จังหวัดนครนายกแหล่งเที่ยวที่ไม่ไกลจากรุงเทพฯ สามารถเดินทางเช้าไปเย็นกลับในวันเดียว และเดี๋ยวนี้สถานที่เที่ยวหลายแห่งเปิดตัวอย่างคึกคักรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว
อย่าง “วัดมณีวงศ์” หลังจากปิดตัวไประยะหนึ่งเพราะโควิด-19 เวลานี้กลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวไปไหว้พระ ขอพรและบูชา “พญานาค” ได้แล้ว ภายใต้กฎระเบียบและกติกาของทางวัดที่ระบุไว้
ปัจจุบัน “วัดมณีวงศ์” บ้านหนองกระพ้อ ตำบลดงละคร อำเภอเมืองนครนายก กลายเป็นไฮไลต์ของจังหวัดที่ใครต้องไปสักครั้งในชีวิต เพราะมี “ถ้ำพญานาค” ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่วัดแห่งนี้
วัดมณีวงศ์มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2446 มาถึงปัจจุบันนับว่ามีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว ขณะที่จังหวัดนครนายกเองนั้นตามประวัติสันนิษฐานว่าเคยเป็นเมืองสมัยทวารวดีมาก่อน โดยมีหลักฐานคือแนวกำแพงเนินดินและสันคูอยู่ที่ ตำบลดงละคร และในสมัยอยุธยาก็ปรากฏหลักฐานเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศตะวันออกในสมัยพระเจ้าอู่ทอง
ตามคำบอกเล่าของ “หลวงพี่ต่อ-พระครูปิยะรัตนานุกุล” เจ้าอาวาส ว่าการสร้างถ้ำพญานาค หรือ “ถ้ำวังรัตนมณีมหานครบาดาลนาคราช” นี้ เพราะอยากให้นาคทั้งหลายได้รับบุญกุศล แรกเริ่มทีเดียวเกิดจากโบสถ์ของวัดแห่งนี้ทรุดโทรมมาก หลวงพี่จึงร่วมแรงศรัทธากับชาวบ้านสร้างโบสถ์ขึ้นมาใหม่ แต่เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยกลับถูกไฟไหม้หมดทั้งหลัง ทำให้เสียใจมาก “…โบสถ์เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ไฟไหม้หมดเลย อาตมาก็เสียใจมากๆ จนด่าพญานาคว่าไม่ช่วยอะไรเลย จึงไม่เชื่อหรอกว่าพญานาคมีจริง ถ้ามีจริงก็ต้องมาให้เห็นมาช่วยเหลือ มาทำให้เชื่อ…พอตกกลางคืนมาเลย รอยมาเต็มผนังห้องทั้ง 4 ด้าน แล้วก็ฝันว่ามีชายชราคนหนึ่งมาหาเรา พาไปเมืองๆ หนึ่ง งามวิจิตรมาก ก็จดจำในสิ่งที่เห็นกลับมา มาถึงก็สร้างถ้ำจำลองเมืองบาดาลตามแบบที่เราเห็นมา…”
ภายในถ้ำจำลองจากเมืองบาดาลแห่งนี้ ประกอบด้วยกษัตริย์พญานาคทั้ง 12 ตระกูล ขุนพลทั้ง 12 ตระกูล และบริวารจำนวน 1,000 องค์ ซึ่งหลวงพี่-พระครูปิยะรัตนานุกุล ตั้งใจว่าไม่เกิน 5 ปี ต้องสำเร็จทั้งหมด แต่ตอนนี้ยังสร้างได้ไม่ถึงหนึ่งพันองค์
นอกจากนี้แล้ว สิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์หรือความเชื่อที่ไม่อาจลบหลู่ หลวงพี่บอกว่ามีจุดหนึ่งที่ทุกคนต้องไป คือ “รูปปั้นงูสีดำ” ทุกวันนี้งูตัวจริงยังมีชีวิตอยู่ บางวันก็มาปรากฏตัวให้เห็น และระหว่างการสร้างก็จะมีเศษซากของงูที่ตายระหว่างสร้างเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ก็ได้นำกระดูกหรือซากใส่ไว้ในรูปปั้นพญานาคที่อยู่ในถ้ำนี้
พระครูปิยะรัตนานุกุล เจ้าอาวาส บอกว่าตามตำนานที่เล่าต่อกันมา พญานาคในตระกูลสีดำนั้นมีฤทธิ์มากและมีจำนวนมากที่สุดอีกด้วย จะมีหน้าที่ในการเฝ้าสมบัติ จึงมีเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นมากมายภายในถ้ำแห่งนี้
การเดินทางไปวัดมณีวงศ์ ถ้ามาจากกรุงเทพฯ สามารถให้ใช้ถนนรังสิต-นครนายก หมายเลข 305 ผ่านองครักษ์ ผ่านแยกบางอ้อ มาจนถึงแยกสามสาว จากนั้นตรงไปถนนหมายเลข 3076 เลียบคลองเหมืองไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาจะมองเห็นตัววัด จุดเด่นคือกำแพงวัดเป็นสีทองมีลวดลายแกะสลักพระพุทธรูปอุ้มบาตรอยู่ตามช่องประตูทอดยาวไปตลอดแนว เมื่อเข้าไปภายในบริเวณวัด จะเห็นพระพุทธรูป “พระปางป่าเลไลยก์” ตั้งเด่นเป็นสง่าให้คนไหว้และขอพร
จากนั้นเดินผ่านประตูอาคารเข้าไปข้างในถ้ำซึ่งมีการจัดไฟสีสันต่างๆ ทำให้ภายในถ้ำมีชีวิตชีวาเสมือนว่าได้หลุดเข้าไปในเมืองบาดาลจริงๆ สิ่งที่มองเห็นแต่ไกลเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งประดิษฐานเป็นพระประธานขนาดหน้าตัก 9 เมตร สูง 14 เมตร ปางมารวิชัย เรียกว่า“พระมหาจักรพรรดิชัยบาดาล” และยังมี “หลวงพ่อพันล้าน” และ “พระสิวลี” ให้คนกราบไหว้ขอโชคลาภ ส่วนด้านบนของถ้ำก็ยังมีพระพุทธรูปอื่นๆ อีกมากมาย ที่วัดยังมีวิหารเซียน สถานปฏิบัติธรรมให้ผู้สนใจอยากเรียนสมาธิ
สามารถติดต่อสอบถามได้ที่วัด สำหรับการเข้าชมถ้ำพญานาคทางวัดจะจัดคิวให้เข้าชมเป็นรอบๆ รอบละ 15 นาที โดยเข้าคิวตามลำดับก่อนหลัง
จังหวัดนครนายกไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย หากแต่มีความงียบสงบ ธรรมชาติสวยงาม เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก ที่สำคัญไม่ไกลสำหรับการเดินทางในวันหยุดที่ไม่ยาวนัก
อัพเดตเรื่องราวทัวร์ศิลปวัฒนธรรม ได้ที่ เพจเฟซบุ๊กทัวร์มติชนอคาเดมี