ส่วนผสม พายมะยงชิด

ปีนี้มะยงชิดดกและเป็นของฝากที่ซื้อฝากกันมาก บางครั้งทานกันไม่ทัน ต้องเอามาแปรรูป บ้างก็ลอยแก้ว บ้างก็นำมาทำพาย

พายมะยงชิด สูตรนี้ส่วนผสมไม่เยอะค่ะ ครีมชีสทำแบบบลูเบอร์รี่พาย เพิ่มน้ำมะยงชิดปั่นเข้าไป จะต่างจากสูตรอื่นตรงที่ บ้างใส่วิปครีม บ้างใส่โยเกิร์ต ส่วนตัวคิดว่าทำแล้วชอบ สูตรนี้มือหนักหน่อยเพราะใส่ครีมชีส 2 ก้อน! เรียกว่าเข้มข้นแบบเน้นๆ และไม่ได้ใช้แครกเกอร์หรือขนมปังบุหรี่ แต่ใช้คุกกี้เนย ทำให้ฐานกรอบ ตัดกับความนุ่มของครีมชีสและมะยงชิด

ส่วนผสม (10 ถ้วย)

คุกกี้                    200 กรัม

เนยเค็มละลาย     80 กรัม

ครีมชีส                2 ก้อน (อุณหภูมิห้อง)

นมข้น                 4 ช้อนโต๊ะ

น้ำมะนาว             2 ช้อนโต๊ะ

มะยงชิดปั่น         100 กรัม

มะยงชิด              2 ½ กก. (2 กก. สำหรับแต่ง ½ กก. สำหรับปั่น)

วิธีทำ

พายคุกกี้

  1. นำคุกกี้ใส่ถุงซิปล็อก จะใช้ไม้บดหรือมือบี้ก็ได้
  2.  เทเนยละลายคลุกให้เข้ากัน เหมือนทรายเปียก
  3.  ตักคุกกี้ใส่ในถ้วยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใช้ช้อนกาแฟเกลี่ยให้เรียบ ไม่ต้องกดแน่น

  4. แช่ตู้เย็นอย่างน้อย 15 นาที

มะยงชิดปั่น

  1. นำมะยงชิดที่คว้านแล้ว ปั่นให้เหลว (สูตรนี้ไม่ใส่น้ำตาล เพราะครีมชีสใส่นมข้นแล้ว)
  2. แบ่งน้ำมะยงชิดเป็น 2 ส่วน 100 กรัม สำหรับผสมกับครีมชีส ที่เหลือเอาไว้หยอดมะยงชิดในถ้วย

ครีมชีส

บดคุกกี้เนยให้ละเอียด
ผสมเนยละลายในคุกกี้บด คลุกให้เข้ากัน
ใส่คุกกี้ในถ้วยเกลี่ยให้เสมอ
  1. ตัดครีมชีสเป็นก้อนเล็กๆ ปั่นด้วยความเร็วสูงให้นุ่มฟู
  2. เติมนมข้น ปั่นให้เข้ากัน
  3. เติมน้ำมะนาว ปั่นต่อ
  4. เติมมะยงชิดปั่น ชิมรสให้ออกเปรี้ยวนิดๆ

ประกอบ

1.นำถ้วยที่ใส่คุกกี้ ออกจากตู้เย็น

2. นำครีมชีสใส่ถุงบีบ บีบในถ้วยให้ทั่ว ถ้าไม่มีถุงบีบใช้ช้อนตักได้ เคาะถ้วยให้ครีมชีสเรียบ

