แม็คโคร เดินหน้า โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด ผนึกกรมการค้าภายใน ตั้งเป้ารับซื้อเพิ่มกว่า 20% พร้อมตั้งฮับภูมิภาครับซื้อตรงจากเกษตรกรรายย่อย

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการใหญ่ “โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด”  เดินหน้ารับซื้อสินค้าเกษตร ผัก-ผลไม้-สินค้าประมง ผ่านการรับซื้อตรงอย่างต่อเนื่อง  หลังลงนามเอ็มโอยูกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับผลกระทบโควิด-19   ตั้งเป้าหมายรับซื้อเพิ่ม 20%

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่จบลงโดยง่ายและอาจยืดเยื้อไปอีกหลายเดือน ซึ่งได้สร้างผลกระทบให้กับเกษตรกรรายย่อยเป็นจำนวนมาก ที่ต้องเผชิญกับปัญหาผลผลิตระบายไม่ทัน  ล่าสุดแม็คโครจึงได้เปิดตัว ‘โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด’   หลังจากได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยได้รับซื้อสินค้าเกษตรจากชาวสวนชาวไร่มาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ผลไม้ตามฤดูกาล  ผัก  สินค้าประมง พร้อมวางแผนการส่งเสริมการขาย กระตุ้นการบริโภคให้กับลูกค้าทุกกลุ่มผ่านสาขาทั่วประเทศของแม็คโคร

“แม็คโคร เรามีทีมพี่เลี้ยงเกษตรกร ประจำภูมิภาคต่างๆ คอยทำหน้าที่ในการลงพื้นที่หาผลผลิตจากเกษตรกรรายย่อยที่มีคุณภาพ และร่วมกันพัฒนาเพื่อให้เกิดการทำเกษตรที่ยั่งยืนในระยะยาว ภายใต้หลัก การตลาดนำการผลิต  อีกทั้งยังจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาคที่เป็นช่องทางสำคัญในการสร้างโอกาสให้เกษตรกรส่งผลผลิตขายโดยตรงมากขึ้น ประกอบกับการประสานงานกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัด ทำให้การแก้ปัญหา สินค้าเกษตรล้นตลาดเป็นไปด้วยความรวดเร็ว สามารถช่วยเกษตรกรที่กำลังประสบปัญหาได้ทันท่วงที ซึ่งคาดว่าในปีนี้เราจะรับซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นอีก 20% ”

6
3

แม็คโคร ได้วางแผนการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยในหลายมาตรการ ประกอบด้วย

  1. ขยายการรับซื้อและกระจายสินค้าสู่ทุกสาขาทั่วประเทศเพิ่มจาก 170,000 ตันในปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะรับซื้อเพิ่มขึ้นอีก 20% หรือ 204,000 ตันในปีนี้
  2. แผนจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าย่อยในภูมิภาคต่างๆ 6 แห่ง เพิ่มโอกาสในการรับซื้อตรง (Direct sourcing) ให้เกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศ โดยเปิดแห่งแรกแล้วที่จังหวัดเชียงใหม่
  3. การพัฒนามาตรฐานการเพาะปลูกร่วมกับเกษตรกร ด้วยการจับมือกับหลายหน่วยงาน อาทิ ส่งเสริมเกษตรกรแปลงใหญ่ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนามาตรฐาน GAP ให้เกษตรกร จาก 1,200 ราย เพิ่มเป็น 1,500 รายในปี 2564
  4. โครงการจับคู่ธุรกิจ Business Matching ตามภูมิภาคต่างๆ เพิ่มโอกาสเกษตรกรได้เข้าถึงช่องทางจำหน่ายที่มั่นคงอย่างแม็คโคร
  5. การส่งเสริมสภาพคล่อง ด้วยการกำหนดระยะเวลาการชำระสินค้า (Credit Term) ส่วนใหญ่ ไม่เกิน 30 วัน

สำหรับผลผลิตที่รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยที่ประสบปัญหาล้นตลาดในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคมนี้  ประกอบด้วย  ฟักทอง จากเกษตรกรกว่า 200 ครัวเรือนในภาคเหนือและภาคใต้จำนวน 303 ตัน, เผือก จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่เผือกหอม อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ที่มีสมาชิก 100 ครัวเรือน จำนวน 200 ตัน, หน่อไม้หวาน จากกลุ่มเกษตรกร จ.สระแก้ว และ จ.ฉะเชิงเทรา 150 ครัวเรือน จำนวน 208 ตัน, พริกสด จากกลุ่มเกษตรกร จ.พัทลุง 50 ครัวเรือน จำนวน 30 ตัน, สับปะรดปัตตาเวีย จากกลุ่มแปลงใหญ่สับปะรด อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง 100 ครัวเรือน จำนวน 18,000 ผลต่อเดือน, สละอินโด จากเกษตรแปลงใหญ่ ต.ตะดละทรายทอง อ.ไม้แก่น และเกษตรแปลงใหญ่ ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 100 ครัวเรือน จำนวน 16 ตันต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีสินค้าประมง อาทิ ปลานิล จาก จ.นครพนม จ.โคราช จ.สงขลา 199 ครัวเรือน ซึ่งในระยะเวลาสองอาทิตย์ รับซื้อไปแล้วมากกว่า 3 ตัน และยังมีโครงการรับซื้ออย่างต่อเนื่อง ฯลฯ

