กรมสมเด็จพระเทพรัตนฯ
2 เมษายน 2565 วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดีสิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี ร่วมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยเรื่องราวเมื่อครั้งยังทรงเป็นนิสิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยบทความที่พระราชนิพนธ์เอง (ตัดตอนจากหนังสืออักษรศาสตรบัณฑิต 50 ปี)
“…ข้าพเจ้าสอบเข้าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อพ.ศ.2516 เหตุผลใหญ่ที่สอบเข้าคณะนี้ ก็คงเหมือนกับคนอื่นๆ คือเป็นคณะที่คะแนนสูงสุด อีกประการหนึ่งในช่วงที่สอบเข้า ข้าพเจ้าไม่ค่อยสบายจึงเลือกคณะที่ไม่ต้องสอบหลายวิชา
และไม่ต้องสอบวิชาพิเศษ ถ้าสบายดีคงต้องเลือกคณะที่มีวิชาพิเศษ เช่นโบราณคดี หรือครุ-พละเอาไว้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าคงต้องติดอักษรฯ เพราะคะแนนออกมาไม่เลวนัก
จำได้ว่าเมื่อประกาศผลการสอบหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า “ที่หนึ่งตกอันดับ” เนื่องจากข้าพเจ้าสอบชั้นม.ศ.5 ได้ที่ 1 แต่มาเข้าคณะอักษรศาสตร์ได้เป็นที่ 4 การเรียนปีที่ 1 เป็นปีที่ข้าพเจ้าคิดว่าเรียนลำบาก แต่ก็ตื่นเต้น ท้าทา ยและสนุกสนาน เพราะว่าจะต้องทำความรู้จักกับอาจารย์และเพื่อนใหม่ๆ มากมาย ทั้งเพื่อนในคณะและต่างคณะ ทั้งที่เป็นรุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน บางทีก็จำไม่ได้ แต่ก่อนเคยอยู่โรงเรียนจิตรลดาซึ่งมีนักเรียนน้อย รู้จักกันหมดทุกคน นับว่าต้องปรับตัวมากอยู่ มานึกย้อนหลังแล้วรู้สึกว่าครูบาอาจารย์เพื่อนฝูงเขาก็อดทนกับข้าพเจ้าพอใช้
ข้าพเจ้ามักพูดช้าตะกุกตะกัก เขาก็ยอมฟังดี นานๆ ก็ว่าเอาบ้างว่าพูดแบบนี้น่ารำคาญ ต่อมาข้าพเจ้าพูดดีขึ้นก็ชมเชย ครั้นพูดได้ดีแล้วข้าพเจ้าเลยไม่ยอมหยุดพูด กลายเป็นคนพูดมาก ทุกชั่วโมงต้องหาเรื่องพูดในห้อง ซักถามอาจารย์บ้าง ตอบคำถามบ้าง การพยายามจดจำชื่ออาจารย์และเพื่อนๆ ให้ได้ บางทีก็ยากสำหรับผู้มาใหม่ อาจารย์บางท่านมีหลายชื่อ ทั้งชื่อจริงและชื่อที่นิสิตตั้ง ก็ต้องจำให้ได้ทั้งสองชื่อหรือหลายชื่อ เมื่อพี่ใช้ให้ส่งหนังสือตามโต๊ะจะได้ส่งถูก สำหรับเพื่อนในวันแรกๆ ก็จำไม่ได้ เช่นฝาแฝดป้อม-อ้วน มาคนละทีก็ไม่ทราบว่าใครเป็นป้อมใครเป็นอ้วน…
…กิจกรรมต่างๆ ในขณะที่เรียนมีหลายอย่าง ทั้งกิจกรรมระยะสั้นและระยะยาว มีงานพัฒนาคณะ กวาดถู ปราบที่ ปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นงานที่ข้าพเจ้าถนัดอยู่แล้ว การเป็นพี่เลี้ยงเด็กคือเลี้ยงพวกลูกอาจารย์ งานชมรมมีอยู่หลายอย่าง แต่ที่ทำมากที่สุดคือชมรมดนตรีไทย ข้าพเจ้าเล่นดนตรีไทยทั้งที่ชมรมและที่คณะอักษรศาสตร์ กิจกรรมชมรมดนตรีไทยที่ถนัดไม่ยักใช่การเล่นดนตรีกลับเป็นการจัดอาหารเวลามีงานพิธีไหว้ครู ข้าพเจ้ามักอยู่ฝ่ายโภชนาการ
ที่คณะอักษรฯ มีการทำหนังสือซึ่งมีงานให้ทำหลายอย่างคือ 1.เขียนเรื่องสำหรับลงหนังสือ 2.เที่ยว “หาเรื่อง” หรือตามทวงเรื่องที่อาจารย์หรือคนอื่นๆ สัญญาว่าจะเขียน 3.หาสปอนเซอร์ หาโฆษณา 4.ติดต่อโรงพิมพ์
