แสนสิริ เผยโฉม “XT Ekkamai” (เอ็กซ์ที เอกมัย) ไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่แห่งแรกในไทย แบรนด์คอนโดฯ นิยามใหม่สำหรับชาวมิลเลนเนียล (Millennials) โดยเฉพาะ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่สุดแอคทีฟที่ Work Hard/Play Hard กับคอนเซ็ปท์ Extend Your Style’ จัดเต็มกับส่วนกลาง (Co-Sharing Space) ที่แชร์พื้นที่ร่วมกันได้ในทุกโครงการ XT ดื่มด่ำกับบรรยากาศ Sky Lounge แรงบันดาลใจจาก social club ในบูทีคโฮเทลระดับโลก ท่ามกลางพาโนรามิกวิวย่านเอกมัย-ทองหล่อ ผสานแรงบันดาลใจในทุกรายละเอียดการดีไซน์ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นใช้งาน ตลอดจนผลงานศิลปะแนว Abstract เติมเต็มการใช้ชีวิตอย่างมีรสนิยม และ ครั้งแรก! กับการเปิดตัว XT Privilege สิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับลูกบ้าน XT Club ที่คัดสรรมาหมุนเวียนสับเปลี่ยนในทุกๆ 3 เดือน เริ่มต้นกับ Cassette Music Bar คอนเซ็ปท์บาร์สุดเก๋ย่านเอกมัย รังสรรค์ประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ใครๆต้องมีอิจฉา

อู้ พหลโยธิน ประธานผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แสนสิริ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ภายใต้แนวคิด “Made for Life” รังสรรค์ XT Ekkamai ภายใต้คอนเซ็ปท์ที่แตกต่างอย่างโดดเด่นแฝงกลิ่นอายของ Boutique Hotel รายล้อมด้วยแรงบันดาลใจใหม่ๆ ใช้ชีวิตในทุกวันที่ไม่จำเจ พร้อมกับ 24 Hours Facilities กับบรรยากาศวิวใจกลางเอกมัยแบบ 360 องศา ตอบโจทย์เทรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ชีวิตที่เลือกเองได้อย่างอิสระ (Personalized Experience is New Luxury) เช่น ออกกำลังกายแบบ Live Streaming  จัดปาร์ตี้ Friday Night กับเพื่อนในบรรยากาศ Social Club หรือ ว่ายน้ำไปพร้อมกับดูหนังเรื่องโปรดใน Netflix นอกจากนี้ เรายังเฟ้นหาผลงานศิลปะแนว Abstract หรือการตกแต่ง wall art ที่สะท้อนความหมายหลากหลายในมุมมองของแต่ละคนมาตกแต่งในโครงการอย่างลงตัวสื่อถึงความมีอิสระในการใช้ชีวิตในแบบฉบับ XT ซึ่ง XT Ekkamai เป็นหนึ่งในโครงการที่นำเฟอร์นิเจอร์วินเทจจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมาจัดดวางไว้ในโครงการระดับที่ไม่ใช่ลักซ์ชัวรี่ มารังสรรค์ให้พื้นที่ส่วนกลางเปี่ยมด้วยรสนิยมและมีชีวิตชีวา ด้วยการนำเฟอร์นิเจอร์ทั้งสไตล์วินเทจและโมเดิร์นมาจัดวางผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัวขับกับสีสันอันฉูดฉาดของพื้นที่”

สิทธิพิเศษสำหรับลูกบ้านแสนสิริ หรือ XT Club สัมผัสประสบการณ์ curated activities ที่ใครๆ ต้องอิจฉาโดย จะหมุนเวียนสับเปลี่ยนในทุก 3 เดือน เริ่มตันกับ “XT EKKAMAI x THE CASSETTE MUSIC BAR” และ HIDDEN BAR HOPPING 5 ร้านดังย่านทองหล่อ ตลอดสิ้นปีนี้

  • Lifestyle Deal ดีลสุดพิเศษ – Fast Track จองที่นั่งมุมพิเศษและดีที่สุดในร้านCassette ในทุก Friday Night
  • Limited Edition Stuff – ลุ้นรับ XT Bar Hopping Passport พร้อมรับ Signature Drink จาก 5 ร้านดังอย่าง 008 Bar,Bar 335,Find the locker room, wasteland และ alonetogether
  • XT Club Community / New Experience – มินิคอนเสิร์ตสำหรับลูกบ้าน XT พร้อมชมถ่ายทอดสดที่ Sansiri PLC และ The Cassette Music Bar Ekamai Facebook Page

