมงาน Thaifex ปีนี้เห็นชัดว่าบูทอาหารญี่ปุ่นมีผู้เข้าชมเยอะกว่าอาหารประเภทอื่น

ทำให้เชื่อว่าประเทศไทย จะมีศักยภาพเป็นฮับส่งออกสำหรับประเทศอาเซียน รวมถึงประเทศอาหรับอื่น ๆ ได้ เนื่องจากคนชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นในไทยมีเยอะ และภาคเอกชนญี่ปุ่นเอง ก็อยากให้ไทยเป็นฮับในการกระจายสินค้า

“ในการเลือกประเทศที่จะเป็นฮับกระจายสินค้าอาหารญี่ปุ่น รัฐบาลไม่ได้เลือก แต่เป็นความต้องการของภาคเอกชน ที่อยากให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง รัฐบาลมีหน้าที่สนองให้เท่านั้น ซึ่งผมมองว่าประเทศไทยสามารถสร้างแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ และมีศักยภาพในการกระจายสินค้าไปยังประเทศที่ไกลออกไป เช่น อินเดีย หรือประเทศในตะวันออกกลาง” มิทสึฮิโระกล่าว

“ฮิโรกิ มิตสึมาตะ” ประธานเจโทรฯ กรุงเทพ เสริมว่า จากการได้ไปสำรวจตลาดญี่ปุ่นทองหล่อ ซึ่งปัจจุบันกำลังก่อสร้าง ตนคิดว่าที่นี่จะถูกปั้นให้เป็นคล้าย ๆ กับตลาด “ทสึคิจิ” ตลาดปลาอันโด่งดังที่ประเทศญี่ปุ่น ขายผักผลไม้ ปลา และเนื้อสัตว์ ซึ่งในอนาคต ก็น่าจะเป็นพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาหาซื้อวัตถุดิบด้วย รวมถึงประเทศในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเริ่มเห็นความนิยมในอาหารญี่ปุ่นชัดเจน และคนมีกำลังซื้อสูง ซึ่งหากเข้ามาซื้อในประเทศไทย ก็น่าจะสะดวกกว่า

ในเบื้องต้น ตลาดญี่ปุ่นทองหล่ออันเป็นความร่วมมือภายใต้ MOU จะเริ่มเน้นผู้ประกอบการร้านอาหารหรือโรงแรมในประเทศไทยก่อน และค่อยขยายสู่ประเทศอื่น ๆ ใกล้เคียง โดยช่วงแรกผู้ประกอบการจะต้องเข้ามาเลือกซื้อที่หน้าร้านด้วยตัวเองก่อน ขณะเดียวกันก็กำลังมองหาความร่วมมือด้านโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นในอนาคต

“เคนทาโร่ โมโตดะ” ผู้จัดการทั่วไปจากบริษัท J Value เผยว่า ตลาดอาหารสดขายส่งกลางกรุงทองหล่อเป็นอาคาร 2 ชั้น พื้นที่รวมราว 700 ตารางเมตร เบื้องต้นจะมีสินค้า 3 ไลน์ คือ ผักผลไม้ 100 ชนิด ปลา 100 ชนิด และเนื้อ 10 ชนิด โดยนี่คือ “ครั้งแรกในโลก” ที่นำโมเดลตลาดปลาทสึกิจิ มาทำนอกประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ผลสำรวจจากเจโทร กรุงเทพฯ ระบุว่า เหตุผลสำคัญให้ความสำคัญกับการส่งออกสินค้าอาหารญี่ปุ่นมาไทย โดยมูลค่าส่งออกในปี 2017 อยู่ที่ 11,730 ล้านเยน เพิ่มขึ้น 18.7% จากปีก่อนหน้า เพราะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางกระจายรายได้ไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย

โดยอาหารที่น่าสนใจที่จะใช้ไทยเป็นศูนย์กระจายสินค้า ได้แก่ อาหารเพื่อแปรรูปเป็นอาหารกระป๋อง เช่น ปลาทูน่า (คัตสึโอะ, มากูโระ) ปลาซาบะ และปลาซาร์ดีน ซึ่งมูลค่าส่งออกปัจจุบันอยู่ในระดับหลายพันล้าน โดยในงาน Thaifex ปี 2018 ทางเจโทรได้จัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจระหว่างผู้ผลิตอาหารในไทย และผู้ส่งออกจากญี่ปุ่น ภายในงานเจแปน พาวิลเลียนครั้งนี้ด้วย โดยมีบริษัทและองค์กรผู้ค้าอาหารญี่ปุ่น เข้าร่วม 78 บริษัท โดยปีนี้มีไฮไลต์อยู่ที่ “เหล้าอาวะโมริ” จากโอกินาวะ เนื่องจากเป็นเหล้าที่หมักโดย “ข้าวไทย” ที่ส่งออกไปยังโอกินาวะ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับประเทศไทยมาอย่างยาวนานถึง 600 ปี

“มิทสึฮิโระ มิยาโคชิ” บอกว่า เหล้าอาวะโมริ เป็นดั่งทูตวัฒนธรรมระหว่าง 2 ประเทศ ไทย-ญี่ปุ่น และเป็นเหล้าที่ “ชินโซ อาเบะ” นายกรัฐมนตรีแห่งญี่ปุ่นดื่มทุกวัน

 


ที่มา นสพ.ประชาชาติธุรกิจ