นางศิริพร กล่าวอีกว่า  “ปัจจุบัน เรามีเกษตรกรรายย่อยที่เป็นคู่ค้ากับแม็คโคร มากกว่า 7,000 ราย และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 เช่นนี้ ยังมีเกษตรกรอีกมากมายที่กำลังเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งเราไม่เพียงแค่รับซื้อ แต่ยังวางแผนการพัฒนาร่วมกัน เพื่อให้เกษตรกรรายนั้นๆ ได้เป็นคู่ค้าถาวร มีตลาดที่มั่นคงยั่งยืน ผ่านการกระจายผลิตผลไปยังลูกค้าผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักที่สำคัญของแม็คโคร  รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการบริโภคสินค้าจากเกษตรกรไทยสู้ภัยโควิดอย่างต่อเนื่อง”  

แม็คโคร เชียงใหม่ ประเดิมสาขาแรกเป็นจุดลงทะเบียนฉีดวัคซีน ล่าสุด จับมือ สสจ.เชียงใหม่ จัดพื้นที่ อำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนให้ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค ขยายช่องทางการเข้าถึงบริการ เพื่อจองวันและสถานที่ฉีดวัคซีนโควิด ย้ำมาตรการป้องกันโควิด-19 ขั้นสูงสุด เพิ่มความมั่นใจ

นางสาวศิรดา พฤกษตระกูล ผู้จัดการเขต แม็คโคร สาขาภาคเหนือ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม็คโคร พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภาครัฐช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึงโดยเร็ว ล่าสุด แม็คโคร สาขาเชียงใหม่ ได้รับคัดเลือกจากกลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ในการเป็นจุดรับลงทะเบียนเฉพาะกิจ ให้กับ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค ระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม ตั้งแต่เวลา 9.00 น. – 16.00 น.  ก่อนรอการฉีดวัคซีนในลำดับต่อไป

“แม็คโคร เชื่อมั่นว่า การร่วมแบ่งเบาการดำเนินงานของภาครัฐ  ในการแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 จะทำให้เกิดการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว ซึ่งแม็คโคร สาขาเชียงใหม่  มีความพร้อมที่ช่วยภาครัฐเป็นจุดลงทะเบียนเฉพาะกิจ อำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค ที่ไม่สะดวกในการลงทะเบียนผ่าน ‘หมอพร้อม’ ด้วยตนเอง เพียงนำบัตรประชาชนและใบรับรองแพทย์ (กรณี 7 กลุ่มโรคที่ไม่พบชื่อในระบบ) มายื่นลงทะเบียนและจองวันฉีดวัคซีนโควิด -19 ได้ ที่สำคัญขอให้มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย เนื่องจาก แม็คโครทุกสาขาได้ดำเนินมาตรการป้องกันการ

แพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มข้น ภายใต้มาตรฐานสถานประกอบการปลอดภัย ป้องกันโควิด-19 ‘THAI STOP COVID Plus’ รอบใหม่ ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข”

ที่ผ่านมา แม็คโครได้ทยอยส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ – สิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ ในการดูแลผู้ป่วย ตลอดจนมอบชุดป้องกันการติดเชื้อ หรือ PPE ให้แก่ โรงพยาบาลสนามทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท  เพื่อส่งกำลังใจให้แก่บุคลากรด่านหน้าในการต่อสู้กับโควิด-19

แม็คโคร จับมือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดสินค้าฟรี ให้ 3,500 ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านทั่วไทย พร้อมต่อยอดโครงการ “แม็คโครมิตรแท้โชห่วย” สู่สมาร์ทโชห่วย หนุนค้าปลีกรายย่อยไทยฝ่าวิกฤตโควิด

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ผนึกกำลัง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ต่อยอด “โครงการพัฒนาร้านค้าปลีกยุคใหม่สู่สมาร์ทโชห่วย” ล่าสุด จัดชุดสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพส่งต่อร้านค้ากองทุนหมู่บ้าน 3,500 แห่งทั่วประเทศโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมมูลค่ากว่า 3.7 ล้านบาท เพื่อให้ร้านค้าสามารถจำหน่ายสินค้าในราคาประหยัดแก่ประชาชนในชุมชน ผลักดันเศรษฐกิจฐานราก พร้อมเป็นพี่เลี้ยงยามวิกฤต สร้างโชห่วยไทยเข้มแข็ง

