บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)  นำโดย นางซันนี่ ซิดิค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารสินค้าธุรกิจประกอบอาหารพร้อมด้วย นางเอื้ออังกูร ตันวิสุทธิ์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายปฏิบัติการสาขา   และผู้บริหารระดับสูงร่วมส่งมอบวัตถุดิบคุณภาพปลอดภัยกว่า 1.4 ตัน ให้กับโครงการ“ข้าวกล่อง CHEFHUG แบ่งปันชุมชนสู้ภัยโควิด” โดยมีนายสมศักดิ์ รารองคำ นายกสมาคมเชฟประเทศไทย และนายวิลแมน ลีออง ประธานไทยแลนด์ คัลลินารีอคาเดมีและสมาคมเชฟโลก เพื่อนำไปประกอบอาหารช่วยเหลือประชาชนในชุมชนต่าง ๆทั่วกรุงเทพฯ ณ ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน (มติชนอคาเดมี) ผ่านการปรุงจากเชฟ กว่า200 คน และภาคีเครือข่ายที่มาร่วมสมทบโดยมีแท็กซี่ทำหน้าที่กระจายไปยังชุมชนนับเป็นการดำเนินการแจกอาหารภายใต้วิกฤตที่มีมาตรฐาน โดยโครงการดังกล่าวตั้งเป้า 40,000 กล่อง

แม็คโคร ทั่วไทยเน้นลูกค้าเหลื่อมเวลาซื้อ ลดความเสี่ยง จัด 2 ชม.พิเศษ 6.00-8.00 น. ให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ประกอบการ พร้อมแจ้งเวลาเปิดปิดใหม่ 8.00-20.00 น. ดีเดย์ 1 เมษาฯ นี้

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ร่วมเคียงข้างคนไทยสู้ภัยโควิด19  เปิดชั่วโมงพิเศษ 06.00 08.00 น. ให้กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ประกอบการ  สับหลีกเวลาลดความหนาแน่นในสาขา พร้อมประกาศแจ้งเวลาเปิดปิดใหม่ 08.0020.00 น. สำหรับทุกคน ทั่วประเทศ ตั้งแต่ 1 เมษายนเป็นต้นไป

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19  ที่ส่งผลกระทบอย่างมากในขณะนี้  แม็คโครพบว่า พฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้าทั้งที่เป็นผู้ประกอบการและคนทั่วไป เปลี่ยนแปลงไป    ทุกคนเน้นให้ความสำคัญกับความปลอดภัย  ต้องการหลีกเลี่ยงช่วงเวลาคนหนาแน่น  และมักจะซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากขึ้นต่อครั้ง เพื่อลดความถี่ในการเดินทางออกจากบ้าน   ประกอบกับการรณรงค์ของภาครัฐที่มุ่งเน้นให้ประชาชนอยู่บ้าน เพื่อความปลอดภัย แม็คโครจึงตัดสินใจปรับเวลาเปิดปิดทุกสาขาทั่วประเทศเป็น 8.00 -20.00 น. และจัดชั่วโมงพิเศษ 6.00 -8.00 น. ให้กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ประกอบการ เพื่อลดความเสี่ยง หลีกเลี่ยงความแออัดหนาแน่นให้กับลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ

“แม็คโครให้ความสำคัญกับนโยบายการรักษาความปลอดภัย ในหลักการรักษาระยะห่าง หรือ Social distancing ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  จึงออกมาตรการที่มุ่งเน้นการเหลื่อมเวลา ลดความหนาแน่นภายในสาขา ลดความเสี่ยง โดย จัดชั่วโมงพิเศษช่วงเช้าตรู่ให้กับกลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุ (ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป)  ผู้พิการ  ที่มีความจำเป็นต้องออกจากบ้านมาซื้อสินค้า รวมถึงผู้ประกอบการ  ขณะเดียวกันได้ประกาศปรับเวลาเปิดปิดเป็น 8.00-20.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป   เพื่อให้บริการผู้ประกอบการ ตลอดจนลูกค้ากลุ่มอื่นๆ  เน้นให้เกิดการหมุนเวียนกันเข้ามาซื้อสินค้าในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน โดยจะคงมาตรการนี้ไว้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย”

“แม้ว่าวันนี้ ทุกคนต้องเผชิญสถานการณ์แห่งความยากลำบาก  แม็คโครขอเคียงข้างประชาชนคนไทย และผู้ประกอบการในทุกช่วงเวลา  เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน”  นางศิริพร กล่าว

