Tour Story : เรื่องราวระหว่างทัวร์

ชวนคนปีจอไปไหว้พระธาตุดอยมอญจิ่ง

พระธาตุดอยมอญจิ่ง ที่ตำบลทุ่งข้าวพวง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ สำหรับคนเกิดปีจอไปสักการะแทนการไปไหว้พระธาตุอินทร์แขวนของจริง ที่เมียนมา

ความเชื่อเรื่อง “ไหว้พระธาตุประจำปีเกิด” เป็นความเชื่อที่สืบทอดมาจากชาวล้านนา ซึ่งเชื่อว่าการไหว้พระธาตุเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ ช่วยเสริมบารมีและสร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้ที่ไปไหว้

ที่มาของความเชื่อนี้มาจากบรรพบุรุษของชาวล้านนามีความเชื่อว่าก่อนที่ดวงวิญญาณจะมาเกิดและปฏิสนธิในครรภ์มารดา จะมีสัตว์ประจำนักษัตรนำดวงวิญญาณมาพักไว้ที่ “พระธาตุเจดีย์” ก่อน  จากนั้นดวงวิญญาณจึงจะไปสู่ครรภ์มารดาหลังปฏิสนธิ  ขณะเดียวกันเมื่อตอนสิ้นชีวิตหรือตายก็เชื่อว่าดวงวิญญาณจะกลับไปสถิตอยู่ที่พระธาตุเจดีย์ตามเดิม

ดังนั้น เมื่อเกิดมาแล้ว ใครก็ตามจึงต้องหาโอกาสไปไหว้สักการะพระธาตุประจำปีเกิดให้ได้ในแต่ละปี หรือสักครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยังดี

สำหรับคนที่เกิด “ปีจอ” ตามตำนานการไหว้พระธาตุปีเกิดแล้ว จะต้องเดินทางไปไหว้ “พระธาตุอินทร์แขวน” ที่ประเทศเมียนมา หรือเรียกอีกชื่อว่า “พระธาตุไจ้ก์ทิโย” หมายถึงหินรูปหัวฤๅษี เป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ คล้ายว่าจะหล่นลงมา เป็นความอัศจรรย์ที่เชื่อกันว่าเป็นหินที่พระอินทร์นำมาแขวนเอาไว้ 

แต่ในเมื่อสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันและเรื่องของโรคระบาดโควิด-19 ยังไม่หมดสิ้นไป จึงทำได้เพียงไปไหว้สักการะพระธาตุที่คล้ายคลึงกันกับพระธาตุอินทร์แขวน ซึ่งมีอยู่หลายแห่งในเมืองไทย แต่ที่สวยงามและอยู่ในบรรยากาศใกล้เคียงกับพระธาตุอินทร์แขวนของจริง เป็นที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ คือ “พระธาตุดอยมอญจิ่ง”  เป็นพระธาตุอินทร์แขวนจำลองมาจากของจริง ตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งข้าวพวง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

คนที่คิดสร้างคือนายโพธิ์ นันติยะ ได้สร้างฐานพระธาตุขึ้นมาก่อน โดยจำลองมาจากพระธาตุอินทร์แขวน ประเทศเมียนมา  แต่สร้างได้เฉพาะฐานก็เสียชีวิตไปก่อน นายอนัน ฤทธิเดช จึงหาเงินมาสร้างต่อจนเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2550  สำหรับพระธาตุอินทร์แขวนของวัดนี้ มีขนาดเท่าของจริงที่ประเทศเมียนมา  นอกจากนี้ยังได้สร้าง “เจดีย์ชเวดากองจำลอง” คู่กันด้วย แต่เจดีย์นี้จะมีขนาดเล็กกว่าของจริงที่เมียนมา

ภายในวัดมีพระภิกษุไทใหญ่จำพรรษาอยู่ จึงมีโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญหลายหลังเพื่อใช้ประกอบกิจทางศาสนา มองในด้านสถาปัตยกรรมแล้วพระธาตุมอญจิ่งเป็นพระธาตุที่มีลักษณะรูปแบบไทใหญ่ มีเอกลักษณ์และสวยงาม การบูรณะใช้วิธีสร้างครอบองค์พระธาตุเดิม เพื่อถวายเป็นพุทธบุชาตามความเชื่อของชาวไทใหญ่  พระธาตุดอยมอญจิ่งปัจจุบันมีอายุมากกว่า1,000 ปี

 พระธาตุดอยมอญจิ่งมีการบูรณะปฏิสังขรณ์มาเรื่อยๆ โดยคนเฒ่าคนแก่หลายชั่วอายุคน  ก่อนสร้างพระธาตุมีเรื่องเล่าว่าเทวดามาเข้าฝันพ่อศีลตอถึงที่ตั้งหินองค์พระธาตุเก่า ต่อมาทางวัดและชาวบ้านจึงร่วมกันนสร้างองค์พระธาตุเจดีย์สีทองครอบหินพระธาตุองค์เดิมไว้ เช่นที่เห็นในปัจจุบัน

ส่วนชื่อพระธาตุดอยมอญจิ่ง ตั้งตามชื่อ “พระนางมอญจิ่ง” ตามตำนานสันนิษฐานว่าเป็นผู้สร้างพระธาตุดอยมอญจิ่ง ซึ่งตามคำบอกเล่าของคนโบราณบอกว่าพระนางมอญจิ่งเป็นลูกของพญาโคสุภราจารย์ ที่เดินทางมาจากป่าหิมพานต์มาเที่ยวเมืองมนุษย์  ระหว่างทางพญาโคได้กินผลไม้ขณะที่กินอยู่นั้นผลไม้ได้หลุดออกจากปากตกไปในลำธาร หญิงสาวชาวบ้านนางหนึ่งได้เก็บผลไม้ที่ลอยมาตามน้ำนั้นมากิน เลยเกิดตั้งครรภ์และคลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง ชื่อนางมอญจิ่ง 

ทางขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยมอญจิ่ง จะเป็นทางซีเมนต์ลาดชันไปจนถึงยอดดอย
จากยอดดอยมอญจิ่งสามารถมองเห็นหมู่บ้านทุ่งเขาพวงในตำนาน ซึ่งปัจจุบันเพี้ยนเป็น ทุ่งข้าวพวง วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม โอบล้อมด้วยขุนเขา
ศาลาการเปรียญของวัดพระธาตุดอยมอญจิ่ง เป็นสถาปัตยกรรมแบบไทใหญ่

ตั้งแต่เด็กถูกล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ พอนางมอญจิ่งอายุได้ 13 ปีเลยถามแม่ว่าพ่อคือใคร จึงออกตามหาพ่อจนมาถึงบ้านทุ่งข้าวพวง ได้เทวดาดลใจให้เจอกับพญาโคผู้เป็นพ่อ พญาโคจึงถอดเอาเขาโคสร้างเป็นเรือนให้นางมอญจิ่งอยู่ ชาวบ้านจึงตั้งชื่อหมู่บ้านตามเหตุการณ์นี้ว่า ทุ่งเขาพวง ปัจจุบันเพี้ยนเป็น ทุ่งข้าวพวง 

การเดินทางไปยังพระธาตุดอยมอญจิ่งไม่ยาก …ใช้เส้นทางสายเชียงใหม่-แม่อาย-ฝาง เข้าทางแยกเมืองงาย เลี้ยวซ้ายเข้าไปในเมืองงาย จากนั้นเข้าไปบ้านทุ่งเข้าพวง ทางเข้าวัดพระธาตุดอยมอญจิ่งอยู่ขวามือ มีป้ายบอกทางเข้าชัดเจน

นอกจากเป็นพระธาตุที่คนเกิดปีจอต้องไปสักการะให้ได้แล้ว เมื่อขึ้นไปถึงยอดดอยยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่น  มองดูวิวทิวทัศน์สวยงามที่โอบล้อมด้วยภูเขา พักผ่อนทำบุญให้หายเหนื่อยแล้วจึงค่อยเดินทางต่อ ปัจจุบันทางวัดเปิดให้คนไปเที่ยวและทำบุญได้ทุกโอกาส

อัพเดตเรื่องราวทัวร์ศิลปวัฒนธรรม ได้ที่ เพจเฟซบุ๊กทัวร์มติชนอคาเดมี

พระธาตุดอยมอญจิ่ง ตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งข้าวพวง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระธาตุอินทร์แขวนจำลองจากเมียนมา
ส่วนอันนี้เป็น "พระธาตุอินทร์แขวน" ของจริงในประเทศเมียนมา คนเมียนมาเรียกว่า “ไจก์ทิโย” ซึ่งเป็นภาษามอญ หมายถึง เจดีย์เหมือนศีรษะฤๅษี หรือ “เจดีย์หัวฤๅษี” เป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีจอ เชื่อว่าหากคนที่เกิดปีนี้ได้ไปสักการะองค์พระธาตุอินทร์แขวนจะได้ผลบุญสูงล้ำ พระธาตุ “ไจก์ทิโย” ตั้งอยู่ในเมือง “ไจก์โถ” รัฐมอญ บนยอดเขาพวงลวง ความสูง 3,615 ฟุต จากระดับน้ำทะเล
งานช่างประดับกระจกที่งดงาม สีสันหลากหลาย แวววาวคล้ายอัญมณี

นอกจากเป็นพระธาตุที่คนเกิดปีจอต้องไปสักการะให้ได้แล้ว เมื่อขึ้นไปถึงยอดดอยยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่น  มองดูวิวทิวทัศน์สวยงามที่โอบล้อมด้วยภูเขา พักผ่อนทำบุญให้หายเหนื่อยแล้วจึงค่อยเดินทางต่อ ปัจจุบันทางวัดเปิดให้คนไปเที่ยวและทำบุญได้ทุกโอกาส

พระพุทธรูปภายในศาลาการเปรียญ
ไม้แกะสลักประดับตกแต่งที่หลังคาโบสถ์
มองจากระเบียบของวัดพระธาตุดอยมอญจิ่ง
พระพุทธรูปศิลปะไทใหญ่ ในวัด
ความงดงามของการปะดับตกแต่งด้วยกระจก
เจดีย์ชเวดากองจำลอง มีขนาดเล็กกว่าของจริง สร้างมาคู่กับพระธาตุอินทร์แขวนจำลอง
อีกลวดลายของการตกแต่งภายในวัด
ความงดงามอ่อนช้อยของหน้าบัน แกะสลักจากไม้ล้วนๆ
พญาโคสุภราจารย์ จากป่าหิมพานต์และพระนางมอญจิ่ง ในตำนานการสร้างพระธาตุดอยมอญจิ่ง
เทพพนมศิลปะไทใหญ่
พระนาคปรกภายในวัด อยู่บนลานด้านนอก
พระอุปคุต เป็นพระที่มีความสำคัญต่อชาวเหนือมาก ซึ่งที่วัดพระธาตุดอยมอญจิ่งจะประดิษฐานไว้รอบวัดชาวเหนือเชื่อว่าหากเดือนใดมีวันเพ็ญที่ตรงกับวันพุธ หรือที่เรียกว่า “เป็งปุ๊ด” พระอุปคุตจะแปลงกายเป็นเณรมาบิณฑบาตรตอนเที่ยงคืน ใครก็ตามที่ได้ใส่บาตรพระอุปคุต จะได้บุญมาก