การรับประทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวตามสูตรเพื่อลดน้ำหนัก แท้จริงแล้วเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยวจุลินทรีย์โพรไบโอติค มีสรรพคุณช่วยในการขับถ่ายดีก็จริง แต่ในการที่เรารับประทานอาหารในปริมาณมากๆ แล้วคิดว่าการมาทานโยเกิร์ต นมเปรี้ยว หรืออาหารที่มีกากใย เพื่อช่วยการขับถ่ายได้เร็วขึ้นนั้น ไม่ได้ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานที่รับประทานเข้าไปได้เลย เพราะสิ่งที่เรารับประทานเข้าไปกับสิ่งที่เราขับถ่ายออก ใช้ระบบการทำงานคนละส่วนกัน สำหรับโยเกิร์ตยังเป็นอาหารทางเลือกอีกชนิดหนึ่งในการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย โดยใช้รับประทานแทนอาหารในมื้อเย็นจะเกิดประสิทธิภาพดีที่สุด แต่ทั้งนี้ควรเลือกสูตรที่มีไขมันต่ำหรือน้ำตาล 0%

ที่มา : แม่บ้าน

โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่มีผู้ป่วยทั่วโลกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ยอมไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างจริงจัง ขณะที่บางคนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองป่วยเป็นโรคนี้

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย McMaster University ของแคนาดา มีข่าวดีสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า เมื่อนักวิจัยพบว่า “โยเกิร์ต” สามารถช่วยรักษาอาการของโรคนี้ให้ดีขึ้นได้

โดย 64 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ป่วยเป็นโรคลำไส้แปรปรวน และมีอาการของโรคซึมเศร้าร่วมด้วยนั้น มีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นจากการกิน “แบคทีเรียที่ดี” หรือจุลินทรีย์ที่มีชีวิตที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย (โปรไบโอติกส์) ซึ่งอยู่ในผลิตภัณฑ์จำพวกโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยว

และเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตใจซึ่งกินยาหลอกเข้าไปพบว่ากลุ่มหลังมีอาการดีขึ้นน้อยกว่าเท่าตัว คือ 32 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนักวิจัยทำการวิเคราะห์กลุ่มผู้ใหญ่จำนวน 44 คน โดยให้ครึ่งหนึ่งกินโปรไบโอติกส์ทุกวัน อีกครึ่งหนึ่งให้กินยาหลอก จากนั้นติดตามผลเป็นเวลานาน 10 สัปดาห์

ผลปรากฏว่า อาการทางจิตใจของผู้ป่วยกลุ่มที่กินโปรไบโอติกส์ดีขึ้น หลังจากทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองของสมองผู้ป่วยเมื่อได้เห็นภาพที่มีความสุขและภาพที่หดหู่ ซึ่งผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาอีกชิ้นของเกาหลีใต้ที่ให้ผู้หญิง 12 คน กินโยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติกส์ จำพวกแลกโตบาซิลัส และบิฟิโดแบคทีเรียม นาน 4 สัปดาห์ แล้วพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับโปรไบโอติกส์มีอารมณ์ที่ดีขึ้น หลังตรวจด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กแรงสูง (เอ็มอาร์ไอ)

แต่หากใครสงสัยว่าอาการที่เป็นอยู่เข้าข่ายของโรคซึมเศร้าควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาควบคู่ไปด้วย เนื่องจากโรคนี้เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมองด้วย จึงควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด

ที่มา : Sanook

แย่แล้วค่ะ หุ่นพังมากช่วงนี้เพราะเพลิดเพลินกับการทานมากเกินไปแล้ว เห็นทีต้องเลือกอาหารชนิดที่ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดีอย่าง “โยเกิร์ต” กันซะแล้ว แต่จะทานโยเกิร์ตเพียวๆ อย่างเดียวก็น่าเบื่อเกินไป วันนี้เราเลยมีสูตรการช่วยควบคุมน้ำหนักด้วย “โยเกิร์ต” มาฝากกันค่ะ