331197
331198

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ปักธงศูนย์กลางธุรกิจโฮเรก้าในไทยและอาเซียน จัดใหญ่ “แม็คโคร โฮเรก้า ครั้งที่ 14” ครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ แหล่งรวมวัตถุดิบคุณภาพ ขานรับธุรกิจกินดื่มขยายตัวไม่หยุด  ชวนพันธมิตรกว่า 300 รายขนทัพสินค้า นวัตกรรมความยั่งยืน โชว์ศักยภาพเต็มพิกัด หวังยกระดับผู้ประกอบการติดลมบน ท่ามกลางปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร กล่าวว่า งานแม็คโคร มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่ 14 หรือแม็คโคร โฮเรก้า ครั้งที่ 14  เป็นงานประจำปีที่แม็คโครจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่งที่มีความโดดเด่นในเรื่องการจัดหาสินค้าเพื่อผู้ประกอบการธุรกิจอาหารแบบครบวงจร ด้วยการคัดสรรสินค้า วัตถุดิบคุณภาพปลอดภัย  มีความหลากหลาย ครบครัน ในราคาที่คุ้มค่า เพื่อเป็นคู่คิดทางธุรกิจอย่างแท้จริง โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘The Culinary Passion 30 ปี แม็คโคร เคียงข้าง สร้างสรรค์ มุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน’ ระหว่างวันที่ 21-24 พฤศจิกายนนี้ ณ ฮอลล์ 6-7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี  

“เรามีลูกค้าสมาชิกของแม็คโครอยู่กว่า 3 ล้านราย ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในธุรกิจโฮเรก้า ธุรกิจอาหาร และเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ ยอดซื้อต่อครั้งสูง  อัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  เมื่อมีการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศและภูมิภาคเออีซี ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจโฮเรก้า ธุรกิจอาหารมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด   จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ระบุว่า ในช่วงปี 2560-2561 มีผู้ประกอบการลงทุนในธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท โอกาสในการพัฒนาลูกค้ากลุ่มนี้จึงมีอีกมาก” นางสุชาดา กล่าว

ด้าน นางสาวธีราพร ธีรทีป ประธานคณะกรรมการจัดงาน “มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่ 14” หรือ แม็คโคร โฮเรก้า ครั้งที่ 14”   กล่าวเสริมว่า  “ในทุกปี งานโฮเรก้าของแม็คโคร จะมีผู้ประกอบการและผู้สนใจในธุรกิจอาหารจากทั่วประเทศและภูมิภาคอาเซียนให้ความสนใจมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เพื่อติดตามอัพเดทองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ  นวัตกรรมด้านความยั่งยืน และเทคโนโลยีใหม่ๆ การจัดแสดงสินค้า จากพันธมิตรกว่า 300 ร้านค้า รวมถึง นวัตกรรมด้านความยั่งยืน  การพบปะแลกเปลี่ยนพูดคุยกับผู้ผลิต ค้นหาวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพในราคาที่นำไปต่อยอดทำกำไรได้ รวมถึงยังได้ร่วมลุ้นไปกับกิจกรรมการแข่งขัน แม็คโคร โฮเรก้า ชาเลนจ์ 2019 ที่แม็คโครยกระดับการแข่งขัน Makro Asian Culinary Challenge สู่ระดับสากล”

งานแม็คโคร มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ครั้งที่ 14 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 -24 พฤศจิกายน  ณ ฮอลล์ 6-7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี  ตั้งแต่เวลา 10.00 น.- 19.00 น.  ภายในงาน แบ่งเป็นโซนต่างๆ  ประกอบด้วย โซนเวทีกลาง ,แม็ค         โครพาวิลเลี่ยน, คุ้กกิ้งสตูดิโอ , แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ,เวิร์คช้อปและสัมมนา, ร้านต้นแบบภายใต้แนวคิดต่างๆ เช่น The Passion Restaurant ,The Passion Homestay, The Passion Bakery Café, The Passion Hidden Bar ซึ่งจะรวบรวมความรู้เพื่อการประกอบธุรกิจโฮเรก้า เวิร์คช้อปเมนูอาหารหลากหลายไอเดีย สัมมนาเทคนิคการบริหารจัดการร้านค้า บริหารต้นทุน-กำไร รวมถึงการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาสร้างสรรค์เมนูสุดพิเศษ  

พิเศษสุดคือ การชมชิมช้อปกับ ร้านปรุงสารพัด ของสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ที่มาออกบูทเป็นครั้งแรก พร้อมโซนอาหารสตรีทฟู้ดชื่อดังที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการ GSB Street Food เปลี่ยนชีวิต รวมถึงร่วมลุ้นแบบเรียลไทม์ไปกับการแข่งขันระดับนานาชาติครั้งแรกของ ‘แม็คโคร โฮเรก้า ชาเลนจ์ 2019’ เพื่อชิงความเป็นหนึ่ง ท้าทายความสามารถของเชฟมืออาชีพตลอด 4 วันการจัดงาน ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ และเงินสดรวมมูลค่ากว่า 700,000 บาท พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมแข่งขันในงาน  Food and Hotel Asia (FHA) 2020 ที่ประเทศสิงคโปร์ ทั้งในรุ่นเยาวชน และรุ่นมืออาชีพ

ธีราพร ธีรทีป
สุชาดา อิทธิจารุกุล

ซึ่งถือเป็นเวทีการแข่งขันที่ช่วยส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานเชฟไทยให้ก้าวไกลสู่เวทีระดับโลก โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขันจากนานาชาติ  ได้รับการรับรองจากสมาคมเชฟโลกหรือ World Association of Chefs Societies (WACS)

