Tour Update : ทัวร์สนุกไปกับเรา

ทัวร์พินิจ… ‘พริบพรี’ที่เมืองเพชร์ อยุธยาที่มีชีวิต จ.เพชรบุรี

ทัวร์นี้สิ้นสุดแล้ว
วันที่ไปทัวร์ 12 มี.ค. 2565 - 13 มี.ค. 2565
จำนวนวัน 2
ติดต่อได้ที่

Tel : 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124

Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105

เส้นทางท่องเที่ยว เพชรบุรี
วิทยากร
รศ.พิชญา สุ่มจินดา

6,900 บาท / คน

สอบถาม

ทัวร์ พินิจ… พริบพรี’ ที่เมืองเพ็ชร์ อยุธยาที่มีชีวิต จ.เพชรบุรี                                                                     

วันที่ 12-13 มีนาคม 2565

วิทยากร : รศ.พิชญา สุ่มจินดา            

ราคา 6,900 บาท

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2565

07.00 น.

ลงทะเบียน พร้อมรับประทานอาหารเช้า ที่มติชนอคาเดมี

08.00 น.

เดินทางสู่ อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี

10.30 น.

ถึง วัดมหาธาตุวรวิหาร พระอารามกลางเมืองเพชรบุรีตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ประกอบด้วยปรางค์ประธานห้ายอดที่สร้างแทนองค์เดิมที่พังลงก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เข้าชมพระวิหารหลวง ที่มีเครื่องลำยองปูนปั้นอย่างทรงวิลันดา ภายในประดิษฐานพระประธานทรงเครื่องพระนามว่า พระพุทธเทวฤทธิ์ ที่ฝาผนังมีจิตรกรรมมหาชมพูบดีสูตร ฝีมือช่างพิณ อินฟ้าแสง พร้อมทั้งนมัสการหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ หรือหลวงพ่อวัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นรูปพระมาลัยถือตาลปัตร จากนั้นชมธรรมจักรสลักรูปเกียรติมุขหรือหน้ากาลสมัยทวารวดี รวมทั้งพระพุทธรูปสมัยอยุธยาในระเบียงคดรอบพระปรางค์มหาธาตุ จากนั้นชมพระวิหารน้อย ซึ่งมีรูปปั้น “คึกฤทธิ์แบก” ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ฝีมือช่างปูนเพชรบุรีอันเลื่องชื่อ ในท่าแบกฐานหลวงพ่ออู่ทอง พร้อมชมพระพุทธรูปและพระบฏสมัยอยุธยา-รัตนโกสินทร์ในศาลานางสาวอัมพร บุญประคอง ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ของวัด

12.00 น.

รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านพวงเพชร

13.00 น.

เดินทางไปยัง วัดใหญ่สุวรรณาราม

13.10 น.

ถึง วัดใหญ่สุวรรณาราม พาชมศิลปกรรมในวัดที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย ได้แก่

–          ระเบียงคด ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยขุนศรีวังยศ โดยมีการออกแบบแยกกันเป็นหลังๆ จนรัชกาลที่ 5 ทรงชมว่าทำออกมาได้แยบคายดี ทั้งยังมีหน้าบันเป็นพระบรมราชสัญลักษณ์ประจำรัชกาลพร้อมด้วยเลข 5 ซึ่งด้านหนึ่งที่กลับซ้ายขวางดงามแปลกตา

–          พระอุโบสถ ที่ล้อมรอบด้วยสีมาหินทรายแดงสมัยปลายอยุธยา หน้าบันมีปูนปั้นรูปครุฑยุดนาคประกอบลายก้านขดที่เลียนแบบมาจากลายพรมเปอร์เซียและรูปพระกฤษณะทรงยืนเหนือพาณาสูร ภายในประดิษฐานพระประธานปูนปั้นปางมารวิชัย และมีรูปพระสงฆ์พนมมือหล่อสำริดซึ่งเชื่อกันว่าคือสมเด็จพระสังฆราชแตงโมแห่งกรุงศรีอยุธยาซึ่งสมเด็จพระเจ้าเสือทรงนับถือเป็นพระอาจารย์ ที่เสาร่วมในเขียนเป็นลายทองบนพื้นชาดไม่ซ้ำแบบกันยกเว้นลายกรวยเชิงที่เหมือนกัน บริเวณผนังสกัดหน้าพระประธานวาดภาพมารผจญซึ่งมีภาพพระแม่ธรณีที่ทรวดทรงงดงามไม่แพ้วัดชมภูเวก จ.นนทบุรี ที่บานประตูด้านในวาดภาพเทพทวารบาลขนาดใหญ่บรรจงจับกระหนกพลิ้วไหวราวกับมีชีวิต ผนังแปเขียนภาพเทพชุมนุมอันโด่งดังฝีมือชั้นครู ผนังสกัดหลังเขียนลายทองบนพื้นชาดเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปมีนิ้วพระบาท 6 นิ้วองค์เดียวในประเทศไทย ที่พลาดไม่ได้คือภาพฝรั่งไว้หนวดเคราบนบานประตูของผนังสกัดหลังซึ่งไมเคิล ไรท์ เคยเสนอว่าเป็นภาพพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษและสก็อตแลนด์