3. วางมะยงชิดที่หั่นเป็นชิ้นยาวทับครีมชีส หยอดน้ำมะยงชิดปั่นเล็กน้อย

4. ใส่ครีมชีสทับอีกชั้น แล้วเคาะถ้วย

5. แต่งด้วยมะยงชิดคว้านและแผ่นทองคำเปลว หรือดอกไม้ หรือใบสะระแหน่ ตามชอบ

6. เข้าตู้เย็นให้ครีมเซตตัว อย่างน้อย 30 นาที

ตีครีมชีส ใส่นมข้น ใส่น้ำมะนาว ใส่น้ำมะยงชิดปั่น

เคล็ดลับ : แนะนำให้ใช้มะยงชิดค่อนข้างสุกซึ่งจะออกรสหวาน เนื้อนิ่มตัดง่าย มะยงชิดที่วางระหว่างชั้นครีมชีส จะตัดเป็นชิ้นยาวๆ วางซ้อนกันสัก 2 ชั้นให้มีความหนานิดหนึ่ง มองจากด้านนอกจะได้เห็นสีส้มชัด หยอดน้ำมะยงชิดเล็กน้อย อย่าหยอดเยอะ มิฉะนั้นครีมชีสอาจแยกตัว ส่วนมะยงชิดชิ้นที่แต่งด้านบน บางคนอาจใช้มะยงชิดคว้านทั้งลูก แต่ครั้งนี้เลือกใช้แบบผ่าครึ่งลูก เพื่อให้ตักรับประทานง่ายค่ะ

บางคนอาจบอกว่าสูตรนี้ไม่ใช่ ไม่เหมือนกับคนอื่น แต่เราทำสูตรที่เราชอบและถูกปากคนในครอบครัวค่ะ

ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์

ใส่ครีมชีสในถ้วย
ใส่มะยงชิดทับชีส
ใส่ครีมชีสอีกครั้ง เคาะถ้วยให้ครีมชีสเรียบ

ถ้าชอบกินปลาน่าจะต้องโดนเมนูข้าวไรซ์เบอร์รีผัดปลานิล เริ่มจากจับปลานิลหั่นชิ้นแล้วเอาไปทอดจนสุกกรอบ ต่อมาก็ผัดข้าวกับผักสีสันต่างๆ ปรุงรสตามชอบแล้วใส่ปลาทอดลงไปเคล้าพอเข้ากัน ก่อนเสิร์ฟโรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์และเมล็ดทานตะวัน

ส่วนผสม ข้าวไรซ์เบอร์รีผัดกับปลา

  • ปลานิลหั่นเต๋า 100 กรัม
  • เกลือป่นหยาบ
  • พริกไทยป่น
  • แป้งทอดกรอบสำเร็จรูป
  • น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
  • กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
  • น้ำมันมะกอก 1+1/2 ช้อนชา
  • แครอตหั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
  • บรอกโคลีหั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
  • ฟักทองหั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวไรซ์เบอร์รีหุงสุก 3/4 ถ้วยตวง
  • ซอสเห็ดหอม 2 ช้อนชา
  • ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด 6-7 เม็ด
  • เมล็ดทานตะวันอบกรอบ 1 ช้อนชา
  • น้ำปลาผสมน้ำมะนาวและพริกขี้หนู

วิธีทำข้าวไรซ์เบอร์รีผัดกับปลา

  1. โรยเกลือป่นและพริกไทยป่นบนเนื้อปลานิลแล้วคลุกลงในแป้งทอดกรอบพอทั่ว ใส่ลงทอดในน้ำมันพืชใช้ไฟปานกลางทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้
  2. เจียวกระเทียมกับน้ำมันมะกอกพอเหลืองหอม ใส่แครอต บรอกโคลี ฟักทอง และข้าวไรซ์เบอร์รี ลงไปผัดเบาๆ ให้เข้ากัน
  3. ปรุงรสด้วยซอสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย เกลือป่นและพริกไทยป่น ผัดให้เข้ากัน
  4. ใส่ปลาทอดลงไปตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จานสำหรับเสิร์ฟ โรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์และเมล็ดทานตะวัน เสิร์ฟพร้อมน้ำปลาผสมน้ำมะนาวและพริกขี้หนู

ที่มา : แม่บ้าน

สาคูสีจืดชืดแค่เห็นก็เบื่อ ลองเติมน้ำอัญชันเพิ่มสีสันกันเถอะ สูตรนี้ใส่แปะก๊วยกับมะพร้าวอ่อนด้วยค่ะ

ส่วนผสม สาคูเปียกอัญชัน

  • สาคูเม็ดเล็ก 1/2 ถ้วย
  • น้ำอัญชัน 2 ถ้วย
  • มะพร้าวอ่อนขูดเป็นเส้นๆ
  • เม็ดแปะก๊วยต้มสุก
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • กะทิสำเร็จรูป 1/2 ถ้วย
  • เกลือป่น (เล็กน้อย)
  • แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำสาคูเปียกอัญชัน

1. ล้างสาคูผ่านน้ำให้สะอาด เตรียมไว้

2. ใส่น้ำอัญชันลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่เม็ดสาคูลงต้มไป เติมน้ำตาลทราย จนเป็นตากบ ปิดไฟ เตรียมไว้

3. ทำกะทิสำหรับราดหน้าขนม ใส่กะทิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน เติมเกลือป่นเล็กน้อยและแป้งข้าวเจ้า ต้มจนเดือดข้น

4. ตักสาคูอัญชันใส่ในถ้วย จากนั้นตักกะทิหยอดหน้าสาคูเปียกที่เตรียมไว้ โรยมะพร้าวอ่อนขูดกับแปะก๊วยต้มสุก พร้อมเสิร์ฟ

ที่มา : K@POOK!

เมนูหม้อหุงข้าวทำง่าย ข้าวไก่อบหอมเครื่องเทศสารพัด เพียงวางเนื้อไก่ที่หมักไว้ข้ามคืนลงไปแล้วกดหุงข้าวตามปกติ ได้มื้ออร่อยแถมอิ่มอยู่ท้องแล้วล่ะ

ส่วนผสมข้าวไก่อบ

  • สะโพกไก่ไม่มีกระดูก 3 ชิ้น
  • ไส้กรอกโชริโซสับ 1/2 ถ้วย
  • หอมหัวใหญ่สับ 1 หัว
  • กระเทียมสับ 2-3 กลีบ
  • ข้าวสาร 3 ถ้วย
  • น้ำซุป 2-3 ถ้วย
  • น้ำมันมะกอก

ส่วนผสมสำหรับหมักไก่

  • ผงกระเทียม 1 ช้อนชา
  • ผงพริกปาปริกา 1 1/2 ช้อนชา
  • ผงพริกไทยดำป่น 1/2 ช้อนชา
  • ออริกาโน 1/2 ช้อนชา
  • พริกป่น 1/4 ช้อนชา
  • เกลือ 1/8 ช้อนชา
  • น้ำเลมอนหรือมะนาว 1 ช้อนชา
  • น้ำมันมะกอก 1-2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. ผสมส่วนผสมหมักไก่เข้าด้วยกัน นำสะโพกไก่ที่ซับน้ำจนแห้งมาคลุกกับส่วนผสมหมักให้ทั่วชิ้น หมักไว้อย่างน้อย 2-4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
  2. เทน้ำมันมะกอกลงในกระทะตั้งไฟให้ร้อน วางสะโพกไก่ลงไปใช้ไฟแรงให้ผิวด้านนอกเป็นสีน้ำน้ำตาลทองยกลง ระหว่างนั้นเทข้าวสารที่ซาวแล้วใส่หม้อหุงข้าว เตรียมไว้
  3. ลดไฟเป็นไฟกลาง ใส่หอมหัวใหญ่ กระเทียม และไส้กรอกโชริโซลงไปผัดจนเข้ากัน ใส่น้ำซุปลงไป 2 ถ้วย คนให้เข้ากัน ปิดไฟ เทลงในหม้อหุงข้าว
  4. เติมน้ำซุปลงไปเพิ่มให้ได้ตามขีดในหม้อหุงข้าว คนให้เข้ากัน วางเนื้อไก่ลงไป กดหุงข้าวตามปกติ

เคล็ดลับความอร่อย

สามารถนำไก่ไปอบในเตาอบแทนได้โดยหุ้มถาดอบด้วยอะลูมินัมฟอยล์ อบด้วยอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส

ที่มา : Sanook

เคยแต่ทำไข่เจียวเต้าหู้ไข่ แต่พอเห็นเมนูไข่เจียวเต้าหู้พริกขี้หนูก็ดูน่ากินไปอีกแบบ วัตถุดิบไม่เยอะ ปรุงรสตามชอบ อีกทั้งยังใส่เครื่องเคราอื่นๆ เพิ่มได้ บอกเลยว่าน่าลองทำตามจริงๆ นะ