นอกจากนี้ ยังพบการกลับมาของแชมป์ทุกสมัยตลอด 13 ปี  ประชันฝีมือกันอีกครั้งในวาระแม็คโคร ครบรอบ 30 ปี ในรายการ ‘Makro Rice Menu Champion Challenge’ ซึ่งงานนี้จะทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นภาพรวมของธุรกิจอาหาร และสามารถนำไปปรับใช้ในการพัฒนาศักยภาพธุรกิจของตนเองให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปได้

นางสุชาดา กล่าวทิ้งท้ายว่า “ด้วยปัจจัยบวกที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ไม่ว่าจะเป็น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาลผ่านโครงการชิม ช้อปใช้ , ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย ฯ  ประกอบกับบรรยากาศการจับจ่ายใช้บริการในช่วงเทศกาลที่ใกล้จะมาถึง คาดว่างานนี้จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ประกอบการที่มองเห็นโอกาส และเตรียมตัวพัฒนาธุรกิจตนเองให้มีความน่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในฤดูกาลไฮด์ซีซั่น”

 
 
29 ตุลาคมนี้แม็คโคร สาขาถลาง จังหวัดภูเก็ต จัดงานเทศกาลอาหารนานาชาติ นำเสนอวัตถุดิบ และไอเดียในการสร้างสรรค์เมนูเป็นอาหารชนชาติต่างๆ ทั้ง ญี่ปุ่น เกาหลี ตะวันตก เม็กซิกัน อินเดีย มากันครบ สมกับเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบสำหรับธุรกิจอาหารแหล่งใหญ่ของไทย
ว่ากันว่า งานนี้มีทัพวัตถุดิบนำเข้ามานำเสนอมากมาย อาทิ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, แคนาเดียนล็อปสเตอร์ดิบ, ชิ้นส่วนแกะ, ชไรเบอร์เกรทเทดพามาซานชีส, ขนมปังฝรั่งเศส, อะโวคาโด, ปลาแซลมอนแทสมาเนียน, หอยนางรมซิดนีย์ร็อค, เนื้อวัว จาก ออสเตรเลีย ฯลฯ พร้อมไอเดียการปรุงเมนูชาติต่างๆ จากเชฟมืออาชีพให้ชมและชิมตลอดวัน
งานเริ่ม 10.30 -16.00 น. … จบแล้วไม่จบเลย ตั้งแต่วันที่        30 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายนนี้ใน 5 สาขาทั่วภูเก็ต ได้แก่ สาขาภูเก็ต, ถลาง, ราไวย์, ป่าตอง, กะรน และยังจัดวัตถุดิบดีเด็ดราคาดีงามเอาไว้รองรับฤดูกาลท่องเที่ยวเช่นกัน

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดตัว แม็คโคร ดิจิทัล สโตร์ แห่งแรก   สาขาลาดกระบัง ต้นแบบห้างค้าส่งอัจฉริยะ โมเดลฟูดเซอร์วิส นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เชื่อมต่อพนักงาน+คู่ค้า+ลูกค้า แบบไร้รอยต่อเพื่อผู้ประกอบการ สร้างผลสัมฤทธิ์ 4 ด้าน ทั้งประสิทธิภาพการทำงาน การบริการที่ดีขึ้น ประหยัดพลังงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เสริมประสิทธิภาพลดปัญหาสต็อกขาด คิวยาว ควบคุมคุณภาพสินค้าได้ดีขึ้น พร้อมปรับสื่อภายในสาขารับสนามแข่งขันยุค 4.0 ด้วยอินเตอร์เน็ตออฟธิงค์ (IoT) สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้ประกอบการยุคใหม่

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของกลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร เรามีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับธุรกิจค้าส่งให้เติบโตไปพร้อมกับยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยนำความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจของลูกค้าผู้ประกอบการ โดย แม็คโคร ดิจิทัล สโตร์ สาขาลาดกระบัง ซึ่งเป็นสาขาแรกในประเทศไทยที่นำเทคโนโลยีมาเชื่อมต่อระบบปฏิบัติการ การบริหารจัดการร้านค้า พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า เข้าไว้ด้วยกัน

“แม็คโคร ดิจิทัล สโตร์  เป็นร้านค้าแบบฟูดเซอร์วิส ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอด ทำให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจ 4 ด้าน นั่นคือ บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดการในสาขา ประหยัดพลังงานในระยะยาว และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างประสบการณ์ความพึงพอใจรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าผู้ประกอบการยุคดิจิทัล ให้สะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ รวมถึงทำงานสอดคล้องกับแม็คโครแอพพลิเคชั่นที่เพียงเดินเข้ามาในสาขาจะแจ้งเตือนให้ไม่พลาดทุกโปรโมชั่น หรือสิทธิพิเศษมากมาย”