XT EKKAMAI ไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียมแห่งแรกในไทย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่สุดแอคทีฟ

XT EKKAMAI ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 63 (ซอยเอกมัย) บนพื้นที่ขนาด 2 ไร่ สูง 38 ชั้น ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ECCENTRIC’ ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทั้งฟังก์ชันและการออกแบบที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่แบบ Work Hard, Play Hard กล้าแตกต่างอย่างมีรสนิยม ถ่ายทอดผ่านการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์ทั้งการทำงานและการสังสรรค์ไว้บนพื้นที่เดียวกัน ตั้งแต่ Co-Work & Play Space ชั้น 1 ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ไม่ว่าจะนั่งทำงานสบาย ๆ หรือจะเปลี่ยนเป็นห้องเล่นปิงปอง เล่น Football Table กับกลุ่มเพื่อนได้เช่นกัน โดยลูกบ้านชาว XT Club สามารถเข้าใช้ได้ Co-Sharing Space ที่ชั้น 1 ของ XT ได้ทุกโครงการ, 24Hour Facilities กับ Sky Lounge พื้นที่ประชุมและสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน ควบคู่กับการชมวิวเมืองผ่านกระจกโค้งแบบ Panorama Active Gym ออกกำลังกายสุดล้ำกับ VR Planking Machine อุปกรณ์ฟิตเนสสุดทันสมัยกับเครื่อง ICAROS ที่ใช้นวัตกรรม AI มาเป็นส่วนหนึ่งของการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ และ Virtual Exercise Room กับคลาสออกกำลังกายแบบไลฟ์สดกับเทรนเนอร์ หรือคลาสแบบออฟ์ไลน์ โดยร่วมกับ We Fitness สำหรับลูกบ้าน XT EKKAMAI โดยเฉพาะ รวมทั้งว่ายน้ำ หรือเอ็นจอยไปกับการดู Netflix กับกลุ่มเพื่อนที่ Outdoor Theatre ที่ Sky Lap Pool สระว่ายน้ำความยาวมาตรฐานโอลิมปิก 50 เมตร กับวิวเมือง 270 องศา

เอกมัยทำเลทองด้านการอยู่อาศัย-ปล่อยเช่า รายล้อมด้วยแหล่งทำงานและแหล่งไลฟ์สไตล์กลางเมือง

‘เอกมัย’ 1 ในย่าน Central Millennial District (CMD) ที่แสนสิริคัดสรรที่ดินแปลงเด็ดในสุดยอดทำเลมัดใจคนรุ่นใหม่ สะดวกทั้งการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีเอกมัย เชื่อมต่อย่านธุรกิจและแหล่งงานในโซนสุขุมวิทและย่านเพชรบุรี ขณะเดียวกันยังสามารถเดินทางสู่แหล่งงานแห่งใหม่ในโซนบางนา และรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและแหล่งไลฟ์สไตล์ของย่านเอกมัยและทองหล่ออีกมากมากย อาทิ โรงพยาบาลสุขุมวิท, โรงพยาบาลสมิติเวช, โรงเรียนนานาชาติ เอกมัย, ศูนย์การค้า ดองกิ มอลล์ ทองหล่อ (Donki Mall Thonglor), ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย (Gateway Ekamai), ศูนย์การค้าเจ อเวนิว ทองหล่อ (J Avenue Thonglor) และแหล่งแฮงค์เอ้าท์นั่งชิลล์หลังเลิกงานอย่าง เวิ้งโบราณ เอกมัย, The Cassette Music Bar Ekamai และ Kiki Korean Bar (เอกมัย)

พิเศษส่งท้ายปี! XT EKKAMAI ไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่แห่งแรกในไทยในราคาเริ่มต้นที่ 4.59 ล้านบาท มาพร้อมกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ผ่อนแบบไม่เสียดอกเบี้ย เพียง 2,999 บาท นาน 24 เดือน และโบนัสให้ไปเต็ม ๆ สูงสุด 150,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ธันวาคมนี้ พร้อมรับประกันสุขภาพจากวิริยะประกันภัยเพื่อชีวิตดีดีของทุกคน กับสิทธิพิเศษความคุ้มครองสูงสุดถึง 770,000 บาท ที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำเครือ BDMS

