“เวียดนาม” หนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียน กำลังเนื้อหอมในปัจจุบัน ไม่ว่าเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่มีการปรับตัวและปรับทิศทางการส่งออกของตนไปสู่ตลาดอาเซียน ทั้งเรื่องของการลงทุนจากนอกประเทศและการท่องเที่ยว บอกได้ว่าจากสภาพที่ประจักษ์ด้วยสายตา เวียดนามไม่ได้ทำเล่นๆ แต่ได้ตระเตรียมแผนงานอย่างจริงจังและตั้งความหวังไว้เต็มที่ ซึ่งหากมองย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของเวียดนามที่ผ่านมา บทเรียนในอดีตหล่อหลอมให้คนเวียดนามเป็นนักสู้ และเอาจริงเอาจังกับการทำงานต่างๆ
ก่อนการกำเนิดเป็นประเทศเช่นในปัจจุบัน เวียดนามมีชนเผ่าต่างๆ ถึง 15 ชนเผ่า แต่ละชนเผ่ามีที่ทำกินเฉพาะของตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่ทำนาในพื้นที่มีน้ำเจิ่ง ไม่ได้สะดวกสบาย และยังมีสงครามระหว่างชนเผ่าเป็นระยะๆ กระทั่ง 258 ปีก่อนคริสต์ศักราช จึงสามารถตั้งเป็นอาณาจักรได้ โดยกษัตริย์ถุกฟ้าน (Thuc Phan) ของเต็ยเอิว ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของกลุ่มชาติพันธ์ไต่ (Tay) หนุ่ง (Nung) และจ้วง (Choang) ที่อาศัยอยู่บริเวณเวียดนามเหนือและจีนตอนใต้ในเวลานี้
ในระยะต่อมาเวียดนามยังต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของประเทศจีน โดยจีนส่งขุนนางเข้ามาปกครอง และนำแนวคิดเข้ามาเผยแพร่ แต่เมื่อปลดแอกจากจีนได้สำเร็จ และสถาปนาราชวงศ์ขึ้นปกครอง มีกษัตริย์ของตนเองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ราชวงศ์แรกของเวียดนาม คือ ราชวงศ์ลี้ (Ly) มีเมืองหลวงอยู่ที่ “ทังลอง” หรือเมืองฮานอยในปัจจุบัน
ช่วงที่อิทธิพลของตะวันตกเริ่มออกล่าอาณานิคม กองทัพฝรั่งเศสได้เข้าโจมตีเวียดนามที่เมืองดานังเป็นที่แรก จากนั้นรุกคืบไปเรื่อยจนยึดเมืองเว้ได้อีก เท่านั้นยังไม่พอ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1939-1945) ญี่ปุ่นก็ได้แผ่ขยายอิทธิพลเข้าไปในเวียดนามอีก กดขี่ชาวเวียดนามเพิ่มมากขึ้น หลังญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสพยายามจะกลับมาปกครองเวียดนามอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ชาวเวียดนามร่วมกันต่อสู้แบบกองโจร ก่อตั้งกองทัพปลดปล่อย ตั้งคณะกรรมการเพื่อปลดปล่อยแห่งชาติ โดยมี “โฮจิมินห์” เป็นผู้นำ สามารถยึดเมืองต่างๆ ในเวียดนามได้ จากนั้นยื่นข้อเสนอให้จักรพรรดิเบ๋า ด่าย (Bao Dai) ซึ่งเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิดของญี่ปุ่น สละราชสมบัติในวันที่ 23 สิงหาคม 1945 ล้มเลิกระบบกษัตริย์ในเวียดนาม
จักรพรรดิบ๋าว ได่
โฮจิมินห์ขึ้นเป็นประธานาธิบดี และประกาศเอกราชของเวียดนามอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 2 กันยายน 1945 ณ จัตตุรัสบ่าดิ่ญ กระนั้น การสู้รบของคนเวียดนามก็ยังไม่จบสิ้น เมื่อเกิดสงครามตัวแทนเวียดนามเหนือกับสหรัฐฯ หลังเวียดนามใต้ล้มประชามติการรวมชาติเวียดนามเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นสงครามที่เจ็บปวดและทุกข์ทรมานที่สุดของคนทั้งสองชาติ
ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ทำให้ประชากรเวียดนามกลายเป็นผู้มีน้ำอดน้ำทน ขยันขันแข็งและเป็นนักสู้ ล่าสุดที่ปรากฏสู่สาธารณะว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เลือกเวียดนามเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอด นัดที่ 2 กับผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ในวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2562 ยิ่งทำให้มุมมองของเวียดนามเด่นชัดในสายตาชาวโลก การประชุมนัดนี้ นับเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างชาติให้หลั่งไหลเข้าไปในเวียดนามมากยิ่งขึ้น ภาพเวียดนามในเวลานี้จึงเป็น “บ่อทอง” ที่ใครต่อใครต่างจ้องเข้าไปขุด โดยเฉพาะจีดีพีปีนี้ที่เติบโตถึง 7.4% สูงสุดในรอบ 10 ปี
อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมของเวียดนาม ต้องบอกว่าเป็นประเทศที่มี “ประวัติศาสตร์” น่าศึกษาไม่น้อย หากหมุนย้อนผ่านกาลเวลากลับไปยัง 2 เมืองที่เกี่ยวพันกับความเป็นเวียดนามในปัจจุบัน คือ “เมืองเว้” และ “ฮอยอัน” ในเวียดนามกลาง
“เว้” เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศ เมื่อหลายร้อยปีก่อน “เว้” เคยอยู่ในความปกครองของขุนนางเหวียนฮวาง (Nguyen Hoang) ราชวงศ์เล แต่ปกครองได้ไม่นานก็เกิดสงครามแบ่งแยกดินแดนขึ้น เหวียนฮวาง หรือ “องเชียงสือ” ได้ปราบกบฏลงและรวบรวมดินแดนทางตอนเหนือและใต้เข้าด้วยกัน พร้อมกับสถาปนาตนเองขึ้นเป็น “จักรพรรดิยาลอง” แห่งราชวงศ์เหวียน มีเมืองหลวงอยู่ที่เว้ แต่หลังจากพระเจ้ายาลองปกครองเว้ได้เพียง 33 ปี ฝรั่งเศสก็บุกเข้าโจมตีเมืองเว้ เกิดสงครามหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งจักรพรรดิเบ๋า ด่าย สละราชสมบัติ เมืองเว้จึงเป็นจุดต้นเริ่มต้นของราชวงค์เหวียน และเป็นราชธานีสุดท้ายของราชวงศ์เหวียนเช่นกัน
ปัจจุบัน “เว้” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม ไม่ไกลจากทะเลจีนใต้ ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ประมาณ 540 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง และเป็นเขตพื้นที่ป่าไม้สำคัญที่
พระราชวังเมืองเว้
ที่เว้มีของดีสถานที่สำคัญ ยิ่งใหญ่อลังการ คือ “พระราชวังเมืองเว้” หรือ “พระราชวังด่าย นอย”(Dai Noi ) สร้างโดยปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์
ตำหนักสำคัญที่สุดในพระราชวั
พระราชวังเมืองเว้
สุสานจักรพรรดิไคดิงห์
นอกจากนี้แล้วยังมี “สุสานจักรพรรดิไคดิงห์” เป็นเพียงสุสานเดียวที่มี
กลางลานมีแผ่นจารึกเขียนด้วยอั
สุสานจักรพรรดิไคดิงห์
จากเว้ในระยะทางไม่ไกลกันนัก เป็นที่ตั้งของเมือง “ฮอยอัน” ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดก๋วงนัม ตอนกลางของประเทศเวียดนามเช่นกั
ภาพมังกรในม่านเมฆที่สุสานจักรพรรดิไคดิงห์
สะพานญี่ปุ่น
ในตัวเมืองฮอยอัน ได้รับการบูรณะและทำเป็นแหล่งท่
สิ่งสำคัญอีกแห่งหนึ่ง “หอบรรพชนมิงเฮือง” สร้างขึ้นโดยลูกหลานชาวจีนที่
ที่ฮอยอัน มีกลุ่มศาสนสถาน “ปราสาทหมี่เซิน” หรือ “หุบเขาศักดิ์สิทธิ์หมี่เซิน” เป็นศาสนสถานที่ใหญ่
เมืองฮอยอัน
ศาลเจ้าเฝือกเกี๋ยน
ปราสาทหมี่เซิน
“หมี่เซิน-My Son” จัดเป็นโบราณสถานที่มีสถาปั
ศาสนสถานแห่งนี้ ใช้ประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์
ปราสาทหมี่เซิน
ปราสาทหมี่เซิน
ที่บรรยายมาทั้งหมด พอจะเห็นภาพของดีของสำคัญอย่
แล้วพบกัน!