แม็คโคร ดิจิทัล สโตร์ สาขาลาดกระบัง ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 6,700 ตารางเมตร ออกแบบและวางระบบด้วยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อบริหารจัดการภายในร้านค้าและการให้บริการต่างๆ ตั้งแต่จุดรับชำระเงิน ชั้นวางสินค้า การบริหารจัดการสินค้าคงคลังทั้งหน้าร้านและหลังร้าน การตรวจเช็คสินค้าราคา การสั่งสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ, การใช้ไฟฟ้าและการประหยัดพลังงานภายในสาขา ฯลฯ  โดยติดตามผ่านการแสดงหน้าจอบนแผงตรวจสอบและควบคุมการปฏิบัติงาน

แม็คโครได้นำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจใน 4 ด้าน คือ

  • บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยี กล้อง AI อัจฉริยะ สำหรับตรวจสอบปริมาณสินค้าบนชั้นวาง เพื่อการเติมเต็มสต๊อกได้ทันท่วงที ลดโอกาสการสูญเสีย ลูกค้าจึงได้สินค้าอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังใช้ระบบ คิวบัสเตอร์ ช่วยให้การชำระเงินทำได้รวดเร็ว ลดเวลารอคิวชำระเงินของลูกค้า
  • เพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดการในสาขา ด้วยเทคโนโลยี ป้ายราคาอัจฉริยะ ที่จะเปลี่ยนแปลงราคาได้รวดเร็วและแม่นยำเพียงแค่คลิก ประหยัดเวลาเปลี่ยนป้ายราคาที่สาขา, Picking Solution ระบบการส่งสินค้าที่รวดเร็วและแม่นยำ, ระบบทำความเย็นอัจฉริยะสำหรับตรวจจับความร้อนและทำความเย็นทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในตู้แช่ จึงทำให้คงความสด และคุณภาพสินค้าได้ยาวนานขึ้น
  • ประหยัดพลังงานในระยะยาว ด้วยแผงพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Panel) ที่ผลิตไฟฟ้าให้สาขาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยให้สาขาประหยัดพลังงานและค่าไฟฟ้าได้ถึง 35%
  • ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วย หน้าจอ Eco-Friendly แสดงผลการลดพลังงานภายในสาขา ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 798,000 กิโลกรัมต่อปีของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า นอกจากนี้ยังมีระบบทำความเย็นอัจฉริยะ ลดการใช้พลังงานจากระบบทำความเย็นขนาดใหญ่ ด้วยการกระจายการทำงานเป็นชุดอิสระ ควบคุมและสั่งการผ่านระบบส่วนกลางที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านแท็บเลท รวมถึงจุดชาร์ตไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า บริเวณลานจอดรถเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อประหยัดพลังงานมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม พนักงานทุกคนในสาขาจะได้รับการฝึกอบรมให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่มีทั้งหมดภายในสาขาอย่างเชี่ยวชาญ และในช่วงแรกพนักงานที่ได้รับการอบรมเหล่านี้จะคอยช่วยให้คำแนะนำแก่ลูกค้า เพื่อให้มีความคุ้นเคย จนกว่าลูกค้าจะคุ้นเคยและสามารถใช้เทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“แม็คโคร เชื่อมั่นว่าในยุคแห่งความท้าทายของธุรกิจค้าส่ง โอกาสการเติบโตในอนาคตข้างหน้าอย่างยั่งยืนจะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี และการพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพเป็นสำคัญ โดยใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางด้านดิจิทัลในการขับเคลื่อน ซึ่งแม็คโคร สาขาลาดกระบัง จะเป็นต้นแบบการนำเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ บริษัทได้วางแผนขยายสาขารูปแบบนี้ หรือเลือกนำเทคโนโลยีบางส่วนปรับใช้กับสาขาที่สามารถทำได้เป็นลำดับต่อไปอีกด้วย”

ทั้งนี้แม็คโคร ได้ประกาศเจตนารมณ์ในโอกาสครบรอบ 30 ปีของการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเดินหน้ายกระดับสู่ “แม็คโคร 4.0 คู่คิด…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” ภายใต้แนวคิด “เคียงข้าง สร้างสรรค์ มุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน” มุ่งเป็นที่หนึ่ง เรื่องการจัดหาสินค้า เพื่อผู้ประกอบการแบบครบวงจร โดยคัดสรรสินค้าที่หลากหลาย ครบครัน มีคุณภาพดี ในราคาที่คุ้มค่า ตอกย้ำเป้าหมายที่จะเป็นคู่คิดทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการอย่างแท้จริง