–          หอไตรสามเสา ที่ปลูกไว้ริมสระ กล่าวกันว่าเสาทั้ง 3 ต้นที่ค้ำหอไตรไว้สอดคล้องกับพระไตรปิฎกทั้ง 3 หมวด คือ พระวินัยปิฎก พระสุตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก

–          ศาลาการเปรียญไม้ ที่เชื่อกันว่านำมาจากพระราชวังหลวงอยุธยาในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเสือ แต่ในที่นี้เสนอว่าอาจสร้างขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ เป็นศาลาการเปรียญมุขประเจิด หน้าบันจำหลักลายก้านขาด บานประตูจำหลักลายก้านขดหน้าสัตว์และต้นไม้แห่งชีวิต มีร่องรอยถูกของมีคมทำลายจนทะลุซึ่งเชื่อกันว่าเกิดจากทหารพม่าใช้ขวานฟัน ที่ผนังเคยเขียนลายทองบนพื้นแดงแต่ถูกสีทาทับในภายหลัง ภายในมีบุษบกธรรมาสน์สมัยอยุธยาตอนปลาย และเคยมีสังเค็ดมุขประเจิดทรวดทรงอ่อนช้อยงดงามซึ่งย้ายไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จนทุกวันนี้

14.30 น.

เดินทางต่อไปยัง วัดสระบัว

14.45 น.

ถึง วัดสระบัว ตั้งอยู่เชิงเขาวัง ชมความงดงามของปูนปั้นประดับพระอุโบสถและแท่นสีมาสมัยอยุธยาตอนปลาย หน้าบันของพระอุโบสถปั้นเป็นรูปพระกฤษณะเหนือพาณาสูร ซุ้มสีมาประดับรูปชาวต่างชาติ ครุฑ สิงห์ และเทพนมแบกไม่ซ้ำแบบกัน ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย ที่ด้านหลังเจาะช่องให้แสงสาดส่องเรืองรองเป็นรัศมีรอบพระประธาน เพดาน บานประตู และหน้าต่างเขียนลายทองพื้นแดงรูปมังกรและเซี่ยวกางอย่างจีน

15.30 น.

เดินทางไปยัง วัดพระพุทธไสยาสน์

15.35 น.

ชม วัดพระพุทธไสยาสน์ หรือวัดพระนอน เป็นพระพุทธไสยาสขนาดความยาวเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 23 จากลักษณะการก่อซุ้มโค้งยอดแหลมเป็นกรุภายในพระอุทรของพระพุทธไสยาสซึ่งเป็นลักษณะของซุ้มแบบอินโด-อิหร่านที่นิยมเป็นอย่างมากในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ เดิมประดิษฐานกลางแจ้งขนานไปกับเชิงเขาวัง ต่อมารัชกาลที่ 4 จึงทรงสร้างอาคารหลังคาสังกะสีคลุมถวาย และในรัชกาลที่ 5 จึงทรงสร้างพระวิหารขนาดใหญ่แบบอยุธยาถวาย ด้านหน้าพระวิหารพระพุทธไสยาสยังมีพระวิหารน้อยประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่สำริดจากสมัยอยุธยาตอนปลาย

16.30 น.

เดินทางไปยัง เจดีย์แดง

16.45 น.

