ความงดงามของกรุงศรีอยุธยาในอดีตทำให้คนปัจจุบันโหยหา อยากไปเห็น อยากไปสัมผัส จึงมีนิยายหลายต่อหลายเรื่องที่มีพล็อตย้อนเวลากลับไปหาอดีตจนทำให้ขายดิบขายดี แต่ครั้งนี้ “ทัวร์มติชนอคาเดมี” จะทะลุมิติเวลาไปยัง กรุงศรีอยุธยาสมัยพระเจ้าปราสาททอง ผ่านการบอกเล่าจากจดหมายเหตุของ “โยส เซาเต็น” ผู้จัดการบริษัทการค้าฮอลันดา (Joost Schouten, Manager of the Dutch East Indies Company) ประจำกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาลพระเจ้าปราสาททอง ที่เขียนขึ้นเป็นภาษาฮอลันดาเมื่อ ค.ศ.1636 ภาพกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างไร ต้องใช้จินตนาการบวกกับคำบอกเล่าในจดหมายเหตุ…
ในจดหมายเหตุ คัดลอกมาบางตอนระบุ ว่าประเทศสยามเป็นราชอาณาจักรใหญ่ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ตั้งอยู่ในทวีปอาเซียทางตอนเหนือของเส้นศูนย์สูตรเรื่อยขึ้นไปจนถึงเส้นรุ้งที่ 14 มีอาณาเขตติดต่อกับราชอาณาจักรหงสาวดีและอังวะ อาณาจักรสยามประกอบไปด้วยเมืองเล็กใหญ่มากมาย มีตลาดที่ซื้อขายและหมู่บ้านเหลือคณานับ บรรดาเมืองใหญ่ๆ นั้นคือ พิษณุโลก สวรรคโลก ลำปาง สัชนาลัย กำแพงเพชร นครสวรรค์ ตะนาวศรี นครศรีธรรมราช พัทลุง บางกอก เพชรบุรี ราชบุรี มะริด และเมืองอื่นๆ อีกมาก
พระนครศรีอยุธยาเป็นราชธานีและเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ บรรดาขุนนางข้าราชการเจ้านายทั้งหลายทั้งปวงก็อยู่ที่พระนครศรีอยุธยานี้ เมืองนี้ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ในแม่น้ำเจ้าพระยา ท้องที่รอบนอกเป็นที่ราบไปทั่วทุกทิศ รอบกรุงศรีอยุธยามีกำแพงหินสร้างอย่างหนาแน่นแข็งแรง รอบกำแพงวัดได้ประมาณ 2 ไมล์ฮอลันดา จึงเป็นนครหลวงที่กว้างขวางใหญ่มาก
ภายในพระนครมีโบสถ์ วิหาร วัดวาอารามสร้างขึ้นอยู่ติดๆ กัน ประชาชนพลเมืองผู้อยู่อาศัยก็มีอยู่อย่างหนาแน่น ภายในกำแพงเมืองมีถนนกว้างตัดตรงและยาวมาก และมีคลองขุดจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามาในพระนคร จึงสะดวกแก่การสัญจรไปมาได้ทั่วถึงกัน
นอกจากถนนและคลอง ยังมีคูเล็กๆ และตรอกซอยอีกเป็นอันมาก ด้วยเหตุนี้ในฤดูน้ำ เรือพายทั้งหลายทั้งปวงจึงสามารถที่จะผ่านเข้าผ่านออกติดต่อกันได้จนถึงหัวกะไดบ้าน
บ้านที่อยู่อาศัยนั้นปลูกขึ้นตามแบบบ้านแขกอินเดีย แต่มุงหลังคาด้วยกระเบื้อง พระนครศรีอยุธยานี้จึงเป็นนครที่โอ่อ่า เต็มไปด้วยโบสถ์วิหาร ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 300 และก่อสร้างขึ้นอย่างวิจิตรพิสดารที่สุด โบสถ์วิหารเหล่านี้มีปรางค์ เจดีย์ และรูปปั้น รูปหล่ออย่างมากมาย ใช้ทองฉาบอยู่ภายนอก สีเหลืองอร่ามทั่วไปหมด เป็นพระมหานครที่สร้างอยู่ข้างฝั่งแม่น้ำ โดยมีผังเมืองวางไว้อย่างเป็นระเบียบ จึงเป็นนครที่สวยงามมาก ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม มีประชาชนหนาแน่น และเต็มไปด้วยสินค้าสิ่งของจำเป็นแก่ชีวิตนำเข้ามาขายจากนานาประเทศ เท่าที่ข้าพเจ้าทราบยังไม่มีพระมหากษัตริย์องค์ใดในแถบนี้ของโลกที่จะมีเมืองหลวงใหญ่โตมโหฬารวิจิตรพิสดาร และสมบูรณ์พูนสุขเหมือนกับพระมหากษัตริย์ ณ ราชอาณาจักรนี้ พระนครศรีอยุธยาจึงอยู่ในภูมิฐานที่ดีและมั่นคง สุดวิสัยที่ข้าศึกศัตรูจะโจมตียึดครองได้ง่ายๆ เพราะทุกๆ ปีน้ำจะท่วมขึ้นมาถึง 6 เดือนทั่วท้องที่นอกกำแพงเมือง จึงเป็นการบังคับให้ศัตรูอยู่ไม่ได้ ต้องล่าถอยทัพไปเอง