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) โดย นายริคาร์โด้ เบารอตโต้ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานบริหารสินค้า (ซ้ายสุด) และ นายเมทิน ออซเยอร์ทลู ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสินค้าธุรกิจค้าปลีก (ที่ 2 จากซ้าย) เปิดร้าน Petz Friend Shop โฉมใหม่ สาขากัลปพฤกษ์ ศูนย์รวมสินค้าเพื่อสัตว์เลี้ยงที่ครบวงจรสำหรับลูกค้าที่รักสัตว์เลี้ยง ด้วยสโลแกน “นึกถึงผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงที่รัก นึกถึงเพื่อนรักสัตว์เลี้ยง Petz Friend Shop” พบสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เพื่อสัตว์เลี้ยงที่หลากหลายกว่า 800 รายการ และโปรโมชั่นต่างๆ อีกมากมาย ได้ที่ร้าน Petz Friend Shop แม็คโครฟูดเซอร์วิส สาขากัลปพฤกษ์ วังหิน และแหลมฉบัง

“แม็คโคร โฮเรก้า ชาเลนจ์ 2019” เวทีการแข่งขันทำอาหารที่ท้าทายที่สุดแห่งปี โดยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 14 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Makro Asian Culinary Challenge” การแข่งขันทำเมนูอาหารเอเชีย จากวัตถุดิบปริศนาหรือ Makro Mystery Box ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท เพื่อเฟ้นหาตัวแทนประเทศไทย ไปแข่งขันในงาน Food and Hotel Asia (FHA) 2020 ที่ประเทศสิงคโปร์ เริ่มเปิดประเดิมเวทีแรกระดับภูมิภาค ที่ภาคตะวันออก ณ แม็คโคร สาขาพัทยาใต้ อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา

“ธีราพร ธีรทีป” ประธานคณะกรรมการ จัดงาน แม็คโคร มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่ 14 กล่าวว่า เนื่องในโอกาส แม็คโครอายุครบ 30 ปี ที่เป็นเพื่อนคู่คิดธุรกิจของร้านอาหาร ภัตตาคารและจัดเลี้ยง แม็คโคร โฮเรก้า ชาเลนจ์ 2019 มีวัตถุประสงค์เพื่อเฟ้นหาสุดยอดเชฟในระดับภูมิภาคจาก 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ และสนับสนุนเชฟที่ได้รับรางวัลชนะเลิศทั้งในรุ่นเยาวชนและรุ่นมืออาชีพ โดยการเข้าร่วมแข่งขันในระดับสากล สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาต่อเนื่องยาวนาน

โดยการแข่งขัน แม็คโคร โฮเรก้า ชาเลนจ์ ในครั้งนี้ได้รับการรองรับการแข่งขันจากสมาคมเชฟโลก หรือ World Association of Chef Societies (WACS) มาตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา และในปีนี้มีความพิเศษต่างจากทุกปีภายใต้แนวคิด “Makro Asian Culinary Challenge” โดยผู้ชนะจะได้เป็นตัวแทนทีมประเทศไทยแข่งขันกับทีมนานาชาติ 6 ประเทศ โดยแบ่งการแข่งขันเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นเยาวชน และ รุ่นมืออาชีพ โดยจะมีการจัดแข่งขันทั้งสิ้น 6 ครั้ง 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ

ด้าน “ศิริพร เดชสิงห์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวเปิดงานด้วยความยินดีที่ได้มีโอกาสขึ้นกล่าวต้อนรับผู้มีเกรียติทุกท่านในวันนี้ และเชื่อว่าคณะกรรมการจัดงานทุกท่านมีความรู้สึกยินดีและขอบพระคุณทุกคนที่มาร่วมงานครั้งนี้ แม็คโครประเทศไทยดำเนินธุรกิจมาแล้ว 30 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามุ่งมั่นตั้งใจ ในเรื่องของการช่วยพัฒนาผู้ประกอบการ

ในส่วนของ โฮเรก้า (HoReCa) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร ภัตตาคาร และโรงแรม หนึ่งในกิจกรรมที่เราสร้างสรรค์ เพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการเหล่านี้ คือเรื่องของการจัดงาน แม็คโคร โฮเรก้า ชาเลนจ์ ซึ่งจัดมาเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้เป็นปีที่ 14 นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการพัฒนาเมนูและวัตถุดิบใหม่ๆ มีคุณภาพ เพื่อมาช่วยตอบสนองความต้องการของทุกๆท่านที่เป็นผู้ประกอบการ

โดยเปิดเวทีการแข่งขันเวทีแรกที่แม็คโครสาขาพัทยาใต้ จังหวัดชลบุรี ด้วยเล็งเห็นความสำคัญและเป็นแหล่งที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งภูมิภาคตะวันออกและเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของ อีอีซี และเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

ทั้งนี้ บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยเข้มข้น และความตื่นเต้นของผู้เข้าแข่งขัน ที่ต้องทำอาหารจากวัตถุดิบจากกล่องปริศนา 2 ชนิด คือ สัตว์บก หรือสัตว์ปีก และ สัตว์น้ำจืด หรือสัตว์ทะเล ภายในเวลาที่กำหนด (60นาที) อีกทั้งยังมีความสนุกจากกองเชียร์ที่เข้ามาชมการแข่งขันในครั้งนี้