5.พิสูจน์อักษร เวลาเจอที่พิมพ์ผิดหนังสือออกมาแล้วก็ต้องมานั่งแก้กัน ที่ร้ายแรงที่สุดคือ มีบทความที่เกี่ยวกับภาษาฝรั่งเศส ซึ่งพิมพ์โดยไม่มีเครื่องหมาย accent เลยต้องมานั่งเติมเองทั้งหมด 2,000 เล่ม 6.เป็นฝ่ายศิลป์เสียงเอง(บางที)
กิจกรรมแต่งกลอนน้องใหม่ตอนปีหนึ่งจะต้องแต่งกลอน โคลง กาพย์ ฉันท์ ตามหัวข้อที่เขากำหนดเล่นกันเป็นทีม จะต้องซ้อมทุกวันโดยมีพวกพี่ๆสอน แต่ก่อนแต่งฉันท์ไม่ค่อยเป็น มาแต่งเป็นได้ตอนนี้
ปีที่ข้าพเจ้าอยู่ปี 1 อักษรฯ ครองถ้วยร่วมกับคณะบัญชี แต่งกันว่าอย่างไรก็จำไม่ได้แล้ว หากระดาษที่จดไว้ไม่พบ ไพล่ไปจำกลอนทีคณะ “ถาปัด” แต่งตามหัวข้อ “ดูหนัง ดูละคร ย้อนดูตัวเอง” ว่า
“ไปดูหนังลิโด้โอ้เข้าท่า
มันเป็นบ้านอนหลับนั่งทับเบาะ
เพลงประกอบในหนังช่างไพเราะ
เรื่องเจ้าเงาะขี่ควายขายโรตี
ดูหนังดูละครย้อนดูตัว
รูปไม่ชั่วแสนหล่อถาปัดนี่
(ต่อไปจำไม่ได้)
ในด้านกิจกรรมกีฬานั้น ข้าพเจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องมากนัก ทั้งๆ ที่ก่อนเข้าจุฬาฯ เป็นนักกีฬาหลายประเภท ต้องซ้อมกีฬาทุกวัน ตอนเข้าอักษรใหม่ๆ ข้าพเจ้าไม่ค่อยสบายจริงๆ แต่ต่อมาก็ไม่ได้เป็นอะไร อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าทำตัวเป็นคนพิการ เดินไม่ค่อยไหว กินยาลม จนใครๆ สงสาร ถ้าขืนไปใจอ่อนยอมเล่นกีฬาก็จะเอาจริงเอาจังเรียกว่าผีกีฬาเข้าสิงไม่เป็นอันเรียน ยิ่งหาเวลาเรียนได้น้อยอยู่แล้ว ถ้ามีโอกาสพิเศษก็เล่นเหมือนกัน ไมได้เล่นมากเท่าที่เคย ได้เล่นแต่ชักเย่อ แชร์บอล และฟุตบอล เมื่อตอนอยู่โรงเรียนครูพละเคยชวนว่า ถ้าเข้าจุฬาฯ ได้ให้ไปเล่นวอลเลย์บอล เพราะข้าพเจ้าเล่นได้ดีมากจริงๆ เข้าแล้วไม่ได้เล่นเลย
ข้าพเจ้ารู้จักคนในคณะอักษรฯ มากมาย ทั้งอาจารย์ เพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง เห็นจะเป็นเพราะข้าพเจ้าไม่ได้มุ่งเรียนวิชาอะไรโดยเฉพาะ ชอบไปคุยกับเขาทุกภาควิชา
นอกจากอาจารย์และนิสิตแล้ว ยังมีภารโรงและพนักงานอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่เอื้อเฟื้อข้าพเจ้ามาตลอด พวกที่เป็นส่วนหนึ่งของคณะเรานอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมี “พวกที่ขายอะไรต่อมิอะไร” ยกตัวอย่างเช่น นายเทียมมี่ เจ้าของฝรั่งดองคนดัง คนขายเต้าฮวย เดิมข้าพเจ้ารับประทานเต้าฮวยไม่เป็น เพิ่งเป็นที่คณะนี้เอง แขกขายโรตีสายไหม โรตีเจ้านี้่อร่อยมากแต่ก็ขายแพง ราคาอันละบาทถือว่าแพงในสมัยนั้น อาหารประชาสงเคราะห์ยังจานละบาท ตอนหลังๆ มีรถมาขายโรตี สุดท้ายขายดีจนมีค่าเครื่องบินกลับไปอินเดีย แขกขายถั่วมันๆ ยิ่งดีใหญ่ เขาเป็นคนรื่นเริง ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ มีอาจารย์ท่านหนึ่งพูดภาษาอินเดียได้ เลยได้กินถั่วฟรีบ่อยๆ วันหนึ่งข้าพเจ้าไปซื้อถั่วบอกว่า “บัง ถ้าไม่ร้องเพลงแขกให้ฟัง ไม่ซื้อถั่วนะ” อาบังบอกว่าได้ แล้วเริ่มร้องเพลง ร่ายรำพลางตีโต๊ะขายถั่วเป็นจังหวะแทนกลอง ข้าพเจ้าว่าเพราะดีเสียแต่แกร้องไปเรื่อยๆ ไม่ยอมจบจนรถมารับข้าพเจ้า….