ไข่เจียวเต้าหู้ เมนูไข่แบบเดิมๆ ก็อร่อย แต่กินบ่อยก็แอบเบื่อ ลองใส่พริกสดเพิ่มเติมดีไหม เป็นอีกเมนูอาหารที่น่าลองทำที่บ้านกันนะคะ เราขอนำเสนอวิธีทำไข่เจียวเต้าหู้ สูตรจาก Easy food good health by Andy ใส่พริกขี้หนู และอาจใส่ชีสหรือส่วนผสมอื่นๆ เพิ่มเติมตามชอบ ปรุงรสเค็มเพิ่มนิดหน่อย เอาไปทอดจนสุก

ส่วนผสม ไข่เจียวเต้าหู้พริกขี้หนู

  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • เต้าหู้ไข่ 2 หลอด
  • พริกขี้หนู 3-4 เม็ด (ปรับลด-เพิ่มได้เลยจ้า)
  • ซีอิ๊วขาว หรือซอสปรุงรส
  • น้ำมันพืช

วิธีทำไข่เจียวเต้าหู้พริกขี้หนู

  1. ตอกไข่ใส่ชาม ตีจนขึ้นฟู
  2. หั่นเต้าหู้ไข่ชิ้นหนาหรือบางตามชอบ
  3. ซอยพริกขี้หนูหนาบางตามสะดวก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวหรือซอสปรุงรส
  4. นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนเทไข่ลงไป พอสุกพลิกกลับด้าน
  5. ทอดจนสุกทั้งสองด้าน ตักใส่จานกินกับข้าวสวยร้อนๆ อิ่มอร่อยแบบจุกๆ

ใครกำลังมองหาอาหารเช้า อยากให้ลองทำไข่เจียวเต้าหู้พริกสดกันดูค่ะ ส่วนผสมไม่เยอะ ใช้เวลาไม่นาน และอร่อยด้วยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : Easy food good health by Andy

ที่มา : K@POOK!

เอาใจสายหวาน! ช็อกบอลกัญชา 4 ขั้นตอนทำง่าย ไม่ต้องใช้เตาอบ

ช็อกบอล เป็นเมนูขนมอีกชนิดที่ได้รับความนิยม ด้วยรสชาติอร่อย แถมยังทำเองได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้เตาอบ แต่จะให้กินช็อกบอลธรรมดาๆ คงไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อ กัญชา มาแรง เลยเอาสูตร ช็อกบอลกัญชา มาให้ลองทำกันเสียเลย 

ส่วนประกอบ 

1.ขนมปัง 1 แถว   500 กรัม 

2. ช็อกโกแลตละลาย 375 กรัม 

3. เนยละลาย 1 ถ้วย   150 กรัม 

4. กัญชาผงบดละเอียด  6.8 กรัม 

วิธีทำ

1.ฉีกขนมปังเป็นชิ้นเล็กๆ ยิ่งละเอียดมากจะผสมง่ายขึ้น 

2. ใส่ช็อกโกแลตและเนยละลายลงไปทีละน้อย แล้วผสมให้เข้ากัน 

3. ค่อยๆ โรยกัญชาลงไป ผสมให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนพอประมาณ จากนั้นค่อยๆ ใส่ช็อกโกแลตและเนยละลายลงไปทีละน้อยอีกรอบ 

4. ปั้นเสร็จแล้ว ตกแต่งด้วยท็อปปิ้ง ช็อกโกแลตหรือไวท์ช็อกโกแลตผสมกัญชง 

TIP : สุตรนี้สามารถใช้ขนมปังแห้งได้ โดยจะเพิ่มส่วนผสมที่เป็นน้ำเพิ่มขึ้น เช่น นมสด และเนยละลายเพิ่มขึ้น 

ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์

H2A6770
วันนี้เราขอนำเสนอวิธีทำเค้กเลมอน ใส่ผิวเลมอนและน้ำเลมอน เพิ่มความหอมมันจากเนยและครีมชีส ทีเด็ดคือราดไอซิ่งเกลซมะนาว กินกับกาแฟยามบ่ายคลายหิว