“XT EKKAMAI เป็นไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ของแสนสิริโครงการแรกในไทย ที่สะท้อนถึงความสำเร็จของการสร้างสรรค์แบรนด์ XT อย่างตั้งใจ จากการศึกษา Customer Insight  ผ่านกระบวนการด้านดีไซน์ (Design Thinking Process) เพื่อพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ กับ 3 จุดเด่นให้ลูกบ้านค้นหาไลฟ์สไตล์ที่ใช่อย่างไร้ขีดจำกัด ตั้งแต่ อิสระในการเลือกรูปแบบห้องได้ตามใจ พร้อมแลกเปลี่ยนการเข้าใช้ Co-Sharing Space ในทุกโครงการ XT รวมทั้งการมอบสิทธิพิเศษเฉพาะ ‘XT Experience Privilege’ สำหรับลูกบ้าน XT อันเป็นจุดเด่นที่สร้างความแตกต่างของแบรนด์ที่โดดเด่นโดนใจลูกค้าและการส่งมอบการใช้ชีวิตดีดีของทุกคนแบบ Made for Life ในแบบฉบับของคนรุ่นใหม่” อู้ พหลโยธิน กล่าวสรุป

คุณเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของแสนสิริที่มีเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือสังคมในทุกโครงการที่เราไปตั้งให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเริ่มลงมือปฏิบัติตั้งแต่ระดับองค์กรไปสู่สังคม จนขยายไปยังการส่งเสริมและพัฒนาในระดับประเทศ โดยมุ่งหวังเป็นจุดเริ่มต้นในการจุดประกายแก่สังคม จากความตั้งใจดังกล่าวของแสนสิริเพื่อช่วยเหลือเด็กซึ่งนับเป็นการลงทุนเพื่อสังคม เพราะพวกเขาเหล่านี้จะเป็นอนาคตของพลเมืองและเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนไปสู่สังคมภาพรวมที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน สอดคล้องวิสัยทัศน์องค์กร Made for Life…Made for Better” ในปีนี้ ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา แสนสิริได้ร่วมมือและสนับสนุนการทำงานขององค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ผ่านการทำโครงการต่างๆ มากมาย รวมทั้งสิ้นจำนวน 17 โครงการ เช่น Iodine Please, Best Start และ The Good Space เป็นต้น สู่ความภาคภูมิใจที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น UNICEF’S First Selected Partner in Thailand ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาและแก้ปัญหาเพื่อเด็กผ่านการดำเนินงานตามแนวคิดหลัก 4 แกน

Good Workplace เริ่มต้นจากภายในองค์กร ร่วมกับพันธมิตรกว่า 180 ราย เข้าร่วมลงนามสนับสนุนการยุติการใช้แรงงานเด็กอย่างเป็นรูปธรรม ที่กำหนดให้คู่ค้าทางธุรกิจต้องให้ความร่วมมือในการทำสัญญา ข้อสัญญาคุ้มครองแรงงานเด็ก” และ โครงการ Breastfeeding Room ออกแบบออฟฟิศให้เป็นมิตรสำหรับแม่และเด็กเพื่อการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือน

Good Space ขยายความร่วมมือไปยังคู่ค้า ผ่านโครงการ The Good Space” ในการสร้างสรรค์พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กในสถานที่ก่อสร้าง เพื่อการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย รวมถึงการเข้าถึงการศึกษาและการบริการสาธารณสุข     ได้อย่างเท่าเทียม โดยแสนสิริได้สร้าง Good Space รวม 57 แห่งใน 13 จังหวัด เพื่อให้เด็กกว่า 6,000 คน ที่พักอาศัยอยู่ในแคมป์คนงานก่อสร้างได้มีพื้นที่แห่งการเรียนรู้ จนผลักดันและมอบโอกาสแก่เด็กกว่า 50 คน ในโครงการ Good Space เข้าสู่ระบบการศึกษาที่โรงเรียนวัดเจ็ดยอด จังหวัดเชียงใหม่

