ถ้าให้นึกถึงเมนูคลาสสิกกินเท่าไหร่ไม่มีเบื่อ หนึ่งในนั้นเชื่อว่าต้องมี “ข้าวผัด” ติดโผอยู่ด้วยอย่างแน่นอนเพราะว่าข้าวผัดเป็นอะไรที่กินง่ายถูกปากทุกเพศทุกวัย
ข้าวผัดนอกจากวัตถุดิบแล้ว แน่นอนว่าคนผัดต้องมีเทคนิค สูตรการปรุง และสกิลที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่ว่าใครก็ผัดอร่อย
อีกหนึ่งร้านที่ขายข้าวผัดจนโด่งดัง คนรู้จักทั่วบ้านทั่วเมือง คือ ข้าวผัดปูเมืองทอง ร้านแรกเลยตั้งอยู่ที่เมืองทอง แต่หลายคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้จะรู้ว่า เจ้าของสูตรต้นตำรับจริงๆ คือ คุณหมู-พิมพร รอดคำแหง ได้แยกตัวออกมาเปิดร้านของตัวเองแล้ว ชื่อ “ร้านข้าวผัดปูเมืองทอง 1 ต้นตำรับ โดย คุณพิมพร” ที่กิจการเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ปัจจุบันเปิดให้บริการถึง 7 สาขา
“คุณหมู-พิมพร รอดคำแหง” เคยเปิดสอนสูตรข้าวผัดมาบ้างแล้ว แต่ก็ร้างมือมานานมาก เพราะมัวแต่ยุ่งกับกิจการแทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่น แต่ล่าสุดได้รับปากกับ “มติชน อคาเดมี” ว่าจะกลับมาสอนอีกรอบ เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ คนตกงานกันเยอะ ก็อยากจะแบ่งปันสูตรอาหารที่ตัวเองทำประสบความสำเร็จให้คนอื่นได้ลองนำไปใช้ด้วย
ดังนั้น ใครที่ตั้งใจอยากเปิดร้านข้าวผัดอยู่แล้ว ไม่ควรพลาดเด็ดขาดนะคะ เพราะงานนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ แน่นอน คุณหมู-พิมพร ได้ตกลงว่าจะมาสอน 3 เมนู แบบหมดเปลือกในวันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม 2563 นี้ค่ะ
3 เมนู อันประกอบไปด้วย 1.ข้าวผัดปู 2.กระเพาะปลาน้ำแดง และ 3.สุกี้แห้งพร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ด
คุณหมูบอกว่า จุดเด่นของข้าวผัดปูที่ร้าน คือ ความสดของวัตถุดิบ โดยเฉพาะปู และไข่ที่ต้องเลือกเฟ้นอย่างดี ไข่ไก่ต้องสด จะเลือกไข่สีแดง สีเด่นหน่อยเวลาผัดออกมา และไข่ที่สด เวลาผัดออกมาไข่ช่วยในการผัดข้าวให้หอม เทคนิคเราจะผัดใส่ไข่ก่อนเพื่อให้ไข่แห้ง ถึงจะใส่ข้าวทีหลัง แล้วค่อยปรุง เวลาผัดจะแห้ง แต่ถ้าเราใส่ข้าวก่อนไข่ทีหลังจะแฉะและเป็นก้อน
อีกอย่างที่สำคัญ คือ ข้าว โดยที่ร้านข้าวมีส่วนผสม 2 อย่าง คือ เสาไห้ กับ หอมมะลิ จะทำให้ข้าวผัดที่ได้เรียงเม็ดเงาสวย ไม่เหนียว ไม่แฉะ และ ไม่แข็งจนเกินไป
ส่วนอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ “กระทะเหล็ก” เมื่อใช้ไฟแรงข้าวจะดีดตัวขึ้นมา ผัดออกมาเป็นเม็ดสวยไม่แข็ง
“ผัดข้าวผัด คนอื่นมองดูง่ายนะ แต่ขั้นตอนก่อนจะออกมาเป็นข้าวผัดปูมันมีหลายขั้นตอน มีรายละเอียด เราจะพิถีพิถันไม่ค่อยเหมือนใคร เราจึงยืนได้ถึงวันนี้ 17 ปีแล้ว แล้วการปรุงทุกอย่างชั่ง ตวง วัด ทั้งหมดเราจึงมีมาตรฐาน”
ส่วน “กระเพาะปลา” จุดเด่นยังเป็นวัตถุดิบคุณภาพดีจากเยาวราช ส่วนน้ำซุปก็เป็นสูตรน้ำแดงของหูฉลาม เป็นสูตรตกทอดจากอาม่า หรือ คุณแม่ของสามีคุณหมู ที่ชำนาญเรื่องอาหารภัตตาคารอย่างมาก