โยเกิร์ตไขมันต่ำ+คอร์นเฟลกผลไม้อบกรอบ+ผลเบอร์รี่สด
สำหรับสาวๆ ที่ต้องการลดหุ่นแต่ก็กลัวว่าจะทานแต่โยเกิร์ตเปล่าๆ ในตอนเช้าจะทำให้ไม่อิ่มท้อง ก็ต้องลองสูตรนี้เลยค่ะ “โยเกิร์ตคอร์นเฟลกเบอร์รี่” (โยเกิร์ตไขมันต่ำ+คอร์นเฟลกผลไม้อบกรอบ+ผลเบอร์รี่สด) นอกจากไขมันต่ำแล้วยังให้ความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเหมาะกับเช้าวันใหม่ได้ดีทีเดียว แถมยังได้วิตามินซีสูงจากผลเบอร์รี่อีกด้วย อัตราส่วนที่เราใช้สำหรับสูตรนี้คือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย : คอร์นเฟลกผลไม้อบกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ : ผลเบอร์รี่ 4-6 ลูก วิธีการทานก็แค่ใส่คอร์นเฟลก และผลเบอร์รี่ลงในโยเกิร์ต สำหรับใครที่อยากได้รสชาติหอมหวานขึ้นให้ใส่น้ำผึ้งลงไปประมาณ 1 ช้อนชาก็พอค่ะ เท่านี้ก็จะได้ทานอาหารเช้าแบบไม่กลัวหุ่นเสียกันแล้ว

โยเกิร์ตไขมันต่ำ+น้ำผึ้ง+มะนาว+นมสด
ดีท็อกซ์ร่างกายทุกเช้าหลังตื่นนอนง่ายๆ ให้นำโยเกิร์ตไขมันต่ำ 2-3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชาและน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน จากนั้นเทนม 1 ถ้วยตามลงไป คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันหมด แล้วให้ดื่มจนหมดแก้วเลยนะคะ สูตรนี้จะทำให้การขับถ่ายคล่องมากๆ ในยามเช้า ที่สำคัญยังทำให้ผิวพรรณผุดผ่องขึ้น สุขภาพดีทั้งภายนอกและภายในเลยล่ะค่ะ

โยเกิร์ตไขมันต่ำ+น้ำแอปเปิ้ล+น้ำผึ้ง+น้ำมะนาว+เกลือ
จัดมื้อเย็นด้วยสลัดสักจานคงจะอร่อย และถ้ายิ่งได้น้ำสลัดที่ไม่ต้องกังวลว่าจะทานแล้วอ้วน ก็ต้องลองสูตรน้ำสลัดโยเกิร์ตสูตรนี้เลยค่ะ ใช้โยเกิร์ตไขมันต่ำ 1 ถ้วย : น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำแอปเปิ้ล 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ และเกลืออีกเล็กน้อย ผสมเข้าด้วยกัน รสชาติที่ได้จะออกเปรี้ยวอมหวานอร่อยกำลังดีค่ะ แต่ถ้าใครชอบทานรสเปรี้ยวหน่อยก็เติมมะนาวหรือน้ำแอปเปิ้ลเพิ่มเข้าไปได้ แนะนำให้ทานคู่กับสลัดผลไม้หรือสลัดอกไก่จะฟินมากเลยค่ะ