Good Community ส่งต่อความช่วยเหลือยังสังคม แสนสิริ ร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่อยอดความช่วยเหลือสู่สังคมในวงกว้าง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับเด็กอย่างยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนสังคมไปในทิศทางที่ดีขึ้นผ่านโครงการ และการผลักดันเชิงนโยบาย เช่น Iodine Please และ Best Start เป็นต้น

Good Global Citizen ความมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลก ความมุ่งมั่นของแสนสิริที่จะเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลกอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ผ่านการบริจาคเงินให้แก่กองทุนช่วยเหลือฉุกเฉินของยูนิเซฟ (UNICEF Global Emergency Fund) ปีละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบัน แสนสิริบริจาคเงินรวมแล้วกว่า 325 ล้านบาท เพื่อการช่วยเหลือเด็กไทยและเด็กทั่วโลก

“นอกจากนี้ แสนสิริและยูนิเซฟยังร่วมกันจุดประกายการช่วยเหลือเด็กอย่างยั่งยืนผ่านโครงการ Sansiri Social Change ที่ถือเป็นความร่วมมือระยะยาว โดยมุ่งเน้นให้องค์กรธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาทั้งกระบวนการ เริ่มตั้งแต่การทำความเข้าใจกับปัญหาในทุกมิติ การร่วมวางแผนแก้ปัญหา ไปจนถึงการทำงานกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนอย่างจริงจัง รวมถึงแต่งตั้ง Sansiri Social Change Ambassador เพื่อทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงต่อสังคมมุ่งเน้นการช่วยเหลือ ส่งเสริม พัฒนาเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืน

คุณโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา แสนสิริถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของยูนิเซฟในภูมิภาคเอเชียที่แสดงให้เห็นว่าเรื่องของเด็ก คือ เรื่องของทุกคน แสนสิริ ถือเป็นแบบอย่างขององค์กรภาคเอกชนที่มุ่งมั่นส่งเสริมสิทธิและความเป็นอยู่ของเด็กในประเทศไทยและทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้ร่วมผลักดันให้เกิดนโยบายต่างๆ ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในหลายโครงการ ทั้งในด้านสุขภาพ การศึกษา การพัฒนาเด็กปฐมวัย”

โครงการต่างๆ ที่เกิดจากความร่วมมือของแสนสิริและยูนิเซฟในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ได้แก่

โครงการ Iodine Please ยูนิเซฟร่วมมือกับแสนสิริและภาคีอื่นๆ ในการสร้างความตระหนักของสังคมไทยเกี่ยวกับโรคขาดสารไอโอดีนในเด็ก (Iodine Deficiency Disorder หรือ IDD) ซึ่งส่งผลให้สมองของเด็กพัฒนาการไม่เต็มที่และมีไอคิวต่ำลง ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็กไทยมากว่า 50 ปี ด้วยการร่วมมือกันระหว่างยูนิเซฟและแสนสิริ รวมถึงภาคีอื่นๆ ช่วยเป็นกระบอกเสียงส่งต่อไปถึงภาครัฐ นำมาซึ่งผลักดันให้เกิดกฏหมายที่กำหนดให้มีการเติมสารไอโอดีนในเกลือบริโภค และประกาศใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554

โครงการ Zero Child Labour จากปัญหาการใช้แรงงานเด็กที่กลายเป็นผลกระทบในวงกว้าง ยูนิเซฟและแสนสิริได้ร่วมมือกับพันธมิตร กำหนดให้คู่ค้าทางธุรกิจต้องให้ความร่วมมือในการทำสัญญา ข้อตกลงเรื่อง “ข้อสัญญาคุ้มครองแรงงานเด็ก” เพื่อป้องกันการใช้ แรงงานเด็กอย่างไม่ถูกต้องในกระบวนการธุรกิจโดยจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติทั้งหลายที่ใช้บังคับที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายแรงงาน ซึ่งนับเป็นจุดประกายเริ่มต้นที่ทำให้องค์กรภาคเอกชนอื่นๆ หันมาให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว

โครงการ Best Start หกปีแรกของชีวิต คือ หกปีทองของเด็ก โครงการเพื่อจุดประกายให้พ่อแม่และสังคมทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มากขึ้น เพราะการพัฒนาเด็กในช่วงนี้จะเป็นรากฐานสำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนาตลอดชีวิต ด้วยการสนับสนุนจากแสนสิริในการร่วมวางแผนโครงการ ผ่านการลงพื้นที่ศึกษาประเด็นต่างๆ วิเคราะห์สถานการณ์ และร่วมกันหาแนวทางในการสื่อสารที่เข้าถึงประชาชนมากที่สุด ส่งผลให้ยูนิเซฟและแสนสิริ รวมถึงภาคีอื่นๆ สามารถจุดประกายสังคมชวนคนไทยหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กเล็ก และยังได้ร่วมมือกับภาครัฐในการสร้างความตระหนักรู้ของปัญหาดังกล่าว

การสนับสนุนของแสนสิริในกองทุนฉุกเฉินของยูนิเซฟ ได้ช่วยให้ยูนิเซฟให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เด็กและครอบครัวหลายสิบล้านคนทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ การสู้รบ วิกฤตด้านสุขภาพ และสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ทั่วทุกมุมโลกได้อย่างทันท่วงที ทั้งในด้านการจัดส่งสิ่งของที่จำเป็นต่อการอยู่รอดในภาวะวิกฤต การช่วยเหลือเด็กที่ขาดสารอาหารรุนแรง การฉีดวัคซีนป้องกันโรค การจัดหาน้ำสะอาด หรือการเยียวยาจิตใจเด็กๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเหล่านั้น

“การบริจาคจากแสนสิริ โดยไม่ระบุเงื่อนไขให้แก่กองทุนช่วยเหลือฉุกเฉินของยูนิเซฟได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของแสนสิริที่มีต่อยูนิเซฟ และชี้ให้เห็นว่าเราต่างมีจุดมุ่งหมายและคุณค่าเพื่อเด็กร่วมกัน ยูนิเซฟ ชื่นชมความมุ่งมั่นของแสนสิริตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และหวังว่าแสนสิริจะเป็นแบบอย่างให้กับองค์กรธุรกิจอื่นๆ ในการสร้างความร่วมมือระยะยาวเพื่อพัฒนาสังคมและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้แก่ชีวิตเด็กต่อไป” คุณโธมัส กล่าว

“ปัญหาเรื่องคุณภาพชีวิต ถือ เป็นปัญหาที่สำคัญเราจึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือ โดยสามารถเริ่มต้นจากภายในองค์กร และให้การสนับสนุนการทำงานของยูนิเซฟ สำหรับแสนสิริเอง ยังคงสานต่อเจตนารมณ์      เพื่อการสร้างสรรค์สังคมให้มีที่ดียิ่งขึ้น ตอกย้ำมุ่งมั่นในการเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลกในการร่วมกันแก้ปัญหาเด็ก โดยในปีนี้ ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้หลายฝ่ายได้รับผลกระทบ แสนสิริ จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือแก่สังคม ด้วยการบริจาคเงินผ่านมูลนิธิเสริมกล้าเพื่อมอบให้แก่ยูนิเซฟ เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท และเราเองยังคงเดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือเด็กให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การยูนิเซฟ (The Sustainable Development Goals : SDGs) ที่ว่าด้วยการส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี, มีการศึกษาและการส่งเสริมทักษะชีวิต ตลอดจนส่งเสริมความเท่าเทียมและความหลากหลาย เพราะจุดมุ่งหมายสำคัญหลักของแสนสิริ คือ การมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กในสังคมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน”คุณเศรษฐากล่าว

แสนสิริ และ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ชวนเหล่าลูกบ้านและคนทั่วไปที่รักสุขภาพ ร่วมงานวิ่งการกุศล Run4U #4…วิ่งนี้เพื่อน้อง” งานวิ่งรักษ์โลกยุคใหม่แบบ Virtual Run พร้อมแบ่งปันความสุขคืนสู่สังคม โดยรายได้ส่วนหนึ่งบริจาคสมทบแก่มูลนิธิเสริมกล้าเพื่อส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาคุณภาพของเด็กและเยาวชนผู้ด้อยโอกาส ผู้สนใจสามารถสมัครร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้–15 ตุลาคม 2563 ที่ https://www.runlah.com/events/run4u20