“เทคนิคสำคัญคือการล้างกระเพาะปลา ทำอย่างไรให้ไม่มีกลิ่น ตรงนี้เราจะสอนทั้งหมด”
สุดท้าย “สุกี้แห้ง” จุดเด่น คือ น้ำจิ้มสูตรแต้จิ๋ว ที่ค่อนข้างจะเข้มข้นถึงเครื่อง ส่วนเทคนิคการผัดสุกี้ก็จะผัดแห้งกว่าที่อื่น ใช้ไฟแรง กระทะเหล็กเช่นกัน
“ทั้ง 3 เมนูนี้ ดิฉันจะสอนแบบภาษาง่ายๆ บอกนักเรียนว่าไม่มีภาษาอังกฤษนะคะ เพราะครูไม่เก่งภาษาอังกฤษ เน้นภาษาไทยจะได้เข้าใจง่ายๆ เป็น 3 เมนูที่สามารถนำไปทำขายได้สบาย จริงๆ ทำอย่างเดียวทำให้อร่อยที่สุดก็ได้แล้ว เมื่อก่อนดิฉันอยู่เมืองทองขายแค่กระเพาะปลา ข้าวผัดปู แค่ 2 อย่างเองขายดีมาก”
สำหรับประวัติคุณหมู หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเธอคือ นักมวยหญิงรุ่นแรกในประเทศไทย มีฉายาว่า “แรดดง” ธรรมดาที่ไหนคะ
คุณหมูบอกว่า เป็นคนกรุงเทพฯ มีพ่อเป็นตำรวจอยู่วังปารุสกวัน แม่เป็นแม่ครัวมือหนึ่งประจำโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พูดง่ายๆ เป็นหัวหน้าแม่ครัวดูแลเรื่องอาหารให้เหล่าอาจารย์และนักเรียน ส่วนตัวเองเรียนจบโรงเรียนวัดเบญจมบพิตร โดนเด็กผู้ชายแกล้งบ่อย เลยไปเรียนมวยกับครูมวยแถวบ้าน ครูเห็นแววก็ฝากให้ไปกับคณะที่ต้องไปต่อยที่ญี่ปุ่น ช่วงที่ต่อยมวยอายุ 15-17 ปี เคยชนะทั้งน็อกและคะแนน พออายุ 18 ปี แต่งงานกับสามีที่เคยซ้อมมวยค่ายเดียวกัน ครอบครัวสามีเป็นคนจีนพอแต่งงานแล้วเราก็ต้องเลิกต่อยมวย เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต หันมาทำงานในบ้าน เพราะคนจีนสะใภ้ต้องเป็นคนทำ
“พอเราแต่งไปแล้ว ถ้าไม่อยากให้สามีมีปัญหาเราก็ต้องพยายามทำให้ได้ พยายามเรียนรู้ อาม่าเขาเก่งอาหารจีนภัตตาคารมาก แต่เขาไม่ได้สอนนะเขาจะใช้ให้ทำ ตอนหลังเราทำเป็น เขาก็ให้เราทำไป เมื่อก่อนอาม่าขายอาหาร ข้าวแกงหลายอย่างใน ม.เกษตรฯ เราก็ไปช่วยเขา ตอนหลังเขาเลิก เราก็แยกครอบครัวออกมา เคยทำเสริมสวยได้แป๊บนึง แต่คิดว่าทำอาหารดีกว่าเพราะเราถนัดกว่า ก็เริ่มขายกระเพาะปลาที่ทาวน์อินทาวน์”
กระทั่งเพื่อนของน้องชายสามีชวนไปขายที่เมืองทอง โดยที่ “เขาลงทุน เราลงสูตร”
คุณหมูบอกว่าเริ่มทำกันเมื่อ 15-16 ปีที่แล้ว ตั้งแต่อยู่ริมฟุตปาธ มีรถเข็น โต๊ะ 4 ตัว จนขยาย แต่ทำได้เกือบ 10 ปี มีความคิดไม่ตรงกัน เลยแยกตัวออกมาทำเอง และเพื่อให้คนรู้ว่าเราเป็นร้านต้นตำรับ เลยต้องมีโลโก้ภาษาจีนในวงกลมและรูปตัวเองกอดอกอยู่ข้างๆ
ใครยังไม่เคยชิม ไปลองชิมกันได้ทั้ง 7 สาขา ได้แก่ สาขาเกษตร-นวมินทร์ สุคนธสวัสดิ์ สาขาเมเจอร์รัชโยนธิน (ลานน้ำพุกลาง) สาขาธัญบุรี คลองสาม สาขาสุขาภิบาล 3 รามคำแหง สาขาเดอะแจ๊ส รามอินทรา สาขาราชพฤกษ์ และสาขากิ่งแก้ว
แต่ถ้าประทับใจมาเรียน รีบมาสมัครกันเลยค่ะ 1 ปีมีครั้งเดียวเท่านั้น ค่าเรียนคนละ 2,990 เท่านั้น สนใจติดต่อ มติชนอคาเดมี โทร 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124 มือถือ 08-2993-9097, 08-2993-9105
ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ชม นำพา [email protected] |