วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม 2564
07.00 น. | ลงทะเบียน รับของที่ระลึก พร้อมรับประทานอาหารเช้าที่มติชนอคาเดมี |
08.00 น. | เดินทางสู่ วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร |
09.00 น. | ถึง วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร เดิมชื่อว่า ‘วัดหมู’ เป็นวัดเก่าแก่ริมคลองด่าน ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยใด ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้ทรงโปรดฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ พร้อมทั้งพระราชทานนามให้ใหม่ว่า “วัดอัปสรสวรรค์” เพื่อเป็นที่ระลึกแด่เจ้าจอมน้อย ฟังเรื่องราวความสำคัญของ “คลองด่านหรือคลองสนามไชย เส้นทางการคมนาคมหลักที่ใช้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา” พร้อมสักการะพระประธาน 28 องค์ ที่ประดิษฐานบนฐานชุกชีเดียวกันภายในพระอุโบสถที่ได้รับอิทธิพลศิลปะจีนตามแบบพระราชนิยม จากนั้นชมพระพุทธรูปปางฉันสมอ ซึ่งรัชกาลที่ 3 ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์และพระราชทานให้วัดแห่งนี้ และชมหอไตรกลางน้ำที่ยังหลงเหลืออยู่แห่งเดียวในกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ผนังมีการประดับกระจกสีที่แสนงดงามวิจิตรบรรจง |
10.30 น. | เดินทางต่อไปยัง วัดนางชีโชติการาม |
10.45 น. | ถึง วัดนางชีโชติการาม เป็นวัดโบราณที่มีการบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (อึ้งเทียนจ๋อง) โดยพระองค์ได้พระราชทานนามวัดแห่งนี้ว่า “วัดนางชีโชติการาม” อีกทั้งชื่อของวัดยังปรากฏชื่อในนิราศเมืองเพชรของสุนทรภู่อีกด้วย ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีการแบ่งผนังเป็นแถวๆ เป็นภาพเทพชุมนุม พระอสีติมหาสาวก 80 องค์ คนธรรพ์และวิทยาธร จากนั้นชมกระเบื้องเคลือบรูปเรือสำเภา ซึ่งรัชกาลที่ 3 พระราชทานให้แก่วัดแห่งนี้ 1 คู่ ประดับไว้ตรงกลางหน้าบันของพระวิหาร พร้อมฟังเรื่องราวของงานแห่พระบรมสารีริกธาตุหรืองานชักพระของที่นี่ โดยเป็นวัดเดียวที่ยังมีประเพณีนี้ ซึ่งพุทธศาสนิกชนชาวฝั่งธนบุรี ได้ถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน |
12.00 น. | รับประทานอาหารกลางวัน |
13.00 น. | เดินทางไปยัง วัดราชโอรสารามวรวิหาร |
13.30 น. | ถึง วัดราชโอรสารามวรวิหาร วัดประจำรัชกาลที่ 3 เดิมชื่อวัดจอมทอง โดยทรงผูกพันกับวัดแห่งนี้เนื่องจากพระปัยยิกา (ยายทวด) ของพระองค์มีนิวาสสถานอยู่ในบริเวณย่านนี้ ชมทวารบาลที่ทำจากกระเบื้องเคลือบแห่งเดียวในกรุงเทพฯ จากนั้นชมพระอุโบสถที่ภายนอกประดับด้วยกระเบื้องเคลือบดินเผา ซึ่งทุกวันนี้ยังครบถ้วนสมบูรณ์ จากนั้นเข้าสักการะพระพุทธไสยาสน์นารถชนินทร์ ชินสากยบรมสมเด็จสรรเพชญพุทธบพิตร โดยที่ฝ่าพระบาททั้งสองข้างมีการทำลวดลายมงคล 108 ประการที่พระบาทแบบเดียวกับพระพุทธไสยาสน์วัดโพธิ์ แต่ใช้เทคนิคลายรดน้ำแทน |
14.30 น. | เดินทางไปยัง วัดนางนองวรวิหาร |
14.40 น. | ถึง วัดนางนองวรวิหาร วัดเก่าแก่ที่รัชกาลที่ 3 โปรดฯ ให้ปฏิสังขรณ์และยกขึ้นเป็นพระอารามหลวง ชมพระอุโบสถศิลปกรรมแบบพระราชนิยม พร้อมสักการะ “พระพุทธมหาจักรพรรดิ” พระพุทธรูปทรงเครื่องปางมารวิชัย ที่แสดงถึงคติการเป็นพระจักรพรรดิราช จากนั้นชมภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถเรื่องชมพูบดีสูตร ซึ่งเป็นเรื่องราวของพระพุทธเจ้าปราบท้าวชมพูบดี รวมทั้งภาพลายกำมะลอเรื่องสามก๊ก และฮก ลก ซิ่ว เป็นต้น |
15.40 น. | เดินเท้าต่อไปยัง วัดหนังราชวรวิหาร |
15.50 น. | ถึง วัดหนังราชวรวิหาร บริเวณนี้เป็นนิวาสสถานเดิมของ “ท่านเพ็ง” พระชนนีของสมเด็จพระศรีสุลาลัย (เจ้าจอมมารดาเรียม) พระราชชนนีในรัชกาลที่ 3 เข้าสักการะ “หลวงพ่อสุขโข” พระประธานในพระอุโบสถ ซึ่งรัชกาลที่ 1 ทรงอัญเชิญมาจากเมืองสุโขทัย จากนั้นนมัสการรูปเหมือนพระภาวนาโกศลเถระ หรือหลวงปู่เอี่ยม สุวณฺณสโร อดีตเจ้าอาวาส พร้อมฟังเรื่องราวสรุปจากวิทยากร |
17.00 น. | เดินทางกลับมติชนอคาเดมี |
18.00 น. | ถึง มติชนอคาเดมี โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ |
***กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า***