กิจกรรม “Run4U #4…วิ่งนี้เพื่อน้อง” จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 สานต่อเจตนารมณ์ภายใต้วิสัยทัศน์หลักของแสนสิริในปีนี้ภายใต้ Made For Life เพื่อชีวิตดีดีของทุกคน ผ่านการสร้างความตระหนักรู้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คุณภาพการใช้ชีวิตที่ดีของลูกบ้านแสนสิริ อีกทั้ง ส่งต่อแนวคิดไปยังสังคมผ่านร่วมทำความดี โดยรายได้ส่วนหนึ่งร่วมสมทบทุนแก่มูลนิธิเสริมกล้า เพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี ผู้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมสามารถวิ่งเมื่อไหร่และสถานที่ใดก็ได้ เพียงแค่สะสมระยะทางการวิ่งผ่านแอปพลิเคชัน และส่งผลมาเพื่อรับของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟ อาทิ เสื้อและเหรียญที่ระลึก ออกแบบโดย 3 เหล่าคนดัง ได้แก่ เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักฟุตบอลชื่อดัง  และ Sansiri Social Change Ambassador  ได้แก่ พิตต้า ณ พัทลุง, มะนาว-ศรศิลป์ มณีวรรณ์ และ เพลง-ภตภร สีบุญเรือง  พร้อมรับส่วนลดพิเศษ 50% จากห้องอาหารที่โรงแรม The Peri Hotel (เดอะ เภรี โฮเต็ล) แบรนด์ล่าสุดในเครือโรงแรม The Standard International

แสนสิริ และ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ประสบความสำเร็จกับการจัดกิจกรรมงานวิ่งการกุศลจากปีที่ผ่านๆ มา โดยวัตถุประสงค์ในการสร้างสรรค์งานวิ่งเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่สามารถลดขยะภายในงานไปได้กว่า 120 กิโลกรัม อีกทั้งสามารถนำเงินบริจาคภายในงานส่งต่อความช่วยเหลือแก่เด็กด้อยโอกาสได้ถึง 450 คน และมอบเงินบริจาคให้กว่า 20 โรงเรียนทั่วประเทศ

11 พฤษภาคม 2563 “แสนสิริ” เดินหน้าช่วยเหลือประเทศไทยฝ่าวิกฤติ COVID-19 สานต่อนโยบาย “Sansiri Care For All” ส่งต่อความห่วงใย มอบเครื่องช่วยหายใจ หน้ากาก N95 และชุด PPE แก่กระทรวงสาธารณสุขมูลค่ากว่า 8,000,000 ล้านบาท พร้อมด้วยพนักงานแสนสิริที่ร่วมใจลงพื้นที่เพื่อดูแลไปยังชุมชนรอบโครงการซึ่งนับเป็นความรับผิดชอบของแสนสิริที่มีต่อสังคมและชุมชนใกล้เคียง ด้วยการส่งมอบหน้ากากอนามัยและถุงยังชีพ ก่อนกระจายการดูแลในพื้นที่ต่างจังหวัดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) โดย นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ และ นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ สานต่อ “Sansiri Care For All” ขยายความห่วงใย ส่งต่อการดูแลอย่างทั่วถึงไปยังสังคมและชุมชนในภาวะการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ด้วยการส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ หน้ากาก N95 และชุด PPE แก่กระทรวงสาธาณสุข มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นตัวแทนรับมอบ

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แสนสิริพร้อมเดินหน้าช่วยเหลือให้ประเทศไทยของเราผ่านพ้นวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ด้วยการขยายความห่วงใยส่งต่อไปยังสังคม ผ่านมาตรการ Sansiri Care For All ที่มุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือแก่สังคมผ่านทั้งทางภาครัฐ รวมถึงการลงพื้นที่ไปช่วยเหลือด้วยตัวเอง โดยในส่วนการประสานกับภาครัฐ แสนสิริได้ดำเนินการส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นสำหรับใช้รักษาผู้ป่วยในภาวะการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แก่กระทรวงสาธารณสุข ได้แก่เครื่องช่วยหายใจ 2 เครื่อง และเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยโรคอื่นๆ ในภายภาคหน้า ตลอดจนส่งมอบหน้ากาก N95, หน้ากากผ้า และชุด PPE 100,000 ชุด แก่บุคลากรทางการแพทย์ผู้เสียสละ อยู่เบื้องหลังในการช่วยเหลือผู้ป่วย รวมมูลค่ากว่า 8,000,000 ล้านบาท ก่อนจะส่งมอบต่อให้ 5 โรงพยาบาลได้แก่ โรงพยาบาลบำราศนราดูร, โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, โรงพยาบาล ราชวิถี และโรงพยาบาลรามาธิบดี และ 30 ชุมชนทั่วประเทศ ในลำดับถัดไป”