ขนมอีกเจ้าที่ข้าพเจ้าอุดหนุนเป็นประจำเป็นของพวกเด็กๆ มีหลายคน เขาเล่าว่ามีพี่น้องทั้งหมด 10 คนด้วยกัน ช่วยกันขายของ ที่ข้าพเจ้าจำได้มีตุ๊กตา ไก่ ฝน พวกเด็กเล็กๆ ที่ยังไม่ได้เข้าโรงเรียนก็คิดเงินเก่งทอนสตางค์ได้อย่างถูกต้องและคล่องแคล่ว ตอนแรกก็เป็นลูกค้าธรรมดาๆ ต่อมาเป็นลูกค้าประจำและเป็นเพื่อนกันไปในที่สุด
ที่คณะเรานอกจากมีสมาชิกที่เป็นคนแล้ว ยังมีหมาอีกหลายตัวเช่น คุณหมี เป็นหมาสีดำตัวใหญ่ เป็นของภารโรง คุณหมีนี้ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นใหญ่เป็นโตมากที่สุดในบรรดาหมาที่คณะ ได้ข่าวว่าเวลานอนก็ต้องนอนมุ้ง เวลามีเรียนค่ำๆ คุณหมีไม่ได้เข้ามุ้งจะถูกยุงกัดมากกว่าคนอื่นและตัวอื่น …มากาเร็ตเป็นเจ้าถิ่น อยู่มานานแค่ไนไม่มีใครทราบ สีอะไรบอกไม่ได้แน่ สันนิษฐานว่าเคยเป็นสีขาว ขนยาว ส่อว่าเป็นลูกครึ่ง ความที่เธอไม่ยอมอาบน้ำจึงมอมแมมแถมมีกลิ่นแรง ข้าพเจ้าเคยท้าเพื่อนว่าใครเอามากาเร็ตไปอาบน้ำได้จะมีรางวัล ปรากฏว่าคนที่พยายามจะเอารางวัลถูกงับไปตามๆ กัน ไม่มีใครได้รางวัล ที่ข้าพเจ้าจะต้องเป็นธุระในเรื่องหาคนอาบน้ำให้มากาเร็ต เพราะมากาเร็ตมีความสนใจเรียนวิชาที่ข้าพเจ้าเรียน ถึงชั่วโมงภาษาบาลีและปรัชญากรีก เธอจะมานอนทับบนเท้าข้าพเจ้า ถ้าขยับหนีก็จะฮื่อใส่ เมื่อหมดชั่วโมงก็จะลุกไปเอง ท่านอาจจะถามว่าในเมื่อข้าพเจ้าอยากให้มากาเร็ตอาบน้ำ ทำไมไม่อาบให้เสียเอง ต้องสารภาพว่าเคยพยายามแล้ว แต่ไม่สำเร็จ แสดงว่าไม่ได้มีเมตตามหานิยมอะไรเป็นพิเศษ
เพื่อนข้าพเจ้านอกจากสุนัขแล้วยังมี พญานาค ที่เป็นคันทวยที่ตึก 1 เวลาเรียนข้าพเจ้าต้องหาโอกาสมองออกมานอกประตูห้องยิ้มทักทายพญานาค บางทีรู้สึกว่าพญานาคยิ้มตอบด้วย
สรุปแล้วข้าพเจ้าอยู่คณะอักษรฯ หลายปี เรียนปริญญาตรี 4 ปี เรียนปริญญาโทอีก 4 ปี มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหลายอย่างจนไม่ทราบว่าจะลำดับความอย่างไร ถ้านึกจะเขียนอัตชีวประวัติ แค่ประวัติที่คณะอักษรฯ จุฬาฯ ก็คงมีความยาวหลายเล่มสมุดไท…”
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ขอทรงพระเจริญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญทุกทิวาราตรี
อัพเดตเรื่องราวทัวร์ศิลปวัฒนธรรม ได้ที่ เพจเฟซบุ๊กทัวร์มติชนอคาเดมี