ถึง เจดีย์แดง โบราณสถานแห่งนี้ตั้งอยู่นอกเมืองเก่าเพชรบุรี เป็นเจดีย์ก่อด้วยอิฐขนาดใหญ่สูงประมาณ 20 เมตร ที่เหนือเรือนธาตุมีซุ้มประตูทางทิศตะวันออก ส่วนด้านอื่นๆ ที่เหลือทำเป็นประตูหลอก ซึ่งอาจารย์ประยูร อุลุชาฏะ หรือ น. ณ ปากน้ำ สันนิษฐานว่าเป็นเจดีย์แบบอโยธยา-สุพรรณภูมิ แต่มีการซ่อมที่ฐานด้านล่างให้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมย่อมุมแล้วใส่แข้งสิงห์เข้าไป ซึ่งเป็นรูปแบบของเจดีย์ย่อมุมในสมัยอยุธยาตอนปลาย และจากหลักฐานด้านพงศาวดารทำให้มีข้อสันนิษฐานว่า อาจสร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ เมื่อคราวเสด็จไปคล้องช้างป่าที่เมืองเพชรบุรีแทน

17.30 น.

เดินทางไปยัง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

18.30 น.

รับประทานอาหารเย็น ที่ครัวห้วยทราย

19.50 น.

เข้าที่พัก Novotel Hua Hin Cha Am Beach Resort and Spa หรือเทียบเท่า**** จากนั้นให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2565

07.00 น.

รับประทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม

08.00 น.

ออกเดินทางไปยัง อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี

08.45 น.

ถึง วัดถ้ำรงค์ ที่มีหลักฐานศิลปกรรมภายในถ้ำหินปูนธรรมชาติในซอกหลืบของเขาลูกเล็กที่อยู่ในบริเวณวัด จนกระทั่งสมัยอยุธยาตอนกลางจึงได้ปรากฏหลักฐานศิลปกรรมอีกครั้ง ดังเห็นได้จากบรรดาพระพุทธรูปยืนขนาดน้อยใหญ่ในเรือนแก้วที่ลักษณะตัวเหงาเป็นแบบอยุธยาตอนกลางและได้รับการปฏิสังขรณ์เรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์

09.30 น.

เปลี่ยนเป็นรถราง เดินทางไปยัง ถ้ำยายจูงหลาน

09.45 น.

ชม ถ้ำยายจูงหลาน เป็นถ้ำขนาดเล็กใกล้กับวัดถ้ำเขาน้อยเกสโร ภายในพบร่องรอยปูนปั้นระบายสีซึ่งสันนิษฐานว่าอาจจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 12-14 เป็นภาพพระพุทธรูป ใกล้กันเป็นภาพบุคคลสวมผ้านุ่ง ศิราภรณ์และเครื่องประดับสองคน โดยบุคคลที่ยืนตริภังค์นั้นคาดว่าน่าจะเป็นพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ทั้งยังมีรูปเทวดาในท่าเหาะและพนมมือที่ผนังถ้ำอีกด้วย

10.20 น.

แวะ สวนตาลลุงถนอม แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาตาลโตนด หนึ่งเดียวของเมืองเพชรบุรี แวะทานของว่างพร้อมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากตาลโตนด

11.10 น.

เดินทางไปยัง วัดท่าไชยศิริ

11.20 น.

ชม วัดท่าไชยศิริ วัดโบราณตั้งแต่สมัยปลายอยุธยาที่ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปยืนทรงเครื่องน้อยสำริดจากสมัยอยุธยาตอนกลางปางห้ามญาติ พระนามว่า ‘พระพุทธศิริโรจนไชยมงคล’ ชมศาลาท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เป็นท่าตักน้ำจากแม่น้ำเพชรบุรีเพื่อใช้ประกอบเป็นน้ำสรงพระมุรธาภิเษกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมาแต่โบราณ รัชกาลที่ 5 ก็โปรดน้ำจากแม่น้ำเพชรบุรีมากและทรงขอให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อใช้เป็นน้ำเสวยตลอดทั้งรัชกาล

12.00 น.

รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านเปลญวน

13.00 น.

เดินทางต่อไปยัง วัดเกาะ

13.20 น.