สำหรับผลการแข่งขัน มีดังนี้
รุ่นเยาวชน เป็นประเภทบุคคล ทีมละ 1 คน

ผู้ชนะอันดับที่ 1 สุภัสสร กันหนองฮะ
เมนู ลูกชิ้นแกงเขียวหวาน ลูกชิ้นไก่ ซอสแกงเขียวหวาน ยำถั่วพู ผัดผงกระหรี่ไก่

ผู้ชนะอันดับที่ 2 ศุภณัฐ สระทองหา
เมนู Slow Cook Chicken with Panang Curry Sauce, Garlic Fried Rice with Fried Egg, Kale Sauteed Oyster Sauce, Lobster Deep fry with Tamarind Sauce

ผู้ชนะอันดับที่ 3 กฤษฎา หนูสู
เมนู Sear Pork Filet Indian Korma Sauce, Pork and Salmon Samosa with Tamarind Sauce, Salmon On Indian Fried Rice, Saute Green Pea

รุ่นมืออาชีพ เป็นประเภททีม ทีมละ 2 คน

ผู้ชนะอันดับที่ 1 ธีระภพ เกศวพิทักษ์ และ คุณแสงเทียน สิงห์แก้ว
เมนู Jim Dak โครเก็ตมันฝรั่งตุ๋น Kimchi Ssambab, Namul, Two Tone Seafood with Spicy Korean Sauce

ผู้ชนะอันดับที่ 2 พิชิต อาจสิงห์ และ คุณปนัดดา วิเทศ
เมนู หอยเชลล์ย่างซอสเทอริยากิ ผัดซีอิ้วญี่ปุ่น เนื้อตุ๋นซอสแกงกะหรี่ญี่ปุ่น เนื้อทงคัตสึทอดเกี๊ยวซ่าไส้หอยเชลล์ กับซอสอีปีโกะมาโย

ผู้ชนะอันดับที่ 3 ภควัต ชิตสุข และ คุณกีรติ วงศ์ตาพรมเมนู เนื้อสันในอบซอสเขียวหวานไข่เค็ม เนื้อย่างนํ้ามันหอย มูสแกงส้ม เสิร์ฟกับข้าวผัดเปญ่าอบขมิ้น ดอกกะหลํ่าพูเร ผัดผักและแครอทหวาน

โดยการแข่งขันครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่ภาคเหนือ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 ณ แม็คโครสาขาเชียงใหม่


มุมมองจากผู้เข้าแข่งขัน

นายอานันต์ ปัญญามงคล อายุ 20 ปี ตัวแทนผู้เข้าแข่งขันรุ่นเยาวชน ได้เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการทำอาหารคือเริ่มแรกมีความฝันอยากเป็นเชฟมืออาชีพ และที่สำคัญก็คืออยากทำอาหารที่ดีให้คุณพ่อคุณแม่ได้รับประทานทาน เลยเข้าเรียน ปวช.ที่จังหวัดนนทบุรี สาขาอาหารและโภชนาการจนจบหลักสูตร โดยตนเริ่มทำอาหารมาปีนี้เป็นปี 5 แล้ว ที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เนื่องจากมีความฝันที่อยากจะเป็นเชฟมืออาชีพ จึงตามล่าความฝัน และสมัครแข่งขันโครงการนี้ โดยการส่งเมนูเข้าไปออดิชั่น

นายอานันต์ กล่าวต่อว่า ในส่วนการแข่งขันวันนี้วัตถุดิบปริศนาเป็น เนื้อหมู กับปลาแซลมอน ตอนเห็นวัตถุดิบปริศนาครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะวัตถุดิบที่ซ้อมมากับวัตถุดิบปริศนานั้นไม่เหมือนกัน แต่ก่อนถึงเวลาแข่งขันมีการปรึกษากับเชฟยูกิ ที่เปรียบเสมือนอาจารย์สอนด้วย และมีการคิดเมนูเองบ้าง

เมนูที่ทำแข่งขันครั้งนี้คือ เมนู ลูกชิ้นหมูซอสจิ้มแจ่ว รับประทานกับแซลมอนย่างซอสแกงส้ม ซึ่งแรงบันดาลใจสำหรับเมนูนี้คือต้องการนำอาหารไทยมาผสมกับความเป็นตะวันตก และคิดว่าจะพัฒนาเมนูนี้ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

นอกจากนี้ นายอานันต์ ยังเล่าอีกว่า การแข่งขันครั้งนี้เหมือนมาแข่งกับตัวเองมากกว่า ภายในระยะเวลาที่กำหนดนั้นแบ่งเป็น 2 ช่วง คือช่วงเตรียมวัตถุดิบ สนามที่เคยผ่านมาสามารถเตรียมวัตถุดิบมาได้ แต่สนามนี้จะต้องไปเลือกวัตถุดิบเองแล้วนำมาหั่นเตรียมไว้ทำแข่งในเวลา 30 นาที และช่วงแข่งทำอาหาร 60 นาที