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม็คโคร ได้ร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์  ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง กว่า 11 ปีในการยกระดับศักยภาพร้านค้าปลีกท้องถิ่น ภายใต้ “โครงการแม็คโครมิตรแท้โชห่วย” ซึ่งปัจจุบันได้ยกระดับการสนับสนุน ให้ร้านค้าปลีกสามารถพัฒนาสู่ สมาร์ทโชห่วย โดยนำประสบการณ์ความเชี่ยวชาญจากโครงการแม็คโครมิตรแท้โชห่วย มาเป็นต้นแบบที่สำคัญ  ล่าสุดได้ร่วมมือกับ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.)  จัดกิจกรรม “ซื้อง่าย ถูกใจ ใกล้ชุมชน”  จัดชุดสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ จำนวน 23 รายการ รวมมูลค่ากว่า 3.7 ล้านบาท  สมทบให้ฟรี กับร้านค้ากองทุนหมู่บ้าน 3,500 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคมนี้ เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนให้ร้านโชห่วยสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน และเป็นแหล่งกระจายสินค้าราคาประหยัดสู่ท้องถิ่น ช่วยลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 

“กิจกรรมความร่วมมือที่เราทำผ่านร้านค้ากองทุนหมู่บ้าน ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้ร้านค้าในชุมชนสามารถเข้าถึงสินค้าราคาประหยัด ทำให้สมาชิกของร้านค้า (คนในชุมชน) ได้เลือกซื้อสินค้าราคาประหยัด ส่วนร้านค้าก็จะมียอดขายและกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งจะถูกจัดสรรคืนสู่ชุมชนผ่านสมาชิกร้านค้ากองทุนหมู่บ้าน ซึ่ง ร้านโชห่วย หรือร้านค้าปลีกรายย่อย เป็นทางเลือกที่สำคัญในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีพใกล้บ้าน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เราอยากให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทาง เพื่อลดความเสี่ยงเช่นนี้”

ไม่เพียงเท่านั้น แม็คโคร ยังเป็นพี่เลี้ยงในการแบ่งปันความรู้ และถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ในการพัฒนาร้านค้าปลีกรายย่อย ภายใต้ ‘โครงการพัฒนาร้านค้าปลีกยุคใหม่สู่สมาร์ทโชห่วย’  อาทิ การถ่ายทอดแนวคิด ‘ตู้ครัวชุมชน’ เพิ่มโอกาสร้านโชห่วยสร้างรายได้และกำไรเพิ่มจากอาหารแช่แข็ง,  เสริมองค์ความรู้ใหม่ด้วยเทคโนโลยีผ่าน 

e-Learning, อำนวยความสะดวกร้านค้าผ่านบริการรับสั่งซื้อและจัดส่งจากช่องทางออนไลน์ อาทิ MakroClick, Application, การนำระบบ Smart POS ที่แม็คโครได้พัฒนามาใช้ในการบริหารจัดการสต๊อกสินค้า รวมถึง             ยังร่วมกับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ผลักดันโครงการ “Makro U Project” ด้วย

“แม็คโครและกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะร่วมมือกันดำเนินโครงการและกิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาโชห่วยและปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรายึดมั่นในหลักการที่ว่าแม็คโครจะเคียงข้าง และเป็นคู่คิดธุรกิจให้กับร้านค้ารายย่อยเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ใด”  นางศิริพร กล่าว

ทั้งนี้ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านจะได้รับหนังสือแจ้งจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยทั้ง 3,500 แห่ง สามารถนำหลักฐานมารับชุดสินค้า ณ สาขาของแม็คโคร ภายในจังหวัดที่ร้านค้าตั้งอยู่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมรับคูปองส่วนลดพิเศษมูลค่า 577 บาท เมื่อซื้อสินค้าอื่นๆ นอกรายการ ได้อีกด้วย ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 พฤษภาคม 2564 นี้ นอกจากนี้ แม็คโครยังเปิดโอกาสร้านค้าโชห่วยที่สนใจปรับปรุงร้านค้า เรียนรู้ระบบการจัดการร้านที่ก้าวทันยุคสมัย หรืออยากมีอาชีพเปิดร้านค้าเล็กๆ  สามารถรับคำปรึกษาได้ที่ “ศูนย์มิตรแท้โชห่วย” ในทุกช่องทาง อาทิ https://www.siammakro.co.th/mra.php  หรือ Line@makro-mra

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ประกาศเจตนารมณ์ สนับสนุนเกษตรกรรายย่อย เอสเอ็มอีไทย ฝ่าทุกวิกฤตไปด้วยกัน ชูระบบนิเวศน์การค้าเพื่อความยั่งยืนสนับสนุนตลอดห่วงโซ่ พร้อมพัฒนาศักยภาพในทุกมิติ หวังดันรายเล็ก ไต่บันไดเติบโตสู่สาขาในอาเซียน

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วิกฤตการณ์โควิด-19 ได้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง ต่อผู้ผลิตรายย่อย ทั้ง เอสเอ็มอี และเกษตรกรรายย่อย ที่เป็นพันธมิตรทางการค้าสำคัญ ในปี 2564 นี้จึงมุ่งมั่นที่จะนำพาพันธมิตรทางธุรกิจฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน โดยเพิ่มความเข้มข้นของเจตนารมณ์ด้านการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย คู่ค้าผู้ผลิตขนาดกลางและขนาดย่อย (เอสเอ็มอี) ด้วยมาตรการต่างๆ พร้อมทั้งได้วางระบบนิเวศน์ทางการค้ารับยุคนิวนอร์มอล เพื่อปูทางให้รายเล็กมีโอกาสพัฒนาศักยภาพ ขยายการเติบโตสู่การส่งออกสินค้าไปขายยังแม็คโครสาขาในอาเซียน