ถึง วัดเกาะ ตั้งอยู่ที่ ต.คลองกระแชง ชมศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนปลายและรัตนโกสินทร์ช่วงรัชกาลที่ 5 ดังนี้

–          พระอุโบสถ แบบมหาอุตม์ที่ผนังแปและผนังสกัดเขียนภาพจิตรกรรมเต็มตลอดพื้นที่ โดยผนังสกัดหลังพระประธานปางสมาธิเป็นภาพมารผจญ ผนังสกัดด้านตรงข้ามเป็นภาพจักรวาล ลำดับสวรรค์ชั้นฉกามาพจรภพตั้งแต่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่ประทับของพระอินทร์จนถึงสวรรค์ปรนิมมิตวัสวดีที่ประทับของพญามาร ที่ผนังแปทั้ง 2 ด้านเขียนภาพสัตตมหาสถาน คือสถานที่ซึ่งพระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขหลังตรัสรู้ทั้ง 7 แห่งโดยลำดับจากภาพมารผจญซึ่งนับโพธิบัลลังก์เป็นสัตตมหาสถานแห่งแรกไปจนลำดับสุดท้ายของผนังแป และภาพอัฏฐมหาสถาน คือสถานที่อันเนื่องในพุทธประวัติทั้ง 8 ตอนเริ่มตั้งแต่ตอนประสูติจนไปจบที่ตอนทรมานเดียรถีย์ต่อเนื่องไปจนถึงตอนเสด็จดาวดึงส์ที่ควบรวมกับภาพมารผจญที่ผนังสกัดหน้าและจบลงด้วยแห่งสุดท้ายที่ภาพมหาปรินิพพาน สอดแทรกด้วยภาพมหานครใหญ่และมหาชนบทนคร ภาพจากปัญญาชาดก เพื่อให้พระอุโบสถเปรียบได้กับชมพูทวีปอันเป็นที่ตั้งของโพธิบัลลังก์ อันเป็นภาพสะท้อนการเปลี่ยนแปลงคติจักรวาลตามคัมภีร์โลกศาสตร์ที่ให้ความสำคัญกับโพธิบัลลังก์มากกว่าเขาพระสุเมรุ

–          ศาลาการเปรียญ ชมจิตรกรรมภาพพุทธประวัติจากปฐมสมโพธิกถาบนแผงไม้ประดับคอสอง และบุษบกธรรมาสน์สมัยรัตนโกสินทร์ที่ได้รับอิทธิพลและกลิ่นอายจากธรรมาสน์สมัยปลายอยุธยา

14.45 น.

เดินทางไปยัง วัดเขาบันไดอิฐ

15.00 น.

ถึง วัดเขาบันไดอิฐ วัดโบราณที่มีตำนานเกี่ยวกับกัญญาหรือประทุนเรือของสมเด็จพระเจ้าเสือในถ้ำที่อยู่ลึกเข้าไปในถ้ำประทุนและยังมีพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทรที่เชื่อว่าสมเด็จพระเจ้าเสือทรงสร้างถวายพระอาจารย์แสง ถ้ำแห่งนี้มีหลักฐานการใช้งานมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ดังเห็นได้จากบรรดาพระพุทธรูปปูนปั้นภายในถ้ำ จากนั้นนำชมกุฏิพระอาจารย์แสง เป็นพระวิหารหลังเล็กหรือวิหารแกลบที่ภายในมุขหลังประดิษฐานรูปพระมาลัยถือตาลปัตรสำริด พร้อมชมความงดงามของซุ้มยอดบุษบกปูนปั้นปิดทองภายในพระวิหารที่ยังคงสภาพสมบูรณ์จากสมัยอยุธยาตอนปลายอย่างน่าอัศจรรย์ จากนั้นนำชมโบสถ์เมียหลวงเมียน้อยบนยอดเขาไม่ไกลจากเขตสังฆาวาสของวัด พร้อมชมหน้าบันปูนปั้นสมัยอยุธยาตอนปลายรูปครุฑจับลายกระหนกที่มีความอ่อนช้อยและพลิ้วไหว ตรงข้ามกับหน้าบันอีกฝั่งที่รูปครุฑจะดูแข็งแรงและบึกบึนกว่า

16.00 น.

แวะซื้อของฝากที่ บ้านขนมนันทวัน

16.40 น.

เดินทางกลับกรุงเทพฯ

19.30 น.

ถึง มติชนอคาเดมี โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

***กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า***

**พักเดี่ยวจ่ายเพิ่ม 500 บาท

สนใจติดต่อมติชนอคาเดมี
 
  • inbox เฟซบุ๊ก Matichon Academy – มติชนอคาเดมี 
  • Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105
  • Line : @matichon-tour
  • line : @matichonacademy