“สำหรับการลงพื้นที่เพื่อไปช่วยเหลือยังสังคมและชุมชนใกล้เคียง นับเป็นปณิธานของแสนสิริที่เรายึดมั่นว่า ไม่ว่าแสนสิริจะไปตั้งโครงการหรือดำเนินกิจการในพื้นที่ใด เราจะช่วยพัฒนาชุมชนบริเวณโดยรอบให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านการอยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย โดยนอกจากการขยายมาตรการเพื่อดูแลชุมชนโดยรอบในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดีแก่ชุมชนบริเวณโดยรอบของ สิริ แคมปัส สำนักงานใหญ่ของแสนสิริ ด้วยการส่งมอบหน้ากากอนามัยผ้าและ Face Shield ตลอดจนถุงยังชีพแก่สำนักงานเขตวัฒนาแล้ว แสนสิริยังได้ดำเนินการการดูแลในพื้นที่ต่างจังหวัดอื่นๆ อีกด้วย ได้แก่ เทศบาลหัวหิน และจังหวัดภูเก็ต โดยที่ผ่านมาแสนสิริได้บริจาคหน้ากากให้ชุมชนไปแล้วทั้งสิ้น 10,800 ชิ้น และถุงยังชีพจำนวน 1,000 ถุง”

“นอกจากนั้น แสนสิริยังได้เตรียมความพร้อมสำหรับการขยายมาตรการเพื่อดูแลชุมชนในพื้นที่ต่างจังหวัดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเตรียมส่งมอบหน้ากากอนามัยและถุงยังชีพอุปโภคบริโภคจากผลผลิตของเกษตรกร โดยนอกจากที่แสนสิริมีความตั้งใจเพื่อต้องการช่วยเหลือชาวบ้านและชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยการบริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภคแล้ว แสนสิริยังต้องการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไทยที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจของการแพร่ระบาดของของไวรัส COVID-19 อีกด้วย โดยสิ่งของอุปโภคบริโภคที่เรานำไปบริจาคแก่ชุมชนนั้นล้วนแต่มาจากเกษตรกรทั้งสิ้น”

“เพื่อเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในระยะยาว แสนสิริจึงวางแผนสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ให้สังคมและชุมชน โดยเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรม Social Distancing Market และจัดหลักสูตรฝึกอบรมผู้ที่สนใจให้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของพนักงานขายมืออาชีพของแสนสิริอีกด้วย โดยแสนสิริต้องการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19” นายอภิชาติกล่าว

จากภาพ (ซ้ายไปขวา) นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน), นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน), นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) โดยนายองอาจ สุวรรณกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เดินหน้าสานต่อการสร้างสรรค์พื้นที่ที่เป็นมากกว่าสนามเด็กเล่นหรือ Educational Playground ร่วมกับโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช
นำโดยพญ.เกศินี โอวาสิทธิ์ กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม เปิดตัว “Educational Playground at T77”
สนามเด็กเล่นที่ช่วยฝึกทักษะและพัฒนาการเด็กทั้งร่างกาย การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาเพื่อเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตให้กับครอบครัวแสนสิริในพื้นที่ T77 กว่า 5,000 ครอบครัวได้นำบุตรหลานมาเรียนรู้ผ่านการเล่น ตลอดจนยังเปิดกว้างให้เพื่อนบ้านและคนทั่วไปสามารถเข้ามาใช้บริการได้ด้วย เพราะแสนสิริให้ความสำคัญกับเรื่องชุมชนสัมพันธ์และการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำประโยชน์ให้กับชุมชนที่เราไปตั้งโครงการเสมอมา ทั้งนี้ Educational Playground at T77 ยังได้รับความร่วมมือจาก
บริษัท โจตันไทย จำกัด
โดยนายภาณวิทย์ ลิ่มศิลา รองกรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไป รวมทั้งบริษัท ฮาน โพรดักส์ จำกัด นำโดยนางพรรณรัตน์ กาญจนภรางกูร กรรมการและผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด มาร่วมพัฒนาด้วยการใช้สีและวัสดุที่เป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยของเด็กๆ ในขณะใช้งาน