พระราชวังที่ประทับของพระมหากษัตริย์และข้าราชบริพารในราชอาณาจักรนี้ใหญ่โตมโหฬารยิ่งนัก พระองค์ไม่ค่อยเสด็จออกให้ราษฎรสามัญได้ชมพระบารมีบ่อยนัก แม้แต่กับขุนนางและข้าราชการ พระองค์ยังเสด็จออกมาให้เข้าเฝ้าฯ ได้ตามวันเวลาที่มีกำหนดไว้เท่านั้น และก็ต้องเป็นในท้องพระโรงต่างๆ ในพระราชฐานเท่านั้น
เมื่อเวลาเสด็จออกพบขุนนาง พระองค์ทรงแต่งพระองค์ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่มีราคามาก ทรงสวมมงกุฎกษัตริย์และประทับอยู่บนพระเก้าอี้ทอง ขุนนางข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนต้องก้มกราบอยู่แทบพระบาท และในท้องพระโรงนั้น มีทหารถืออาวุธประมาณ 300 คน เฝ้าอยู่ด้วย เพื่อคอยปกป้องพระองค์จากภยันตราย ชาวต่างชาติต่างภาษาเมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ ก็จำต้องแสดงคารวะด้วยความพินอบพิเทา
ต้องคุกเข่าลง พนมมือขึ้น และก้มศีรษะอยู่ตลอด เมื่อจะกราบทูลสิ่งใดก็ต้องก้มลงกราบเสียก่อนและต้องใช้ถ้อยคำเพ็ดทูล เมื่อพระองค์ตรัสตอบอย่างใด ก็ต้องถืออย่างนั้น เสมือนโองการพระเป็นเจ้า ถ้าพระองค์จะมีคำสั่งสิ่งใดออกมาก็จำต้องปฏิบัติตามให้ครบทุกตัวอักษร
ชาวสยามมีร่างกายสมส่วน ผิวค่อนข้างจะน้ำตาลระหว่างดำกับเหลือง ชาวสยามเป็นทหารที่ดีไม่ได้ แต่บางครั้งก็โหดร้ายทารุณกับพวกเชลยศึกเหมือนกัน ชาวสยามมีท่าทางหยิ่งจองหอง แต่เมื่อมีกิจธุระต้องติดต่อกันก็สุภาพเรียบร้อยและมีกิริยาอัชฌาสัย คนพวกนี้ชอบสนุก ตามธรรมชาติเป็นคนขลาด ขี้ระแวง มีนิสัยประจบ ชอบหลอกลวงและพูดไม่จริงอย่างที่สุด
ชายชาวสยามมีนิสัยเกียจคร้าน ไม่ชอบทำงาน ดังนั้น งานการทั้งหลายทั้งปวงหญิงจึงต้องทำ ผู้หญิงที่นี่มีร่างกายแข็งแรง ความสวยงามนั้นปานกลาง งานในนาก็ดี หรือในบ้านก็ดี หญิงสยามทำด้วยความขยันขันแข็งอย่างยิ่ง และมักจะทำร่วมกับข้าทาสบริวาร ส่วนชายนั้นไม่ค่อยได้ทำอะไร นอกจากราชการงานทหารและก็ออกไปเดินเล่นหาความเพลิดเพลินเท่านั้น
ทั้งหญิงชายแต่งตัวด้วยผ้าผ่อนน้อยชิ้น เพราะประเทศนี้เป็นประเทศร้อน เขาชอบผ้าสีต่างๆ นุ่งสำหรับส่วนล่างของร่างกาย ส่วนบนนั้นชายใส่เสื้อชั้นในแขนครึ่งท่อน ส่วนหญิงนั้นมีผ้าบางๆ พาดไหล่หรือปิดหน้าอก บนศีรษะมักจะมีปิ่นทองปักผมไว้และสวมแหวนทองที่นิ้วมือ การแต่งกายเช่นนี้แต่งด้วยกันทั้งคนจนคนมี จึงยากที่จะดูว่าใครรวยใครจน นอกจากจะรู้ราคาชนิดผ้าที่นุ่งห่มนั้น
วิธีสังเกตคนมั่งมีและมีอำนาจราชศักดิ์สังเกตได้ง่ายจากผู้คนในขบวนที่ห้อมล้อมเจ้านายของเขา ราษฎรสามัญเดินไปตามถนนมีข้าทาสคนหนึ่งหรือสองคนตามมา คนมั่งมีมีข้าทาสบริวารมากกว่านี้ ส่วนผู้ยิ่งใหญ่มีอำนาจราชศักดิ์ มักจะมีบริวารติดตามมาด้วยถึง 30 คน หรือมากกว่าก็มี
บ้านของชาวสยามสร้างด้วยไม้หรือไม้ไผ่ตามแบบชาวอินเดีย หลังคาบ้านนั้นใช้จากหรือกระเบื้องมุง เขามักยกพื้นบ้านให้สูงกว่าพื้นดินราว 3 ถึง 4 ฟุต บ้านหนึ่งๆ มีประตู 1 บาน หน้าต่างหลายบาน เครื่องแต่งบ้านนั้นมีน้อย มีเท่าที่จำเป็นสำหรับการหลับนอน บริโภคอาหารและการหุงต้มเท่านั้น
อาหารของชาวสยามไม่ฟุ่มเฟือยและมีน้อยสิ่ง ตามปกติมีข้าว ปลา และผัก ส่วนเครื่องดื่มตามปกตินั้น เขาดื่มแต่น้ำอย่างเดียว แต่ในวันหยุดชาวสยามกินอาหารกันฟุ่มเฟือย และชาวบ้านก็ดื่มสุราอย่างเมามาย…
นี่คือ..สภาพของกรุงศรีอยุธยาในสายตาของ “โยส เซาเต็น” พ่อค้าชาวฮอลันดา ยุคพระเจ้าปราสาททอง
อัพเดตเรื่องราวทัวร์ศิลปวัฒนธรรม ได้ที่ เพจเฟซบุ๊กทัวร์มติชนอคาเดมี