กรุงเทพมหานครครบ 239 ปี สร้างตามแบบกรุงศรีอยุธยา ชัยภูมิ"นาคนาม"
21 เมษายน 2564 หรือวันนี้เมื่อ 239 ปีมาแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์จักรี ได้สถาปนากรุงเทพมหานคร เป็นราชธานีแห่งใหม่ของสยาม มีนามพระราชทาน “กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” มีความหมาย “เมืองของเทวดา มหานครอันเป็นอมตะ สง่างามด้วยแก้ว 9 ประการ และเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดิน เมืองที่มีพระราชวังหลายแห่ง ดุจเป็นวิมานของเทวดา ซึ่งพระวิษณุกรรมสร้างขึ้นตามบัญชาของพระอินทร์” ปัจจุบันภาษาราชการเรียก กรุงเทพมหานคร และอย่างย่อว่า กรุงเทพฯ
แต่เมื่อแรกสถาปนาราชธานีนั้น ตรงสร้อย “อมรรัตนโกสินทร์” พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พระราชทานว่า “บวรรัตนโกสินทร์” จวบจนถึงรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนเป็น อมรรัตนโกสินทร์ และต่อมามักเรียกกันว่า กรุงรัตนโกสินทร์
ชื่อกรุงเทพมหานครเมื่อถอดเป็นอักษรโรมัน คือ Krung Thep Maha Nakhon แต่ต่างชาติส่วนใหญ่เรียกเมืองนี้ว่า Bangkok อันมาจากอดีตของเมืองซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของเมืองธนบุรีศรีมหาสมุทร ที่ชาวต่างชาติเรียกกันว่า “บางกอก” แต่จะออกเสียงเป็น “แบงก์ค็อก” มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีความสำคัญในฐานะเส้นทางออกสู่ทะเลและติดต่อค้าขายกับอาณาจักรต่างๆ ทั้งเป็นเมืองหน้าด่านขนอน คอยดูแลเก็บภาษีจากเรือสินค้าทุกลำที่ผ่านเข้าออก
ส่วนบริเวณปากน้ำตรงอ่าวไทย เรียกกันว่า “นิวอัมสเตอร์ดัม” (ฝรั่งเทียบกับกรุงอัมสเตอร์ดัมของฮอลแลนด์ที่เป็นเมืองท่าสำคัญของยุโรป) มีชุมชนใหญ่และโกดังของชาวต่างประเทศไว้สำหรับพักสินค้า ปัจจุบันคือพื้นที่บริเวณอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
สำหรับที่มาของคำว่า “บางกอก” มีข้อสันนิษฐานว่าอาจมาจากที่แม่น้ำเจ้าพระยาคดเคี้ยวไปมา บางแห่งมีสภาพเป็นเกาะเป็นโคก จึงเรียก “บางเกาะ” หรือ “บางโคก” แล้วเพี้ยนเป็น บางกอก บ้างก็ว่าเนื่องเพราะบริเวณนี้มีต้นมะกอกอยู่มาก จึงเรียก “บางมะกอก” ข้อสันนิษฐานนี้อ้างอิงมาจากชื่อเดิมของวัดอรุณราชวราราม คือ วัดมะกอก (ก่อนจะเป็นวัดมะกอกนอก และวัดแจ้ง ตามลำดับ) และต่อมาบางมะกอกกร่อนคำเหลือแค่ บางกอก
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ ให้สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นทางพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นราชธานีแห่งใหม่ เนื่องจากทรงเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม มีลักษณะเป็นหัวแหลม โอบด้วยลำน้ำถึงสามด้าน อีกทั้งนอกคูเมืองด้านตะวันออกยังเป็นทะเลตม หากขุดคลองเพิ่มขึ้นอีกก็จะป้องกันพระนครได้เป็นอย่างดี
จึงโปรดฯ ให้ย้ายราชธานีมาฝั่งตะวันออก ทรงประกอบพิธียกเสาหลักเมือง เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 6 ขึ้น 10 ค่ำ ย่ำรุ่งแล้ว 54 นาที ปีขาล จ.ศ.1144 จัตวาศก ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2325 เวลา 6.54 น. โดยราชธานีแห่งใหม่นี้สืบทอดศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมจากพระราชวังหลวงของกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่การสร้างพระบรมมหาราชวัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีการขุดคู คลอง ขุดรากก่อกำแพงพระนคร และสร้างป้อมปราการ การวางตำแหน่งที่ตั้งของวังต่างๆ จัดเรียงรายให้มีชัยภูมิแบบ “นาคนาม” ต้องตามตำราพิชัยสงครามสมัยกรุงศรีอยุธยาอย่างเคร่งครัด พร้อมกับฟื้นฟูพระศาสนา รื้อฟื้นวรรณกรรม เพื่อเป็นการบำรุงขวัญแก่ราษฏรทั้งปวง การสร้างกรุงเทพฯ ใช้เวลาถึง 3 ปี จึงแล้วเสร็จบริบูรณ์ มีกำแพงเมืองและป้อมปราการแข็งแรงมั่นคง
วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2514 รัฐบาลได้รวมจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีเข้าด้วยกัน เป็นนครหลวงกรุงเทพธนบุรี และภายหลังการปรับปรุงการปกครองใหม่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2515 ได้เปลี่ยนเป็นชื่อเป็น กรุงเทพมหานคร