โยเกิร์ตไขมันต่ำ+ข้าวโอ๊ต+แอปเปิ้ล+สตรอว์เบอร์รี่
จัดเมนูลดหุ่นแบบที่เก็บไว้ในตู้เย็น จะทานตอนไหนก็เอาออกมาทานได้ง่ายๆ ให้ลองทำสูตรนี้ค่ะ เริ่มด้วยการหาภาชนะที่แช่เย็นได้ เช่น กล่องพลาสติกคุณภาพดีมีฝาปิด จากนั้นให้ใส่ข้าวโอ๊ตลงไปประมาณ 6 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยแอปเปิ้ลและสตรอว์เบอร์รี่หั่นชิ้นพอดีคำ (เปลี่ยนเป็นผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น ส้ม, กล้วยหรือองุ่นก็ได้เช่นกันค่ะ) จากนั้นเทโยเกิร์ตตามลงไปจนหมด คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่กล่องปิดฝาแล้วนำเข้าตู้เย็นประมาณ 1 คืนค่ะ หลังจากนั้นข้าวโอ๊ตจะพองตัวได้ที่ ทานได้อร่อยมากๆ และช่วยให้อิ่มท้องแบบไม่ต้องกลัวน้ำหนักขึ้นเลยค่ะ

เห็นไหมล่ะคะว่าการทานโยเกิร์ตสำหรับควบคุมน้ำหนัก จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อเลยค่ะ มีหลายรูปแบบที่เราสามารถสนุกกับการทานโยเกิร์ตเพื่อสร้างหุ่นสวยและสุขภาพที่ดีให้กับตัวเอง ลองทำตามสูตรที่คุณชื่นชอบกันดูนะคะ

ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ

แย่แล้วค่ะ หุ่นพังมากช่วงนี้เพราะเพลิดเพลินกับการทานมากเกินไปแล้ว เห็นทีต้องเลือกอาหารชนิดที่ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดีอย่าง “โยเกิร์ต” กันซะแล้ว แต่จะทานโยเกิร์ตเพียวๆ อย่างเดียวก็น่าเบื่อเกินไป วันนี้เราเลยมีสูตรการช่วยควบคุมน้ำหนักด้วย “โยเกิร์ต” มาฝากกันค่ะ

โยเกิร์ตไขมันต่ำ+คอร์นเฟลกผลไม้อบกรอบ+ผลเบอร์รี่สด
สำหรับสาวๆ ที่ต้องการลดหุ่นแต่ก็กลัวว่าจะทานแต่โยเกิร์ตเปล่าๆ ในตอนเช้าจะทำให้ไม่อิ่มท้อง ก็ต้องลองสูตรนี้เลยค่ะ “โยเกิร์ตคอร์นเฟลกเบอรี่”  (โยเกิร์ตไขมันต่ำ+คอร์นเฟลกผลไม้อบกรอบ+ผลเบอร์รี่สด) นอกจากไขมันต่ำแล้วยังให้ความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเหมาะกับเช้าวันใหม่ได้ดีทีเดียว แถมยังได้วิตามินซีสูงจากผลเบอร์รี่อีกด้วย อัตราส่วนที่เราใช้สำหรับสูตรนี้คือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย : คอร์นเฟลกผลไม้อบกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ : ผลเบอร์รี่ 4 – 6 ลูก วิธีการทานก็แค่ใส่คอร์นเฟลก และผลเบอร์รี่ลงในโยเกิร์ต สำหรับใครที่อยากได้รสชาติหอมหวานขึ้นให้ใส่น้ำผึ้งลงไปประมาณ 1 ช้อนชาก็พอค่ะ เท่านี้ก็จะได้ทานอาหารเช้าแบบไม่กลัวหุ่นเสียกันแล้ว

โยเกิร์ตไขมันต่ำ+น้ำผึ้ง+มะนาว+นมสด
ดีท็อกซ์ร่างกายทุกเช้าหลังตื่นนอนง่ายๆ ให้นำโยเกิร์ตไขมันต่ำ 2 – 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชาและน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน จากนั้นเทนม 1 ถ้วยตามลงไป คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันหมด แล้วให้ดื่มจนหมดแก้วเลยนะคะ สูตรนี้จะทำให้การขับถ่ายคล่องมากๆ ในยามเช้า ที่สำคัญยังทำให้ผิวพรรณผุดผ่องขึ้น สุขภาพดีทั้งภายนอกและภายในเลยล่ะค่ะ