ส่วนผสม เค้กเลมอน

  • เนยสดรสเค็ม 100 กรัม
  • ครีมชีส 110 กรัม
  • น้ำตาลทราย 80-90 กรัม
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • แป้งอเนกประสงค์หรือแป้งเค้ก 135 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผิวเลมอน 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
  • สีผสมอาหารสีเหลือง
  • เลมอน (สำหรับแต่ง)

ส่วนผสม ไอซิ่งเกลซมะนาว

  • ไอซิ่ง 150 กรัม
  • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำเค้กเลมอน

  1. ใส่เนยสดรสเค็มลงอ่างผสม ตีจนเนยขึ้นฟูเล็กน้อย ตามด้วยครีมชีสตีจนเข้ากัน
  2. ใส่น้ำตาลทราย ปั่นจนเข้ากัน ตามด้วยไข่ไก่ ตีจนเข้ากัน ร่อนแป้งเค้กกับผงฟูลงไป
  3. ตะล่อมแป้งหรือตีจนเข้ากัน ใส่น้ำเลมอนกับผิวเลมอนลงไป จากนั้นใส่สีผสมอาหารสีเหลืองลงไป
  4. หยอดใส่พิมพ์ประมาณ 3/4 ของถ้วย อบด้วยอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 20-25 นาที นำออกมาพักบนตะแกรงจนเย็น
  5. ทำไอซิ่งเกลซโดยผสมน้ำมะนาวกับน้ำตาลไอซิ่ง คนให้เข้ากัน
  6. บีบหรือราดบนเค้ก ตกแต่งด้วยเลมอน

ขอบคุณข้อมูลจาก : ครัวป้ามารายห์ / ที่มา : K@POOK!

ใครเบื่อกินอะโวคาโดเดี่ยวๆ ลองจับมาทำอาหารเพื่อสุขภาพกันดีไหมเอ่ย เราขอนำเสนอวิธีทำเมนูอะโวคาโดไม่อ้วน อย่างหม้อแกงอะโวคาโดกันค่ะ เป็นสูตรไม่ใส่แป้งและน้ำตาล เพิ่มเติมอะโวคาโดเพื่อสุขภาพ และใส่กะทิธัญพืชหอมใบเตย

ส่วนผสม ขนมหม้อแกงอะโวคาโด (สูตรนี้หวานน้อยปรับเพิ่ม-ลดตามชอบ)

  • หอมแดง
  • น้ำมันมะพร้าว
  • ไข่เป็ด 4 ฟอง
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • เกลือชมพู 1/4 ช้อนชา
  • อิริทริทอล 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ใบเตย 3-4 ใบ
  • กะทิธัญพืช 500 มิลลิลิตร
  • อะโวคาโด 330 กรัม
  • อัลมอนด์ป่น 150 กรัม

วิธีทำขนมหม้อแกงอะโวคาโด

  1. เจียวหอมแดงด้วยน้ำมันมะพร้าวให้เหลืองกรอบ จากนั้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
  2. ทำน้ำกะทิโดยนำไข่เป็ด ไข่ไก่ เกลือชมพู และน้ำตาลอิริทริทอล (Erythritol) มาขยำด้วยใบเตยเพื่อดับคาว เมื่อส่วนผสมละลายดี เติมกะทิธัญพืชและขยำให้เข้ากันอีกครั้ง นำมากรองเอาใบเตยออก
  3. เตรียมเนื้ออะโวคาโด ส่วนตัวชอบแบบไม่ละเอียดมากเลยจะใช้ส้อมบด ถ้าใครชอบแบบเนียน ๆ ก็สามารถนำไปปั่นได้เลย นำอะโวคาโดที่บดแล้วมาผสมในน้ำกะทิที่เตรียมไว้ ตามด้วยอัลมอนด์ป่นและหอมเจียวเล็กน้อยเพิ่มความหอม นำไปกวนด้วยไฟอ่อน และต้องคนตลอดเวลา ห้ามละสายตาเลย ให้สุกและข้นประมาณ 30% ก็ยกลงจากเตา
  4. ก่อนตักใส่พิมพ์ให้ทาพิมพ์ด้วยน้ำมันหอมเจียว และวอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
  5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 30 นาที
  6. พอครบ 30 นาที นำออกมาทาน้ำมันหอมเจียว และเอาเข้าไปอบต่อที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน ประมาณ 10 นาที พักไว้ให้เย็น โรยหน้าด้วยหอมเจียวและตกแต่งด้วยอะโวคาโด

ที่มา : K@POOK!