“แม็คโครมีกลุ่มเกษตรกรไทยที่เป็นคู่ค้ากับเรามากกว่า 7,000 ราย มีผู้ผลิตรายย่อยหรือเอสเอ็มอีอีกกว่า 2,000 ราย

ที่ผ่านมาพวกเขาเหล่านี้ได้รับผลกระทบรุนแรงจากสถานการณ์โควิด-19 และปัจจัยรอบด้าน ด้วยเจตนารมณ์อันแน่วแน่ แม็คโคร จึงขอมุ่งมั่นเคียงข้างเกษตรกรไทย และธุรกิจรายย่อย ในทุกสถานการณ์ด้วยการสนับสนุนและช่วยเหลือในทุกวิถีทางที่ทำได้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มธุรกิจฐานรากที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทย”

ในปีผ่านมา แม็คโครสนับสนุนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโควิด-19 ในหลายๆ โครงการ เช่น การรับซื้อกุ้งจากกลุ่มผู้เลี้ยงกุ้งในหลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ การสนับสนุนและกระจายสินค้าปลากะพง และร่วมมือกับสมาคมภัตตาคารไทยในการสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ จากปลากะพง ทำให้เกิดความนิยมบริโภคปลากะพงใหญ่ ขนาด 3-5 กิโลกรัม อีกทั้งได้ร่วมสนับสนุนโครงการเกษตรแปลงใหญ่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรไทย และเอสเอ็มอี ของแม็คโคร ประกอบด้วย

1. โครงการจับคู่ธุรกิจ Business Matching ส่วนของโครงการบิ๊กบราเธอร์ ที่แม็คโคร ให้ความร่วมมือกับ หอการค้าไทย

2. จัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าย่อยในภูมิภาคต่างๆ 6 แห่ง เพื่อรับซื้อผลผลิตโดยตรงจากกลุ่มเกษตรกร ซึ่งในปี 2564 ตั้งเป้าหมายรับซื้อผักและผลไม้จากเกษตรกรไทย เพิ่มขึ้น 20%

3. การพัฒนามาตรฐานการเพาะปลูก ด้วยการจับมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีเป้าหมายพัฒนามาตรฐาน GAP จาก 1,200 ราย เพิ่มเป็น 1,500 รายในปี 2564

4. การส่งเสริมสภาพคล่อง ด้วยการกำหนดระยะเวลาการชำระสินค้า (Credit Term) ให้ SMEs ส่วนใหญ่ ไม่เกิน 30 วัน

5. การส่งเสริมเอสเอ็มอี และเกษตรกรรายย่อยให้มีศักยภาพขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเซียน

นอกจากนี้ แม็คโคร ยังมีเอสเอ็มอี กลุ่มสำคัญที่สนับสนุนและส่งเสริมมาอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยหรือ โชห่วย ผ่านโครงการ “แม็คโครมิตรแท้โชห่วย” และ กลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจอาหาร ที่มีโครงการแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เป็นเครือข่ายสำคัญ

“เกษตรกร และเอสเอ็มอีที่เป็นคู่ค้า ไม่ได้มีแม็คโครเป็นคู่คิดทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข ที่คอยเคียงข้างและพากันเติบโตไปในธุรกิจค้าส่งค้าปลีกที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศและหลายประเทศในอาเซียน” นางศิริพร กล่าวทิ้งท้าย

แม็คโคร จัดแคมเปญ “มั่งมี รุ่งเรือง เฮง รับตรุษจีน” ชูสินค้าครบครัน รับเทรนด์พร้อมปรุงมาแรง พร้อมย้ำจุดยืนขายส่ง ราคาคุ้มค่าด้วยชุดไหว้ยุคประหยัด

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดตัวแคมเปญ “มั่งมี รุ่งเรือง เฮง รับตรุษจีน” เน้นสินค้าครบครันถูกต้องตามหลักประเพณี หลากหลายกว่า 3,000 รายการ พร้อมจัดชุดผลไม้ไหว้ยุคประหยัด และเติมเต็มความสะดวกด้วยอาหารพร้อมปรุง-แช่แข็ง สนับสนุนเอสเอ็มอีท้องถิ่น หนุนผู้ประกอบการมีสินค้าสะดวกขายช่วงตรุษจีน สร้างทางเลือกใหม่ให้ร้านค้ารายย่อย

