“เอ็มเค” เตรียมทัพขยายธุรกิจในประเทศ-ต่างประเทศเต็มรูปแบบรับการแข่งขันร้อนแรงและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคเปลี่ยน ปั้น 3 แบรนด์ เอ็มเคไลฟ์-ยาโยอิ-มิยาซากิหัวหอกบุก ชี้ใช้ความแข็งแกร่งของแบรนด์เข้าถึงลูกค้า บาลานซ์ทุกสูตร ราคา-คุณภาพ-เมนูหลากหลาย-เซอร์วิส มัดใจลูกค้า

ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารในไทยมีมูลค่าสูงกว่า 4 แสนล้านบาท เป็นการเติบโตที่ต่อเนื่อง 3-5% ทุกปี อย่างไรก็ตามการแข่งขันของตลาดก็สูงและดุเดือดตามไปด้วย ทั้งจากรายปัจจุบันและรายใหม่ที่พาเหรดเข้ามาเป็นทางเลือก เช่นเดียวกับการปรับตัวรับการแข่งขันของ “กลุ่มเอ็มเค” ที่เตรียมทัพบุกทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

เอ็มเคไลฟ์-ยาโยอิหัวหอก

นายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า แผนการขยายธุรกิจร้านอาหารในปีนี้ “เอ็มเค กรุ๊ป” มุ่งขยายสาขาทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดย “เอ็มเค ไลฟ์” และ “ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ” จะเพิ่มการลงทุนในสาขาใหม่มากขึ้นสำหรับบุกตลาดในประเทศ ขณะที่ตลาดต่างประเทศจะนำ 3 แบรนด์หลักคือ เอ็มเค สุกี้ และร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ และร้านอาหารญี่ปุ่นมิยาซากิเป็นหัวหอก

ปัจจุบันเอ็มเค กรุ๊ปมีทั้งหมด 8 แบรนด์ โดยเอ็มเค สุกี้ยังคงเป็นสัดส่วนรายได้หลักของทั้งกลุ่ม ทั้งนี้ โมเดลเอ็มเค สุกี้ แบ่งเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ เอ็มเคทั่วไป เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือครอบครัว กลุ่มเพื่อน คนทำงาน มีรายได้ระดับปานกลางหรือสูง ขณะที่เอ็มเคโกลด์ เป็นการพัฒนาสู่การเป็นพรีเมี่ยมจากกลุ่มลูกค้าเดิมของเอ็มเค สุกี้ ที่มีรายได้ค่อนข้างสูงมากขึ้น

ส่วนโมเดลล่าสุด “เอ็มเค ไลฟ์” เน้นตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเป็นร้านต้นแบบคอนเซ็ปต์ของร้านเอ็มเค สุกี้ เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรักสุขภาพ และคนรุ่นใหม่ ปัจจุบันเปิดให้บริการไปแล้ว 2 สาขา ที่เอ็ม ควอเทียร์ และเมกาบางนา ซึ่งถือว่าได้รับผลตอบรับดี คาดว่าปีนี้จะขยายสาขาที่ 3-4-5 เพื่อรองรับผู้บริโภค

“คาดว่าภายใน 2-3 ปีนี้ มีแนวโน้มขยายธุรกิจในต่างประเทศ จะใช้แบรนด์เอ็มเค สุกี้, ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ และร้านอาหารญี่ปุ่นมิยาซากิ ในการเปิดตลาด ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงทดลองและศึกษาตลาด ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตีแบรนด์เราให้บูมได้ในระยะเวลารวดเร็ว เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลา”

หาจุดแข็งสู้ตลาดแข่งดุ

ขณะเดียวกัน หัวเรือใหญ่เอ็มเคกรุ๊ป ฉายภาพว่าความเสี่ยงจากการแข่งขันในตลาดค่อนข้างสูง ธุรกิจร้านอาหารนับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น บริษัทต้องชูจุดแข็งส่งเสริมในเรื่องการขาย เชิงราคา คุณภาพ ความหลากหลายของเมนูอาหาร ประสิทธิภาพการให้บริการ จำนวนตำแหน่งที่ตั้งของร้านอาหาร การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ความสามารถในการตกแต่งร้านเพื่อดึงดูดลูกค้า โดยเฉพาะเรื่องชื่อเสียงและความแข็งแกร่งของแบรนด์ต้องสำคัญที่สุด โดยบริษัทต้องวางแผนขยายธุรกิจเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้โต 7-8% จากปีที่ผ่านมา

“ที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ สอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยที่มีการขยายตัวในอัตราดีขึ้นกว่าปีก่อน โดยในปี 2560 บริษัทมีรายได้ 16,073 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทมีการลงทุนขยายสาขาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง”

ปัจจุบัน “เอ็มเค กรุ๊ป” มีธุรกิจร้านอาหารถึง 8 แบรนด์ ได้แก่ เอ็มเค สุกี้ 427 สาขา เอ็มเคโกลด์ 6 สาขา เอ็มเคไลฟ์ 2 สาขา ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ 165 สาขา ร้านอาหารญี่ปุ่นมิยาซากิ 27 สาขา ร้านอาหารไทย ณ สยาม 1 สาขา ร้านอาหารไทย เลอสยาม 4 สาขา ร้านกาแฟ เบเกอรี่/เลอเพอพิท คาเฟ่ 3 สาขา

นอกจากนี้ยังขายแฟรนไชส์ให้ผู้ประกอบการในต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เวียดนาม ลาว เป็นต้น เมื่อเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวถือเป็นโอกาสสำคัญที่ “เอ็มเค กรุ๊ป” จะขยายธุรกิจสร้างรายได้เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค

 


ที่มา นสพ.ประชาชาติธุรกิจ