หน้าร้อนก็มามะม่วงก็มี ใครเบื่อกินมะม่วงสุกกับข้าวเหนียวมูน ถ้าที่บ้านมีเตาอบลองมาทำเค้กกันดีไหม เราขอนำเสนอวิธีทำเค้กโรลมะม่วง เนื้อเค้กวานิลลาสอดไส้ครีมสดและมะม่วงสุก แต่งด้วยครีมสดอีกครั้ง กินกับเครื่องดื่มแก้วโปรดเข้ากันสุดๆ ไปเลยจ้า

ส่วนผสม เค้กโรลวานิลลา (สำหรับพิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 28×28 เซนติเมตร)

  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 65 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  • เกลือ 1 หยิบนิ้ว
  • แป้งเค้ก 65 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช 15 กรัม
  • มะม่วงสุก
  • ผลไม้แต่งตามชอบ

ส่วนผสม ไซรัป (สำหรับพรมเค้ก)

  • น้ำต้มสุก 15 กรัม (เย็นแล้ว)
  • น้ำตาลทราย 10 กรัม
  • เหล้ามาลิบู (Malibu) 1 ช้อนชา (อยากให้มีรสเหล้าที่แรงขึ้นก็เพิ่มปริมาณไปค่ะ)

ส่วนผสม ครีมสด

  • วิปปิ้งครีม 250 กรัม
  • น้ำตาลทราย 25 กรัม

วิธีทำเค้กโรลมะม่วง

  1. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 165 องศาเซลเซียส เปิดไฟบน-ล่าง และแยกไข่แดงกับไข่ขาวให้เรียบร้อยนะคะ
  2. จากนั้นเริ่มตีไข่ขาวให้มีฟองหยาบ ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไปทีละน้อย ตีจนตั้งยอดกลาง ไม่อ่อนไปและไม่แข็งจนเกินไป
  3. ใส่ไข่แดงทั้งหมดลงไปค่ะ แล้วตีด้วยสปีดต่ำให้พอเข้ากัน
  4. ใส่กลิ่นวานิลลาและเกลือลงไป
  5. ร่อนแป้งกับผงฟูใส่ลงไปแล้วผสมให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ
  6. ตักส่วนผสมที่ได้ออกมาสัก 2-3 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงไปในถ้วยน้ำมันพืช คนผสมให้เข้ากันดีค่ะ
  7. เทส่วนผสมที่ผสมเข้ากับน้ำมันดีแล้วกลับลงไปในโถผสมใบใหญ่
  8. ใช้ไม้พายตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากันดีอีกครั้งค่ะ
  9. เทลงใส่ถาดที่เตรียมไว้ รองกระดาษรองอบให้เรียบร้อย ปาดให้เรียบเสมอกัน
  10. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 165 องศาเซลเซียส ประมาณ 12 นาที เมื่อขนมสุกแล้วพักให้อุ่นๆ แล้วแกะคลี่มุมขอบกระดาษออก แล้วม้วนไปทั้งกระดาษ พักไว้จนเย็นค่อยคลี่ขนมออกค่ะ
  11. ใช้กระดาษรองอบอีกแผ่นประกบที่ด้านบนของขนม พลิกขนมแล้วลอกกระดาษรองอบอีกฝั่งออกมาค่ะ เราต้องการให้ด้านที่ไม่มีผิวขนมอยู่ด้านบน เพราะฉะนั้นเราจะพลิกขนมกลับไปอีกครั้ง แล้วจะปาดครีมด้านที่มีผิวขนมนะคะ
  12. ทำส่วนผสมไซรัปโดยผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ใช้ช้อนคนให้น้ำตาลละลายเข้ากันดี เสร็จแล้วใช้แปรงจุ่มน้ำเชื่อมแล้วทาให้ชุ่มทั่วเค้กทั้งแผ่น
  13. ทำส่วนผสมครีมสดโดยตีวิปปิ้งครีมกับน้ำตาลทรายจนตั้งยอดค่ะ รอบนี้ไม่ได้ใส่กลิ่นวานิลลา อยากได้รสและกลิ่นแบบนมๆ ไปเลย
  14. แบ่งครีมออกมา 170 กรัม สำหรับปาดโรลเค้กค่ะ และอีก 80 กรัมที่เหลือเตรียมใส่ถุงบีบไว้ สำหรับบีบครีมตกแต่งด้านบนเค้กค่ะ
  15. หั่นมะม่วงสุกวางลงไปตามชอบค่ะ เราวางแค่สามแถว ใส่เยอะไปเดี๋ยวม้วนยาก แต่ใส่น้อยไปก็จะไม่อร่อย เอาเป็นว่ากำลังดี เอาแบบพอดีแล้วกันนะคะ
  16. ม้วนเสร็จแล้ว นำไปแช่เย็นให้เค้กเซ็ตตัวสัก 1 ชั่วโมงค่อยตัดค่ะ
  17. บีบครีมด้านบนและตกแต่งด้วยผลไม้ตามชอบค่ะ