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม็คโครในฐานะศูนย์รวมอาหารสดและวัตถุดิบสำหรับผู้ประกอบการ ได้จัดแคมเปญ ‘มั่งมี รุ่งเรือง เฮง รับตรุษจีน’ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการและลูกค้าทั่วไป ด้วยสินค้ากว่า 3,000 รายการ โดยเพิ่มชุดผลไม้-เนื้อสัตว์พร้อมไหว้ สินค้าแช่แข็ง รูปแบบอาหารพร้อมปรุง ที่สะดวก สะอาด ปลอดภัย ในราคาคุ้มค่า สร้างทางเลือกใหม่และโอกาสการขายให้ร้านค้ารายย่อยที่มีตู้แช่เย็น ตู้ครัวชุมชน

“แม็คโคร เข้าใจถึงผลกระทบที่ผู้ประกอบการและลูกค้าทั่วไปประสบอยู่ จึงนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ในด้านราคาคุ้มค่า สะดวก สะอาด และมีความปลอดภัย โดยเฉพาะกลุ่มผลไม้ เนื้อสัตว์สำหรับไหว้ตรุษจีน หลังสำรวจพบว่า ตรุษจีนปีนี้ลูกค้าอาจลดงบประมาณในการซื้อสินค้าหลายประเภทลง อาทิ ผัก ผลไม้ เครื่องเซ่นไหว้ แม็คโครจึงได้จัดชุดประหยัดมาให้ลูกค้าได้เลือก เพื่อการไหว้ที่ถูกต้องตามประเพณี ในราคาที่เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจ อาทิ ชุดผลไม้ 5 มงคล 4 แบบ ราคา 139 บาท และชุดผลไม้ 9 มงคลราคา 399 บาท”

ทั้งนี้สินค้าไหว้ตรุษจีนทุกชนิด แม็คโครได้คัดสรรจากแหล่งผลิตคุณภาพจากเกษตรกรรายย่อย และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนำ แบรนด์เฮงเฮงเฮง ซึ่งเป็นแบรนด์เอสเอ็มอีสินค้าพร้อมไหว้แช่แข็ง เข้าวางจำหน่ายในช่วงเทศกาลสำคัญนี้ ไม่ว่าจะเป็น ไก่ไทยต้ม เป็ดพะโล้ หมูสามชั้นพะโล้ ปลากะพงทองนึ่ง, แบรนด์แสงทอง หมูแดง หมูกรอบ รวมถึงเอสเอ็มอีรายย่อยที่ผลิตสินค้ากลุ่มติ่มซำพร้อมทานให้กับ แบรนด์ aro เหมาะกับการนำไปขายต่อทำกำไร หรือไหว้ตามประเพณีได้

นางศิริพร กล่าวอีกว่า “แม้กำลังซื้อในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะยังไม่กลับมาคึกคักเท่าก่อนหน้าการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม็คโคร ในฐานะศูนย์รวมอาหารสดและวัตถุดิบสำหรับผู้ประกอบการ ขอทำหน้าที่นำเสนอสินค้าราคาคุ้มค่า ให้ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ พร้อมเสริมสร้างความมั่นใจในด้านอาหารปลอดภัย ให้ทุกฝ่าย ได้มีกำลังใจต่อสู้กับวิกฤตที่เกิดขึ้น โดยมีแม็คโครอยู่เคียงข้าง ซินเจีย ยู่อี่ ซินนี้ ฮวดไช้ ค่ะ”

เมื่อวันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2563 เวลา 13:30 น.ที่ผ่านมา บริษัทแม็คโคร จำกัด (มหาชน) มีการประกาศความเป็นผู้นำด้านการจำหน่ายเนื้อวัวพรีเมียมจากทั่วโลกรวมถึงเนื้อคุณภาพดีจากไทยที่กำลังเป็นที่นิยม ฮิตติดไอเท็มเด็ดในหมู่นักกินสายเนื้อ เน้นวาง โพสิชั่นนิ่งหลากหลาย ตอบทุกโจทย์ ผู้ประกอบการร้านอาหาร แฟนพันธุ์แท้ยุคนิวนอร์มอล กระตุ้นตลาดคนรักเนื้อ (Beef Lover) โตไม่หยุด

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า  ปัจจุบันกระแสความนิยมในการบริโภคเนื้อวัวของคนไทยมีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ ทั้งจากกลุ่มที่ติดใจในรสชาติ ความนุ่ม ของเนื้อวัวพรีเมียมที่เข้ามาสร้างอิทธิพลให้กลุ่มคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้เนื้อวัว ตลอดจนกระแสปิ้งย่าง ชาบู มาแรงมากเสียจนร้านอาหารระดับกลางและเล็ก หรือกลุ่ม สตรีทฟู้ดพากันหันมาสร้างสรรค์เมนูพิเศษจากเนื้อเพื่อเป็นจุดขาย  แม็คโครเล็งเห็นการเติบโตดังกล่าวโดยทำหน้าที่คัดสรรเนื้อวัวคุณภาพจากทุกภูมิภาคของประเทศไทย และนำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก มาจำหน่ายมุ่งเน้นความหลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ

คุณธีราพร ธีรทีป (ซ้าย) และ คุณศิริพร เดชสิงห์ (ขวา)

