เรียกได้ว่าเป็นอีกตอนที่มีคนกล่าวถึงมากในโซเชียล สำหรับตอนที่ 12 ของรายการ MasterChef Thailand มาสเตอร์เชฟประเทศไทย ซีซั่น 2 หลังผลงานการจัดจานเมนูของหวานของทีมสีแดง กับเมนูที่มีชื่อว่า “หวานนี้จะกี่แคล” ที่ประกอบไปด้วยพุดดิ้งนมอัลมอนด์โยเกิร์ต เบอร์รี่ซอส และมูสอาโวคาโด จัดวางคู่กับแกรนูลา ซึ่งผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายคนเห็นว่า มูสอาโวคาโดของทีมสีแดงนั้นเหมือนกับอุจจาระ ส่วนการตกแต่งจานก็เหมือนมีอุจจาระมาเลอะขอบคอห่าน และมองว่าการตกแต่งของทีมสีน้ำเงินทำได้ดีกว่า
ขณะที่กรรมการอย่าง “พี่ตือ” ชมว่าตกแต่งได้ดี รวมถึงนางแบบที่มาร่วมตัดสินก็ชมว่าสีแดงตกแต่งได้ดีเช่นกัน
เรื่องการมองว่าสวยหรือไม่สวยอาจเป็นมุมมองส่วนตัวของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม การจัดตกแต่งอาหารให้ดูน่ากินมากขึ้น หรือ Food Stylist ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้อาหารได้
โดย “เชฟประชัน วงศ์อุทัยพันธ์” เชฟใหญ่แห่งโรงแรมอโนมา กล่าวถึงการจัดตกแต่งอาหาร หรือ Food Stylist ว่า ในยุคปัจจุบัน เราต้องมีการแข่งขัน จำเป็นในการสร้างความแตกต่างเพื่อสร้างเอกลักษณ์ของร้าน หากมีคู่แข่งมาก ต้องทำให้โดดเด่น อันดับแรกราคาต้องโดดเด่น อันดับสอง หน้าตาต้องโดดเด่น ถ้าไม่โดดเด่นทั้งสองอย่าง รสชาติ และความเป็นตัวเอง ต้องมี เป็นที่มาว่าฟู้ด สไตลิสต์ จึงสำคัญกับสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มันถึงได้เกิดอาหารหน้าตาแปลก สวยงาม ที่แข่งกันในโลกโซเชียล
“สิ่งสำคัญของฟู้ด สไตลิสต์ คือ ต้องเข้าใจหลักการที่ถูกต้อง เพื่อดึงมูลค่าอาหารให้สูงขึ้น เช่น วัตถุดิบบางอย่างที่คิดว่าไม่น่าจะมีมูลค่า แต่เมื่อจับมาตกแต่งกลับเพิ่มมูลค่าขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ฉะนั้นถ้าเราได้มาเรียนรู้ ศึกษาหลักการที่ดี จะมีประโยชน์ต่อธุรกิจได้มาก เป็นการเพิ่มมูลค่า หรือที่ ฝรั่งเรียกว่า Value added” เชฟประชันกล่าว