โดยสนามเด็กเล่นภายในโครงการ T77 แห่งนี้ สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้คอนเซปต์ Little Ninja ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการและเพิ่มพูนทักษะการคิด การตัดสินใจ และแก้ปัญหา ผ่านการเล่นที่เน้นการปีนป่ายสร้างสมดุลย์ของการทรงตัว เสริมสร้างพัฒนากล้ามเนื้อบนล่าง เพิ่มความสามารถในการจับ การใช้กำลังแขน การทำงานประสานกันของประสาทสัมผัส ทั้งยังเสริมสร้างจินตนาการผ่านสีสันสดใส สร้างเสริมประสบการณ์จากการสังเกตและเรียนรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัว

“แสนสิริ” ร่วมกับ “นักรบ มูลมานัส” ศิลปินภาพประกอบแนวคอลลาจสไตล์ไทย รังสรรค์อาร์ทคอลเลคชั่น ‘SANSIRI x NAKROB MOONMANAS’ เป็นครั้งแรก หนึ่งในกิจกรรมภายใต้คอนเซ็ปท์ Sansiri Art Series ที่ร่วมมืออาร์ทิสหน้าใหม่ที่มีผลงานโดดเด่นมากมาย โดยถ่ายทอด 3 แรงบันดาลใจผ่านมุมมองการจัดแสดงนิทรรศการศิลปะคอลลาจสุดเอ็กซ์คลูซีฟในรูปแบบ Mini Art Gallery ระหว่างวันที่ 9-16 เม.ย นี้ ที่แสนสิริ เลานจ์ ภายใต้คอนเซ็ปท์ “Songkran Gathering” เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย ผ่านมนต์เสน่ห์เรื่องราวและประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ใหม่ของหัวหิน พร้อมจัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เอาใจสมาชิกแสนสิริ แฟมิลี่ ได้เสพย์งานศิลป์และเพลิดเพลินกับขนมหวานเมนูพิเศษประจำฤดูร้อน ด้วยการเสิร์ฟ ‘มะม่วงแก้วร้านแม่นงนุช’ ร้านข้าวเหนียวมะม่วงชื่อดังแห่งหัวหินที่ทำเมนูพิเศษนี้ขึ้นเฉพาะทุกเดือนเมษายนเท่านั้น เฉพาะที่แสนสิริ เลาจน์ ชั้น 3 สยามพารากอน

นอกจากนี้ สำหรับผู้สนใจทั่วไป แสนสิริ ชวนคุณร่วมสนุกกับกิจกรรมต้อนรับวันสงกรานต์ รับฟรี Headscarf ลายลิมิเต็ด เอดิชั่น จาก SANSIRI x NAKROB MOONMANAS เล่นน้ำสงกรานต์แบบเก๋ๆ โดยสามารถรับได้ ที่เคาน์เตอร์ แสนสิริ เลาจน์ เพียงแค่ทำตามกติกาง่ายๆ

ถ่ายภาพของคุณหรือจะเซลฟี่ก็ได้กับมุมสวย บริเวณด้านหน้าแสนสิริ เลาจน์ และโพสต์ลงบนเฟซบุคหรือไอจี ติด #SansiriSummerVibes #JoyofHuahin #SiriExperience ตั้งค่าเป็นสาธารณะ แสดงโพสต์ของคุณกับเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ด้านใน Sansiri Lounge

หรือร่วมสนุกกับ SANSIRI x NAKROB MOONMANAS photo frame เปลี่ยนกรอบภาพ โพรไฟล์สุดชิคในสไตล์คุณ

ตั้งแต่วันที่ 9-16 เม.ย นี้ ที่ แสนสิริ เลานจ์ ชั้น 3 สยาม พารากอน ตั้งแต่เวลา 10.30-20.00น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-201-3999