“ตลาดเนื้อวัวพรีเมียมในปัจจุบันมีการตอบรับดีมากเห็นถึงการเติบโตอย่างชัดเจนจากกลุ่มโฮเรก้าที่นิยมสั่งซื้อเนื้อคุณภาพดีไปสร้างสรรค์เมนูอาหารเพื่อเป็นจุดขาย ซึ่งมีหลายระดับราคาเริ่มตั้งแต่ราคา 200 บาทต่อกิโลกรัมจนถึงระดับเนื้อวากิวคุณภาพเกรดพรีเมียมราคากว่า 10,000 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ด้วยกระแสในโซเชียลมีเดีย ที่มีการแชร์สินค้าเนื้อวัวคุณภาพดีจากแม็คโครจนเกิดกระแสตอบรับเป็นอย่างสูง  ทำให้กลุ่มคนรักเนื้อ (Beef Lover)  ที่เป็นลูกค้าทั่วไปตอบรับและมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่คนอยู่กับบ้านมากขึ้นทำอาหารทานมากขึ้น ส่งผลให้แม็คโคร กลายเป็นจุดหมายในการซื้อเนื้อวัวคุณภาพดี ที่มีความหลากหลาย ครบครันทุกความต้องการ”

ด้าน นางสาวธีราพร ธีรทีป ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสินค้าอาหารสด กล่าวเสริมว่า “แม็คโครมีความหลากหลายของเนื้อวัวคุณภาพที่นำเข้าจากต่างประเทศและในประเทศ รวมแล้ว  7 ประเทศ ทั้ง เนื้อวัวไทย, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, บราซิล, อาร์เจนติน่า  มีสินค้ามากกว่า 1,000 รายการ ซึ่งแม็คโครมีส่วนแบ่งตลาดเนื้อวัวสำหรับไฮเปอร์มาร์เก็ตประมาณ 93%

นอกจากนี้ แม็คโครได้ให้การสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนไทยกว่า 5,000 ครัวเรือน พร้อมร่วมยกระดับการเลี้ยง การผลิตสู่ตลาดสากล และได้รับการยอมรับในแง่ของรสชาติและความอร่อย ล่าสุดได้ร่วมมือกับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนในหลายจังหวัดทั่วประเทศ พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ พร้อมปั้นแบรนด์เนื้อเกรดพรีเมียม Pro Butcher ซึ่งจะมีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการตลาด ภายใต้ชื่อ “แม็คโคร แหล่งรวมเนื้อคุณภาพ (Beef Destination)” เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มเข้าถึงเนื้อวัวพรีเมียมคุณภาพดีราคาเข้าถึงง่าย ที่แผนกอาหารสด แม็คโครทุกสาขาทั่วประเทศ

ทั้งนี้แม็คโครเริ่มเปิดตลาดเนื้อพรีเมียม ตั้งแต่ได้ร่วมพัฒนาเนื้อโคขุนไทยแองกัส และไทย วากิว ที่มีลายไขมันแทรก MS4+, MS5+ ซึ่งเป็นเนื้อคุณภาพดี และมีไขมันที่แทรกในเนื้อ (Marbling Score) เป็นที่นิยม จนกระทั่งเกิดการต่อยอดไปสู่เนื้อนำเข้าจากหลากหลายประเทศ โดยมีการคัดกรองเนื้อชั้นดีผ่านการตรวจสอบเชื้อไวรัสต่างๆ ผ่านกรมปศุสัตว์ เพื่อการตรวจสอบเนื้อที่มีคุณภาพที่ดีและปลอดภัย ในขณะที่กระแสให้ความนิยมในการบริโภคเนื้อวัวของคนไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีอัตราการบริโภคเฉลี่ย 2.7 กิโลกรัมต่อคนต่อปี มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 4 หมื่นล้านบาทต่อปี แม็คโคร จึงเป็นจุดกระจายเนื้อวัวที่มีคุณภาพที่ดีและปลอดภัยในพื้นที่การตลาดในยุคปัจจุบัน

(ซ้าย) นฤมล ชุติปัญญาภรณ์ (ขวา) วิภู เลิศสุรพิบูล

แม็คโคร นำเทรนด์ขายเนื้อจากพืชสู่ผู้ประกอบการ รับเทศกาลกินเจ สร้างทางเลือกวัตถุดิบรักสุขภาพ ราคาขายส่ง ตอบโจทย์ผู้ประกอบการร้านอาหาร

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) นำกระแสอาหารแห่งอนาคต เปิดพื้นที่ขายเนื้อจากพืช (Plant-based Meat) รับเทศกาลกินเจ สร้างโอกาสสตาร์ทอัพไทย รุกตลาดผู้ประกอบการร้านอาหาร เพิ่มมูลค่าเมนูจานเด็ดจากวัตถุดิบอินเทรนด์โลกราคาขายส่ง ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใส่ใจสุขภาพ เว้นการฆ่าสัตว์ คาดแนวโน้มโตก้าวกระโดด