โยเกิร์ตไขมันต่ำ+น้ำแอปเปิ้ล+น้ำผึ้ง+น้ำมะนาว+เกลือ
จัดมื้อเย็นด้วยสลัดสักจานคงจะอร่อย และถ้ายิ่งได้น้ำสลัดที่ไม่ต้องกังวลว่าจะทานแล้วอ้วน ก็ต้องลองสูตรน้ำสลัดโยเกิร์ตสูตรนี้เลยค่ะ ใช้ โยเกิร์ตไขมันต่ำ 1 ถ้วย : น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำแอปเปิ้ล 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ และเกลืออีกเล็กน้อย ผสมเข้าด้วยกัน รสชาติที่ได้จะออกเปรี้ยวอมหวานอร่อยกำลังดีค่ะ แต่ถ้าใครชอบทานรสเปรี้ยวหน่อยก็เติมมะนาวหรือน้ำแอปเปิ้ลเพิ่มเข้าไปได้ แนะนำให้ทานคู่กับสลัดผลไม้หรือสลัดอกไก่จะฟินมากเลยค่ะ

โยเกิร์ตไขมันต่ำ+ข้าวโอ๊ต+แอปเปิ้ล+สตรอว์เบอร์รี่
จัดเมนูลดหุ่นแบบที่เก็บไว้ในตู้เย็น จะทานตอนไหนก็เอาออกมาทานได้ง่ายๆ ให้ลองทำสูตรนี้ค่ะ เริ่มด้วยการหาภาชนะที่แช่เย็นได้ เช่นกล่องพลาสติกคุณภาพดีมีฝาปิด จากนั้นให้ใส่ข้าวโอ๊ตลงไปประมาณ 6 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยแอปเปิ้ลและสตรอว์เบอร์รี่หั่นชิ้นพอดีคำ (เปลี่ยนเป็นผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น ส้ม, กล้วย หรือองุ่นก็ได้เช่นกันค่ะ) จากนั้นเทโยเกิร์ตตามลงไปจนหมด คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่กล่องปิดฝาแล้วนำเข้าตู้เย็นประมาณ 1 คืนค่ะ หลังจากนั้นข้าวโอ๊ตจะพองตัวได้ที่ ทานได้อร่อยมากๆ และช่วยให้อิ่มท้องแบบไม่ต้องกลัวน้ำหนักขึ้นเลยค่ะ

เห็นไหมล่ะคะว่าการทานโยเกิร์ตสำหรับควบคุมน้ำหนัก จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อเลยค่ะ มีหลายรูปแบบที่เราสามารถสนุกกับการทานโยเกิร์ตเพื่อสร้างหุ่นสวยและสุขภาพที่ดีให้กับตัวเอง ลองทำตามสูตรที่คุณชื่นชอบกันดูนะคะ

ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ

ไข้หวัดใหญ่ (influenza) โรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่พบบ่อยและเป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก แม้จะมีชื่อว่า “ไข้หวัด” แต่ด้วยความที่มันมีคำว่า “ใหญ่” ต่อท้าย พิษภัยของมันจึงร้ายกาจกว่าไข้หวัดธรรมดามาก

ไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งไวรัสที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดใหญ่มี 4 ตัว แบ่งเป็น 2 สายพันธุ์ คือ ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ (Flu A) เช่น ไวรัสเอชวันเอ็นวัน (H1N1) ไวรัสเอชทรีเอ็นทู (H3N2) และไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บี (Flu B) ซึ่งไวรัสสายพันธุ์เอเป็นตัวที่เคยก่อการระบาดใหญ่ทั่วโลกมาแล้ว

ไวรัสเหล่านี้สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน แต่ประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่สูงนัก พบว่าการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างแอนติบอดีที่มีฤทธิ์ยับยั้งการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอไม่ดีนัก มีประชากรบางส่วนที่ไม่สร้างแอนติบอดี หรือสร้างแอนติบอดีได้ในระดับต่ำ