ผลไม้ฤดูร้อนโดยเฉพาะมะม่วง ถ้าเบื่อปอกกินเปล่าๆ จับมาทำเค้กโรลมะม่วงไม่น่าเบื่อกันเถอะ ถ้าเบื่อครีมสดเปลี่ยนเป็นทาซอสมะม่วงแทนก็ได้นะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก Bake with Heart และ ยูทูบ Bake with heart

จากที่เคยซื้อกุ้งดองเกาหลีหรือกุ้งดองคันจัง อาหารสไตล์เกาหลีจากร้านดัง แม้จะอร่อยแต่ราคาแอบแรงไปหน่อย ถ้าทำกินเองน่าจะคุ้มกว่าเยอะ เราขอนำเสนอวิธีทำกุ้งดองซีอิ๊วสูตรเกาหลี มาพร้อมวิธีทำกุ้งให้เด้งและสูตรซีอิ๊วเกาหลี กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือกินกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยค่ะ

วิธีล้างทำความสะอาดกุ้ง

ส่วนผสม สำหรับล้างกุ้ง

  • กุ้งขาว 400 กรัม
  • เกลือเล็กน้อย
  • โซดาแช่เย็น

วิธีล้างกุ้ง

  • นำกุ้งมาตัดหัวและขาออกให้หมด ใช้ไม้จิ้มฟันดึงเส้นดำที่หลังกุ้งออก จะแกะเปลือกหรือไม่แกะเปลือกก็ได้
  • นำใส่อ่าง เติมเกลือและโซดาแช่เย็นเพื่อให้กุ้งเด้งกรอบ เอามือขยำล้างกุ้งสักครู่ เสร็จแล้วล้างด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง

ส่วนผสม ซีอิ๊วเกาหลีสำหรับดองกุ้ง

  • ซอสโชยุ 100 มิลลิลิตร
  • น้ำเปล่า 5 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
  • มิริน 1 ช้อนโต๊ะ
  • ขิงหั่นแว่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมฝานบาง 2 ช้อนโต๊ะ
  • ต้นหอม 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกชี้ฟ้า 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกจินดา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำกุ้งดองซีอิ๊วสูตรเกาหลี

  1. ทำซีอิ๊วเกาหลีโดยเทซอสโชยุลงไปในหม้อ เติมน้ำเปล่า น้ำตาลทราย ขิง กระเทียม และมิริน ตั้งไฟเคี่ยวจนน้ำตาลละลาย ใส่ต้นหอมและใส่พริกลงไป เทใส่ภาชนะ พักไว้ให้เย็น
  2. สุดท้ายใส่กุ้งลงในซีอิ๊วเกาหลี ดองประมาณ 3-5 ชั่วโมง หรือแช่เย็นเก็บไว้กินได้นาน 3-5 วัน

ใครเบื่อผัดกะเพรากับข้าวสวย ลองมาทำกุ้งดองเกาหลีเป็นกับข้าวกันดีไหม ถ้ากินไม่หมดจับแช่เย็นกินมื้อต่อไปก็ได้ค่ะ

ที่มา : K@POOK!