นางสาวนฤมล ชุติปัญญาภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสินค้าอาหารสด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 31 ปี แม็คโครได้คัดสรรสินค้าและวัตถุดิบที่มีคุณภาพมาตรฐานอาหารปลอดภัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้ประกอบการ รวมถึง เนื้อจากพืช หรือแพลนต์เบสด์มีท (Plant-based Meat) ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้รับประทานเจ มังสวิรัติ และกลุ่มผู้รักสุขภาพ  ซึ่งในเมืองไทยกลุ่มนี้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง  แต่ด้วยข้อจำกัดด้านราคาในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารเข้าถึงได้น้อย  แม็คโครจึงได้ร่วมกับบริษัท Meat Avatar  สตาร์ทอัพคนไทย ที่ประสบความสำเร็จจากการพัฒนาเนื้อจากพืชที่ทำมาจากวัตถุดิบในไทย นำสินค้าที่มีขนาดบรรจุเหมาะสำหรับความต้องการใช้ของผู้ประกอบการร้านอาหารมาจำหน่าย

“แม็คโคร เล็งเห็นว่า เนื้อจากพืช เป็นวัตถุดิบที่ผู้ประกอบการร้านอาหารเริ่มมองหา เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์เมนู เพิ่มมูลค่า ตอบโจทย์ลูกค้ารักสุขภาพ  รวมถึงช่วงถือศีลกินผักในเทศกาลกินเจ ตลาด         แพลนต์เบสท์มีทในเมืองไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจมาก การทำตลาดสำหรับผู้ประกอบการจะทำให้เนื้อจากพืช มีราคาเข้าถึงง่าย  เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเป็นวงกว้างกว่าเดิม ที่สำคัญทำให้บริษัทของคนไทย เกษตรกรผู้ผลิตพืชผลเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง”

ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืชที่วางขายในแม็คโคร  มีทั้งหมด  3 แบรนด์ จำนวน 6 รายการ ซึ่งเป็นแบรนด์ของสตาร์ทอัพไทย  อาทิ Meat Avatar ได้นำผลิตภัณฑ์ “หมูสับจำแลง” ขนาด 1 กิโลกรัม ซึ่งเป็นขนาดพิเศษสำหรับผู้ประกอบการขายเฉพาะที่แม็คโคร และ “หมูกรอบจำแลง” ขนาด 400 กรัม วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563 หรือวันเริ่มต้นเทศกาลกินเจ ใน 90 สาขาของแม็คโครทั่วประเทศ

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา แม็คโครได้เชิญผู้ประกอบการร้านอาหารชมการสาธิตปรุงอาหารด้วยเนื้อจากพืช ในเมนูต่างๆ อาทิ สปาร์เก็ตตี้ ลาซานญ่า ซาลาเปา ข้าวผัด  พร้อมเปิดให้ชิมรสสัมผัสของแพลนต์เบสด์มีทฝีมือคนไทย

นางสาวนฤมล กล่าวอีกว่า “แม็คโคร มองเห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของวัตถุดิบที่ตอบโจทย์ทั้งสุขภาพและรักษาสิ่งแวดล้อม ละเว้นการฆ่าสัตว์ อย่าง เนื้อจากพืช ในเมืองไทย จึงวางแผนและร่วมมือกับผู้ผลิต ในการพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการผู้ประกอบการร้านอาหาร กลุ่มธุรกิจโฮเรก้าที่เป็นสมาชิกของแม็คโครอย่างต่อเนื่องด้วย”

S__16719899

ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ ขานรับเทรนด์ทำอาหารบูม บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สถานทูตออสเตรเลีย จัดเทศกาล Taste of Australia ขนทัพวัตถุดิบสุดฮอตจากแดนจิงโจ้ ทั้งเนื้อวัว อาหารทะเล ผลไม้ เครื่องปรุง จัดโปรโมชั่นพิเศษ ตอบโจทย์การสร้างสรรค์เมนูหรูต้นทุนไม่แพงสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร พร้อมรับเทรนด์ทำอาหารมาแรง แนวโน้มยอดขายเติบโตดี ทุ่มจัดทุกสาขาทั่วประเทศ หวังกระตุ้นการใช้จ่าย

นางซันนี่ ซิดิค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารสินค้าธุรกิจประกอบการอาหาร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า วัตถุดิบจากประเทศออสเตรเลียได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร รวมทั้งลูกค้าที่หันมานิยมทำอาหารรับประทานเองอย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตอย่างน่าสนใจ เนื่องจากความต้องการบริโภควัตถุดิบคุณภาพดี ปลอดภัย ได้มาตรฐาน แม็คโคร จึงร่วมกับ สถานทูตออสเตรเลีย จัดเทศกาล Taste of Australia ขึ้นระหว่างวันที่ 23 กันยายน – 6 ตุลาคม 2563 ในทุกสาขาทั่วประเทศ โดย ฯพณฯ อัลเลน แมคคินนอนเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยให้เกียรติร่วมเปิดงานอย่างเป็นทางการ ณ แม็คโคร สาขาสาทร