ด้วยความพยายามหาแนวทางเสริมภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่ ทีมนักวิจัยจากสถาบันโภชนาการ คณะเวชศาสตร์เขตร้อนและศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก หน่วยงานสังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิผลของนมเปรี้ยวที่มีโพรไบโอติก คือจุลินทรีย์แลกโตบาซิลลัส พาราคาเซอิ 431 (Lactobacillus Paracasei 431) พบว่า นมเปรี้ยวที่มีโพรไบโอติกสามารถกระตุ้นอัตราการสร้างภูมิคุ้มกันใหม่

ผศ.ดร.ทพญ.ดุลยพร ตราชูธรรม อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ ซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่า งานวิจัยครั้งนี้เป็นการทดลองทางคลินิก (clinical trial) วิจัยในอาสาสมัครสุขภาพดีอายุ 18-45 ปี เข้าร่วมโครงการจำนวน 60 คน

ผลการวิจัยพบว่าในอาสาสมัครที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (ค่า HI titer น้อยกว่า 40) หากได้รับวัคซีนร่วมกับดื่มนมเปรี้ยวที่มีโพรไบโอติก จะมีอัตราการสร้างภูมิคุ้มกันใหม่ (seroconversion rate) ต่อเชื้อ H1N1 และ H3N2 สูงกว่ากลุ่มที่ดื่มนมที่ไม่มีโพรไบโอติก

สำหรับเชื้อ H3N2 ซึ่งวัคซีนป้องกันไม่ค่อยได้ผลนั้น การวิจัยนี้ยังพบว่าในคนที่มีภูมิอยู่แล้ว การดื่มนมเปรี้ยวที่มีโพรไบโอติกช่วยให้อัตราการตอบสนองต่อวัคซีนต้านไวรัส H3N2 เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่า

ส่วนไวรัส Flu B นั้น เนื่องจากอาสาสมัครกลุ่มนี้มีการตอบสนองต่อวัคซีนต้านไวรัส Flu B สูงอยู่แล้ว จึงไม่เห็นความแตกต่างระหว่างการได้รับหรือไม่ได้รับโพรไบโอติกต่อภูมิคุ้มกันต้านไวรัสชนิด B

แม้การวิจัยครั้งนี้พบว่าโพรไบโอติกมีส่วนช่วยเสริมฤทธิ์ของวัคซีน แต่การวิจัยเรื่องโพรไบโอติกกับภูมิคุ้มกันไข้หวัดใหญ่ในหลายประเทศได้ผลแตกต่างกัน บ้างก็พบผลดี บ้างก็ไม่พบผลแตกต่าง ส่วนการวิจัยในประเทศไทยทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ว่า โพรไบโอติกจะช่วยเสริมฤทธิ์ของวัคซีนในการเพิ่มภูมิคุ้มกันก็ต่อเมื่อคนนั้นมีภูมิคุ้มกันต่ำ แต่หากมีภูมิคุ้มกันสูงอยู่แล้วก็จะไม่เห็นผล

นอกจากนี้ มีรายงานการวิจัยในต่างประเทศซึ่งตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติพบว่า โพรไบโอติกจุลินทรีย์ชนิดอื่น เช่น Lactobacillus acidophilus NCFM และ Bifidobacterium animalis subsp lactis Bi-07 ก็ให้ผลช่วยลดอาการไข้ คัดจมูก และลดจำนวนวันที่ป่วยด้วยไข้หวัดในเด็กและผู้ใหญ่สุขภาพดีได้เช่นกันคุณหมอบอกว่าโดยสรุป ผู้ที่ไม่เคยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่หรือไม่เคยรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ การดื่มนมเปรี้ยวที่มีโพรไบโอติกร่วมกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่น่าจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้


ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์