“สิ่งที่ได้จากการแข่งขันครั้งนี้คือการคัดสรรวัตถุดิบเอง เนื่องจาก เราเป็นคนทำอาหาร เราต้องเลือกวัตถุดิบที่ดีมาปรุงอาหารให้กับผู้ที่รับประทาน และอีกสิ่งที่ได้จากการแข่งขันนี้ก็คือการจัดการเวลาในการรังสรรค์เมนูขึ้นมา”เขากล่าว

นางสาวสุภาคิณี ดีเข็ม อายุ 19 ปี อีกหนึ่งตัวแทนผู้เข้าแข่งขันรุ่นเยาวชน เล่าให้ฟังว่า เริ่มทำอาหารมาได้ไม่นานนัก โดยจุดเริ่มต้นมาจากเป็นคนชอบทำอาหาร โดยเมนูแรกที่ทำเองนั้นเป็น เมนูเป็ดเซียซอสเสาวรส เป็นเมนูออกแนวยุโรป

“ตอนที่เห็นวัตถุดิบปริศนา เนื้อหมูกับปลาแซลมอนครั้งแรกก็มีบ้างที่นึกถึงเป็ดที่เคยทำครั้งแรก เพราะไม่ได้ซ้อมด้วยวัตถุดิบนี้มาก่อน รู้สึกตื่นเต้นมาก มือสั่นทำอะไรไม่ถูก มีความมั่นใจ 70 เปอร์เซ็นต์ โดยเมนูที่ทำแข่งขันในวันนี้เป็น เมนูแกงเผ็ดหมู ไข่ทอดแซลมอนและซอสเปรี้ยวหวาน”นางสาวสุภาคิณี กล่าวปิดท้าย

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด ( มหาชน ) ร่วมกับ เทศบาลเมืองชะอำ จัดโครงการ “แม็คโครรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดขยะพลาสติกบนชายหาด” มอบถังขยะเก็บขยะบริเวณชายหาดเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมไทย ตรงกับวันที่ 4 ธันวาคม โดยมีการมอบถังขยะรีไซเคิลจำนวน 212 ใบให้แก่องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นที่มีสาขาของแม็คโครตั้งอยู่ใกล้พื้นที่ที่มีชายหาดจำนวน 14 สาขา ได้แก่ อ่าวนาง ตรัง หัวหิน ภูเก็ต ถลาง ราไวย์ ป่าตอง กะรน สตูล เกาะพงัน พัทยาเหนือ พัทยาใต้ ระยอง และชะอำ

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการตลาด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท สยามแม็คโครฯ มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมโดยมีเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของธรรมาภิบาลและมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดระยะเวลา 29 ปี ที่ผ่านมา แม็คโครเป็นศูนย์ค้าส่งรายเดียวในประเทศไทยที่มีนโยบายชัดเจนในเรื่องการไม่ให้ถุงพลาสติกแก่ลูกค้า

ทั้งนี้ แมคโครฯได้โครงการส่งเสริมให้ทุกสาขารณรงค์ไม่ให้ใช้ถุงพลาสติก ตลอดจนลดการทิ้งขยะพลาสติกที่เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาขยะในสังคมไทยและในโลก โดยในแต่ละปี แม็คโครสามารถลดการสร้างขยะที่เกิดจากถุงพลาสติกไปได้ 16.5 ล้านถุงต่อเดือน หรือประมาณ 198 ล้านถุงต่อปี รวมถึงได้คัดสรรสินค้าประเภทบรรจุภัณฑ์อาหาร ที่ทำจากวัสดุที่มาจากธรรมชาติมาทดแทนโฟม หรือเรียกว่า Bio Base ซึ่งผลิตจากเยื่อพืชธรรมชาติ เช่น ชานอ้อย เยื่อไผ่ เยื่อไม้บริสุทธิ์ ปลอดภัยไร้สารพิษ ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และย่อยสลายสู่ธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีจำนวนมากกว่า 40 รายการ อาทิ จาน ชาม ถ้วย แก้ว กล่อง ฯลฯ รวมถึงการเพิ่มพื้นที่จำหน่ายสินค้า ภาชนะ และบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบย่อยสลายได้ให้มีขนาดมากขึ้น

นางศิริพร กล่าวต่อว่า สำหรับวันสิ่งแวดล้อมวันที่ 4 ธันวาคมนี้ แม็คโครได้จัดโครงการ “แม็คโครรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดขยะพลาสติกบนชายหาด” โดยมีการมอบถังขยะรีไซเคิลให้แก่องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นที่มีสาขาของแม็คโครตั้งอยู่ใกล้พื้นที่ที่มีชายหาดจำนาน 14 สาขา สำหรับจัดวางที่บริเวณชายหาดเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่มาเยือน พร้อมจัดกิจกรรมเก็บขยะบริเวณหาดและรณรงค์ให้ประชาชนเก็บขยะและแยกขยะให้ลงถังอย่างถูกต้อง

“สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ แม็คโคร ฟูดเซอร์วิส สาขาชะอำได้มอบถังขยะรีไซเคิลขนาด 240 ลิตร จำนวน 70 ใบ ให้แก่เทศบาลเมืองชะอำ และร่วมทำกิจกรรมเก็บขยะ พร้อมทำความสะอาดชายหาดชะอำ เป็นระยะทางรวมกว่า 2 กม. โดยมีพนักงานจิตอาสาของแม็คโคร จำนวน 60 คน จากแม็คโครฟูดเซอร์วิส สาขาชะอำ แม็คโคร สาขาเพชรบุรี และแม็คโครฟูดเซอร์วิส สาขาหัวหิน พร้อมทุกคนในชุมชนเทศบาลเมืองชะอำมาร่วมกิจกรรมนี้ด้วย” นางศิริพรกล่าวทิ้งท้าย

ด้านนางสาว นิภาพร กฤษณะเศรณี ปลัดเทศบาศบาลเมืองชะอำ กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดว่า ชายหาดชะอำ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย ในแต่ละปีมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางมาพักผ่อนเป็นจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทุกปี ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากเหล่านี้ ย่อมส่งผลถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นทุกปี จนเกิดเป็นขยะทะเลจำนวนมหาศาล

“นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างจิตสำนึกให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป และหวังว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะช่วยคืนความอุดมสมบูรณ์ ความสวยงามของทรัพยากรทะเล ชายหาดชะอำ จังหวัดเพชรบุรี รวมถึงภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวที่สะอาด ของชายหาดกลับคืนมา”ปลัดเทศบาลเมืองชะอำกล่าว

 

วันที่ 3 พ.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เกี่ยวกับที่ห้างแม็คโคร บางกะปิ ระบุว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ทางห้างคิดค่าจอดรถช่วงเวลาตั้งแต่ 21.00 น.-01.00 น. เป็นเงินถึง 500 บาท จากปกติจ่ายแค่ 200 บาท จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางนั้น

ล่าสุด ทางห้างแม็คโคร ได้มีหนังสือชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวแล้ว ระบุว่า จากกรณีที่มีลูกค้าโพสต์ลงในสื่อออนไลน์เรื่องการคิดค่าบริการจอดรถของแม็คโคร สาขาลาดพร้าว โดยระบุว่า “30 เม.ย. 61 มาจอดรถที่แม็กโคร บางกะปิ (ข้างตะวันนา) เพื่อไปดูคอนเสริต์ป้ายบอกค่าจอดรถชั่วโมงแรกฟรี ชั่วโมงถัดไปชั่วโมงละ 50 บาท ค้างคืน 200 (ตามป้ายสีขาวระบุชัดเจน) จอดตั้งแต่เวลา 21.00 –01.00 รวมเวลา 4 ชั่วโมง คิดค่าบริการจอด 500 บาทถ้วน (จากปกติต้องจ่ายแค่ 200)”

บริษัทฯ ได้รับทราบข้อมูลและทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างทันทีซึ่งจากการตรวจสอบ บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า แม็คโคร สาขาลาดพร้าว เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00 น. ถึง 23.00 น. และมีเงื่อนไขการเก็บค่าบริการลานจอดรถยนต์สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการที่สาขา โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.กรณีที่ไม่ได้ใช้บริการใดๆ จอดรถฟรี 1ชั่วโมง หากจอดเกินเวลา 1 ชั่วโมง คิดชั่วโมงละ 50 บาท

2.กรณีอัตราค่าบริการหลังเวลา 24.00 น.-06.00 น.
2.1 ค่าปรับ 200 บาท ต่อคันต่อวัน (ไม่รวมค่าบริการรายชั่วโมง)
2.2 หลังเวลา 24.00 น. -06.00 น. คิดค่าบริการชั่วโมงละ 100 บาท (เศษของนาทีคิดเป็น 1ชั่วโมง)

ดังนั้น บริษัทฯ จึงขอชี้แจงการคำนวณค่าบริการจอดรถของลูกค้าตั้งแต่เวลา 21.00 น. – 01.09 น. ตามรายละเอียดดังนี้

1. เวลา 21.00 น. – 22.00 น. ไม่คิดค่าบริการ
2. เวลา 22.00 น. – 23.00 น. ค่าบริการ 50 บาท
3. เวลา 23.00 น. – 24.00 น. ค่าบริการ 50 บาท
4. ค่าปรับ จอดหลัง 24.00 น. 200 บาท
5. ค่าจอด 24.00 น.– 01.00 น. ค่าบริการ 100 บาท
6. ค่าจอด 01.00 น.– 01.09 น. ค่าบริการ 100 บาท
รวมเป็นเงิน 500 บาท

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ประสานงานและชี้แจงกับลูกค้าถึงรายละเอียดของการคำนวณค่าบริการจอดรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งน้อมรับความคิดเห็นของลูกค้า เพื่อนำไปปรับปรุงการให้บริการ โดยจะทำการเปลี่ยนป้ายค่าบริการจอดรถให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

 


ที่มา: ข่าวสดออนไลน์