“แต่ละปีแม็คโครนำเข้าสินค้าจากออสเตรเลีย ประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งอาหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเป็นจำนวนมาก ทั้ง เนื้อวัวและเนื้อแกะ อาหารทะเล ชีส-นม ผักผลไม้ ไวน์ เครื่องปรุง โดยสินค้ากลุ่มอาหารสด มีอัตราการเติบโตเป็นเท่าตัว ซึ่งมีปัจจัยมาจากความต้องการของผู้ประกอบการร้านอาหารที่ต้องการวัตถุดิบในหลายรูปแบบ และควบคุมต้นทุนต่อจานได้ นอกจากนี้ด้วยแนวโน้มการใช้ชีวิตวิถีใหม่ ที่ผู้คนหันมาทำอาหารทานเอง ทำให้มีความต้องการวัตถุดิบคุณภาพดี มาตรฐานปลอดภัย ราคาไม่แพง เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสามอันดับแรก ได้แก่ เนื้อวัวและเนื้อแกะ, ผักผลไม้, อาหารทะเล

โดยในเทศกาล Taste of Australia มีสินค้าอาหารสดในราคาเข้าถึงง่ายให้เลือกสรรมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สันนอกวัวออสเตรเลีย ขาแกะออสเตรเลีย ปลาแทสมาเนียแซลมอนสด หอยแมลงภู่ออสเตรเลีย ปลาแซลมอนรมควัน ส้มฮันนี่เมอคอท สตรอเบอร์รี่ เซอราลีออสเตรเลีย ฯลฯ โดยภายในงานเปิดตัวยังมีกิจกรรมสาธิตการทำเมนู จาก เชฟเตย-สหรัฐ แตงไทย IRON CHEF Thailand  และ เชฟแจน-จอมชญา พงศ์ภัทรเวท Chef Food Design and Consult ที่มาสร้างสรรค์เมนูจากวัตถุดิบยอดฮิตอย่างเนื้อวัว และปลาแซลมอน ให้แก่ผู้ร่วมงาน ตลอดจนลูกค้าได้สัมผัสรสชาติ พร้อมด้วย บูทจัดแสดงสินค้าจากผู้นำเข้าสร้างสีสันให้กับงาน

นางซันนี่ กล่าวทิ้งท้ายว่า “หวังว่า เทศกาล Taste of Australia จะทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ลูกค้าที่รักการทำอาหาร มีทางเลือกในการใช้วัตถุดิบคุณภาพหลากหลาย ที่สำคัญ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในราคาที่ไม่แพง อันเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจของเราในการนำเสนอสินค้าดีมีคุณภาพมาตรฐานปลอดภัยในราคาขายส่ง ลดภาระค่าครองชีพประชาชน”

S__14475275
S__14475273

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) โดย นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร ร่วมกับ นางสาวธีราพร ธีรทีป ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสินค้าอาหารสด  ให้การต้อนรับ นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ในโอกาสร่วมกันส่งเสริมการจำหน่ายเนื้อหมูในราคายุติธรรม ลดภาระค่าครองชีพประชาชน หลังเกิดวิกฤตด้านราคา สร้างผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน และผู้ประกอบการร้านอาหารที่ต้องแบกรับต้นทุนเพิ่ม  ซึ่ง “แม็คโคร” เป็นห้างแรก ที่ขานรับนโยบายจากกรมการค้าภายในอย่างเร่งด่วน  และสามารถจำหน่ายเนื้อหมู (สะโพก) ในราคา 130 บาทต่อกิโลกรัมในทุกสาขาทั่วประเทศ โดยเนื้อหมูที่จำหน่ายในแม็คโคร ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานอาหารปลอดภัยในทุกด้าน รวมถึงการควบคุมสุขอนามัยภายในสาขาอย่างเคร่งครัด  ช่วยสร้างทางเลือกการซื้อหาวัตถุดิบปลอดภัยในราคายุติธรรมให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยในยามประสบความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  และเผชิญค่าครองชีพที่สูงขึ้น ณ แม็คโคร สาขานครอินทร์

แม็คโครขานรับราคาเนื้อหมู

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) โดย นายริคาร์โด้ เบาร็อตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-หน่วยธุรกิจแม็คโครประเทศไทย, นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร ตลอดจนคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ ฯพณฯ ทาฮา แมคเฟอร์สัน เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย และภริยา, นายไรอัน เฟรียร์ ทูตพาณิชย์นิวซีแลนด์ ในการเปิด “เทศกาล Taste of New Zealand สด คุณภาพดี นำเข้าจากนิวซีแลนด์” นำวัตถุดิบชั้นเยี่ยมที่ได้รับความนิยม อาทิ แอปเปิ้ล, กีวี่, ชีส, ซีฟู้ด, เนื้อแกะ, เนื้อวัว ฯลฯ มาจัดโปรโมชั่น ราคาพิเศษ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 28 กรกฎาคม 2563 ณ แม็คโคร 35 สาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการร้านอาหารที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟู ปรับปรุงเมนูใหม่ ต้อนรับกำลังซื้อที่จะกลับมา ท่ามกลางมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวอย่างเข้มข้นของภาครัฐ